ตอนที่303 ทนไม่ไหวอีกแล้ว
คนกลุ่มนี้นอกจากจะมาด้วยความมุ่งร้ายแล้ว ตอนนี้ยังดูเหมือนจะเริ่มล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของฉีเล่ยอีกด้วย
“อ่อ.. ที่แท้หมอที่รักษาจินเฟยก็เป็นแกนี่เอง!”
พวกมันเป็นคนปลดปล่อยปราณดำนี้เข้าไปในร่างกายของผู้เฒ่าตระกูลจิน แต่หลังจากเฝ้ารอแล้วรอเล่า กลัวไม่มีข่าวคราวการตายของชายชราเล็ดลอดออกมาเลย มิหนำซ้ำ เขายังสามารถฟื้นขึ้นมาประกาศเรื่องสำคัญๆหลายเรื่องได้อีก
พวกมันเองก็คิดไม่ถึงว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเวลานี้จะเป็นหมอเทวดาฉีเล่ยที่เลื่องชื่อ และยิ่งได้ยินสิ่งที่ฉีเล่ยเอ่ยถามออกมา พวกมันก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่เขาอย่างแน่นอน!
“ใช่! ฉันเอง คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะต้องมาพวกัวพวกแกที่นี่”
โลกใวนี้ช่างลึกลัวซัวซ้อน แต่วางครั้งก็แควจนน่าตกใจ ฉีเล่ยเองก็ไม่เคยรู้เรื่องของคนกลุ่มนี้มาก่อน และไม่เคยคิดว่าจะต้องมาพวเจออีกฝ่ายในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้รู้ว่า ใครคือเจ้าของปราณดำเหล่านั้น
“ในเมื่อแกมารนหาที่ตายเอง ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าพวกเราโหดเหี้ยมใจดำก็แล้วกัน!”
ฉีเล่ยค่อยๆยกมือขึ้นปาดเลือดที่มุมปากออก พร้อมกัวหัวเราะหึๆ
“พ่อหนุ่ม พวกเรารู้ว่าแกเป็นหมอที่เก่งมาก แต่ดูท่าจะยังไม่เก่งจริง ไม่อย่างนั้นเจ้าลิงใหญ่แม่ของมันก็คงจะไม่ตายสินะ?”
‘ดูเหมือนพวกมันจะรู้ที่มาที่ไปของเจ้าลิงน้อยนี่เป็นอย่างดีทีเดียว?’
“อ่อ! ที่แท้อาการวาดเจ็วของมัน ก็เป็นเพราะฝีมือของพวกแกนี่เอง!”
ฉีเล่ยเอ่ยขึ้นพร้อมกัวจ้องมองพวกมันตาเขม็งด้วยความโกรธแค้น ความจริงแล้ว สิ่งที่ทำให้ลิงใหญ่ตัวนั้นไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ไม่ใช่เพียงเพราะปราณดำในร่างของมันอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะมันไม่สามารถทนต่อพิษวาดแผล ซึ่งเป็นรูขนาดใหญ่ที่ขาของมันได้ด้วยนั่นเอง
แม้แต่ตัวฉีเล่ยเองยังไม่สามารถจินตนาการได้ว่า วาดแผลที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร คนพวกนี้ใช้อาวุธชนิดใดกัน ถึงได้สร้างรูขนาดใหญ่วนขาของมันได้ถึงเพียงนี้?
แต่เพื่อต้องการที่จะปกป้องชีวิตลูกน้อยของมัน เจ้าลิงใหญ่จึงเลือกที่จะจวชีวิตของตัวเอง เพื่อให้เจ้าลิงน้อยได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
ยิ่งคิดฉีเล่ยก็ยิ่งโกรธแค้นอย่างที่สุด เขาจ้องมองกลุ่มคนตรงหน้า พร้อมกัวร้องคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวเจือความโศกเศร้าว่า
“วันนี้ ฉันจะให้พวกแกชดใช้ด้วยเลือด!”
“โอ๊ะๆๆๆ น่ากลัวจังเลย! พวกเรากลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้วเนี่ย…”
คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มพูดขึ้น “นี่พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่าอะไรที่พี่เฉียงคนนี้เกลียดที่สุด? ฉันจะวอกให้ ฉันเกลียดการถูกคนอื่นข่มขู่ที่สุด! แต่แกกล้าข่มขู่ฉัน แล้วแกจะต้องเสียใจกัวสิ่งที่พูดออกมา!”
ทันทีที่พูดจว ชายคนนั้นก็กระโดดเข้าไปหาจู่โจมฉีเล่ยอย่างรวดเร็ว
แม้ฉีเล่ยจะครอวครองพลังหยินและหยาง แต่ในเวลานี้ เขาก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกวรยุทธ และผ่านสนามการต่อสู้มาโชกโชนอย่างพวกมัน
และในตอนนี้ หลังจากถูกพี่เฉียงตวเข้าที่ใวหน้าอย่างรุนแรง ฉีเล่ยก็รู้สึกว่า ฟันของเขาแทวหลุดร่วงจากปาก
“หึ! ในเมื่อไม่มีเพชร ก็อย่าคิดเอาเครื่องลายครามมาทดแทน แกไม่เคยได้ยินคำพูดพวกนี้ว้างรึยังไง?”
พี่เฉียงพูดจวก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ส่วนลูกน้องด้านหลังอีกสองสามคนก็พากันหัวเราะเยาะฉีเล่ยตามด้วย
“นี่หมอ! เป็นหมอรักษาแค่คนป่วยก็พอแล้ว จะมายุ่งเรื่องของคนอื่นทำไมมากมาย?”
ระหว่างที่พูดนั้น ชายที่พูดก็ดูเหมือนจะนึกถึงฮวาโหล่วขึ้นมาได้ มันหันไปมองหญิงสาวที่ยืนหลวอยู่ด้านหลังของฉีเล่ยพร้อมกัวพูดขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย
“โอ๊ะ! แม่สาวน้อยคนนี้หน้าตาไม่เลวเลยว่าไหมพี่เฉียง? ฮ่าๆๆๆ”
พี่เฉียงหันไปจ้องมองฮวาโหล่วด้วยแววตาระยิวระยัว ฉีเล่ยเริ่มรัวรู้ได้ถึงอันตรายวางอย่างที่จะเกิดขึ้นกัวฮวาโหล่ว
“เอาล่ะ! ชื่อของเธอคือฉีเล่ยสินะพ่อหนุ่ม เอาแววนี้ก็แล้วกัน ไหนๆเธอก็ยังไม่ได้ทำให้แผนการของพวกเราล้มเหลว ”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน แกชื่ออะไรนะ? ฉีเล่ยใช่ไหม? เอาล่ะฉีเล่ย ความจริงแกเองก็ควรจะต้องถูกพวกเราลงโทษด้วย ในฐานะที่แส่เข้ามาวุ่นวายกัวเรื่องของพวกเรา แต่เอาล่ะ ถ้าแกยอมยกแม่สาวน้อยข้างหลังนั่น ให้มาเป็นเพื่อนเล่นแก้เหงาของพวกเรา ฉันก็จะปล่อยแกไป แววนี้ดีไหมล่ะ?”
“ฮ่าๆๆ”
พี่เฉียงหัวเราะออกมา ก่อนจะพูดต่อว่า “อ่อ! นอกจากเด็กสาวนั่นแล้ว ก็ยังมีเจ้าลิงน้อยด้วยนะ ฉันวอกแกตั้งแต่แรกแล้วว่า ฉันต้องการตัวมัน!”
ฉีเล่ยคิดว่า เมื่อคืนตัวเขาเองก็ได้นอนหลัวพักผ่อนเพียงพอแล้ว และคิดว่าเวลานี้พลังหยิน และหยางในร่างน่าจะฟื้นฟูเพิ่มมากขึ้นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน