ตอนที่297 แผนที่
“นี่นาย…”
ฮวาโหล่วจ้องมองฉีเล่ยด้วยความตกใจ และยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดจบประโยค ฉีเล่ยก็ได้ทำการถ่ายเทพลังหยินและหยางเข้าไปในร่างของผู้บาดเจ็บ ผ่านการตรวจจับชีพจรเรียบร้อยแล้ว
และนี่เป็นสิ่งที่ฉีเล่ยเพิ่งจะค้นพบ หลังจากที่ได้นึกถึงคำพูดของนักพรตซวนจื่อซือซึ่งได้บอกกับเขาเมื่อครั้งไปหาที่บ้าน ประกอบกับฮัวโต๋เองก็สามารถควบคุมพลังหยินและหยางได้ อีกทั้งได้นึกถึงเหตุการณ์ที่ใช้พลังทั้งสองเปิดประตูเมื่อครู่นี้ ทำให้ฉีเล่ยตระหนักได้ว่า พลังหยินและหยางนี้จะเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้เขาผ่านการทดสอบครั้งนี้ไปได้
และทันทีที่พลังหยินและหยางถูกถ่ายเทเข้าไปในร่างของผู้บาดเจ็บ บาดแผลของคนผู้นั้นก็ค่อยๆดีขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตาเปล่า และในเวลาไม่ถึงสองวินาที ฉีเล่ยก็สามารถรักษาบาดแผลของผู้ได้รับบาดเจ็บจนหายเป็นปกติได้
“นี่มัน…”
ฮวาโหล่วถึงกับตกใจจนแทบช็อคอีกครั้ง!
ในตอนนี้เอง ฮัวโต๋ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาแค่เสียง ร่างทั้งร่างได้มาปรากฏให้คนทั้งสองเห็นอีกครั้ง
“ขอแสดงความยินดี เจ้าเลือกวิธีการรักษาได้ถูกต้องแล้ว ขอให้โชคดี!”
หลังจากที่ฮัวโต๋กล่าวจบ ร่างของเขาก็ได้อันตรธานหายไปในทันที และสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวก็เปลี่ยนไป เวลานี้ทั้งสองคนกลับมาที่ห้องเดิมอีกครั้ง
เมื่อฮัวโต๋จากไปแล้ว ห้องทั้งห้องก็พลันปรากฏเสียงของการต่อสู้ที่น่าสลดหดหู่ใจขึ้น ราวกับว่าต้องการให้พวกเขาทั้งสองหวนนึกถึงสงครามเมื่อครั้งสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก และการจากไปที่น่าเศร้าของฮัวโต๋
ภายใต้สิ่งแวดล้อมเช่นนี้ ฮวาโหล่วแทบอยากจะร้องไห้ออกมา ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเริ่มแดงก่ำขณะหันไปถามฉีเล่ยว่า
“เมื่อครู่นายทำอะไรเหรอ?”
ต้องบอกว่า การที่ฉีเล่ยสามารถรักษาบาดแผลฉกรรจ์ให้หายได้ภายในไม่กี่วินาทีนั้น ได้ทำให้ฮวาโหล่วถึงกับสูญเสียความมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตนไปในทันที
ดูเหมือนในตัวผู้ชายคนนี้จะมีความลึกลับอยู่อย่างมากมาย!
ฉีเล่ยยิ้มให้ฮวาโหล่วพร้อมกับยกมือขึ้นลูบไล้ศรีษะของเธออย่างเอ็นดู ก่อนจะตอบไปว่า
“อย่าไปคิดอะไรให้มากมายเลย รู้เพียงแค่ว่าผมไม่ทำร้ายคุณแน่ๆก็พอ ส่วนเรื่องอะไรที่เห็นเมื่อครู่นี้ ก็เก็บไว้เป็นความลับล่ะ อย่าไปบอกให้ใครรู้ล่ะ”
พลังหยินและหยางนั้นเป็นเรื่องที่ผู้คนในยุคสมัยนี้ยากที่จะเชื่อและยอมรับได้ หากนำออกไปพูด เขาอาจจะถูกมองและถูกปฏิบัติราวกับเป็นสัตว์ประหลาดก็ได้ ฉีเล่ยขอเลือกมีชีวิตที่สงบในทุกๆวันจะดีกว่า
ทั้งสองคนไม่รีบร้อนที่จะเดินทางต่อนัก เพราะนอกจากจะผ่านเหตุการณ์มามากมายแล้ว ข้างนอกตอนนี้ก็ยังเป็นเวลากลางคืน เมื่อมองผ่านหน้าต่างออกไป ทั้งคู่ก็สามารถมองเห็นดวงจันทร์ที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าได้
ในเวลาเช่นนี้ ฉีเล่ยเลือกที่จะนอนพักผ่อนอยู่ในห้องที่แสนอบอุ่นสบาย และมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง แทนการออกไปตะลอนๆอยู่ข้างนอกดีกว่า
ฮวาโหล่วเองก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ หลังจากรับประทานอาหารและน้ำดื่มไปสองสามคำ ทั้งคู่ก็ไปนั่งอยู่บนเตียง แล้วกลิ่นอายของของธรรมชาติก็ได้ปรากฏขึ้น นำพาทั้งสองคนเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองคนคาดไม่ถึงก็คือ ข้างหน้านั้นยังมีเรื่องยุ่งยากอีกมากมายกำลังรอคอยพวกเขาอยู่…
…….
หลังจากผ่านการทดสอบด่านแรก และนอนหลับพักผ่อนไปหนึ่งคืนแล้ว ในวันที่สอง ทั้งคู่ก็เริ่มออกค้นหาคัมภีร์ต่อ
ราวกับว่าบ้านหลังนี้ถูกตระเตรียมไว้ให้คนทั้งคู่ได้นอนหลับพักผ่อน เพราะหลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องนั้นแล้ว ห้องทั้งห้องก็ได้อันตรธานหายไปในอากาศทันที ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่มาก่อน
“ห๊ะ?! หายไปดื้อๆแบบนี้เลยเหรอ?”
ดูเหมือนฮวาโหล่วจะยังไม่อยากออกเดินต่อนัก เธอหันกลับไปมองด้วยสีหน้าท่าทางระล้าระลัง และไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“เรื่องนั้นช่างเถอะ! พวกเรารีบออกค้นหาต่อดีกว่า ข้างหน้าอาจจะมีอะไรดีๆกำลังรอพวกเราอยู่ก็ได้นะ”
ฉีเล่ยไม่ใช่คนที่ติดอยู่กับอดีต จึงรีบดึงมือฮวาโหล่วให้ออกเดินต่อไปทันที
ฮวาโหล่วเดินตามฉีเล่ยไปอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก และเมื่อเดินไปตามทางเรื่อยๆ ในที่สุดทั้งสองคนก็ไปถึงบริเวณที่มีเป็นพื้นที่กว้างใหญ่มากแห่งหนึ่ง
“ผมเดินวนดูตั้งสองรอบสามรอบแล้ว ก็ยังไม่เห็นถนนสักเส้นเลย”
ฉีเล่ยได้ลองเดินสำรวจดูแถบนั้นถึงสองสามรอบ ก่อนจะหันไปมองฮวาโหล่วพร้อมกับกำชับว่า
“ยืนอยู่ตรงนี้ล่ะ ห้ามไปไหนเด็ดขาด! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ให้ร้องตะโกนดังๆ แล้วผมจะรีบกลับมาทันที เข้าใจไหม?”
ยิ่งเดินสำรวจบริเวณรอบๆมากเท่าไหร่ ฉีเล่ยก็ยิ่งรู้สึกว่าที่นี่ดูไม่เหมือนเขาจิ่วเหลียนเลยแม้แต่น้อย เขาเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก จึงไม่กล้าที่พาฮวาโหล่วไปเดินสำรวจด้วย แต่ก็ไม่กล้าที่จะทิ้งเธอไว้คนเดียวลำพังนานนัก
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก นายไปเถอะ!” ฮวาโหล่วเอ่ยตอบยิ้มๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน