ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 302

ตอนที่302 เจ้าของพลังงานสีดำ

ฉีเล่ยถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่เข้าใจว่า นอกจากตัวเขากับหมอหนุ่มคนนั้นแล้ว ยังมีใครที่รู้เรื่องแผนที่ฉบับนี้อีก จึงได้แต่ถามกลับไปว่า

“แล้วทำไมฉันต้องมอบให้พวกแกด้วย?”

“อย่ามาทำปากดีไปหน่อยเลย! บนเขาสูงแบบนี้ พวกฉันสามารถฆ่าพวกแกหมกป่าได้โดยที่ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ แล้วคิดว่าแหกปากร้องตะโกนอยู่บนนี้ จะไม่ใครขึ้นมาช่วยงั้นเหรอ? ถึงตอนนั้น กระทั่งญาติของแกก็ไม่มีปัญญาจะหาศพพวกแกเจอได้เลย!”

แม้ฉีเล่ยจะไม่ค่อยชอบคนพูดจาข่มขู่แบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า คำพูดของชายคนนี้ออกจะถูกต้องไม่น้อยทีเดียว

“คิดดูให้ดีนะ! พวกฉันก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลอะไร ขอเพียงแค่ยอมทำตามคำขอของฉัน ฉันก็จะปล่อยพวกเธอสองคนลงเขาไปอย่างปลอดภัย!”

หลังจากที่เห็นกลุ่มคนตรงหน้าในเวลานี้ เขาเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่า หากเขายังไม่ยอมมอบสิ่งที่พวกมันต้องการแล้วล่ะก็ คงยากที่เขากับฮวาโหล่วจะสามารถเดินลงเขาลูกนี้ไปได้

“นี่! ทำไมนายถึงไม่ใช้พลังในตัวของนายล่ะ?”

ฮวาโหล่วรู้ดีว่าฉีเล่ยมีพลังแปลกประหลาดอยู่ เธอจึงรีบกระซิบบอกเขาด้วยความหวาดกลัว

แต่มีหรือที่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ หากสามารถใช้พลังหยินและหยางได้ แล้วฉีเล่ยจะไม่ยอมใช้?

เพียงแต่ เมื่อคืนเขาใช้พลังหยินและหยางไปกับการรักษาลิงใหญ่ตัวนั้นจนหมด แม้วันนี้จะพอฟื้นคืนกลับมาได้บ้าง แต่ก็ไม่มากพอที่จะนำมาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในตอนนี้ได้ และหากเขารู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาก็คงจะถนอมพลังทั้งสองเอาไว้อย่างแน่นอน

เมื่อเห็นฉีเล่ยยังคงนิ่งเงียบ ฮวาโหล่วก็ได้แต่กระซิบบอกด้วยความร้อนใจ

“จะทำอะไรก็รีบๆทำสักอย่างสิ?”

คัมภีร์เล่มนี้ ทั้งเขาและฮวาโหล่วต่างก็ได้มาด้วยความลำบากยากเย็น แต่จู่ๆกลับจะต้องยกให้คนอื่นง่ายๆแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากเหมือนกัน แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ฉีเล่ยก็จำต้องกัดฟันพูดกับฮวาโหล่วไปว่า

“ให้พวกมันไป!”

เพราะนี่เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะรักษาชีวิตของพวกเขาทั้งสองไว้ได้!

“แต่ว่า…”

ฮวาโหล่วร้องออกมาด้วยความเสียดาย แต่ฉีเล่ยรีบกระซิบบอกเธอไปว่า

“ไม่ต้องห่วง ผมจำเนื้อหาในนั้นได้ตั้งมากมายแล้ว!”

นับว่าเป็นความโชคดีที่ก่อนหน้านี้ ฉีเล่ยได้นั่งอ่านคัมภีร์เล่มนั้นจนหมดเล่มแล้ว และด้วยความสามารถในการจดจำที่สูงกว่าคนทั่วไปของฉีเล่ย ทำให้เขาสามารถจดจำเนื้อหาที่อยู่ภายในคัมภีร์ได้อย่างมากมาย

เมื่อได้ยินฉีเล่ยกระซิบบอกแบบนั้น ฮวาโหล่วก็ได้แต่กัดฟันกรอด เธอกำคัมภีร์เจินจิ่วเจี่ยอี่จิงในมือไว้แน่น ก่อนจะเดินเข้าไปหากลุ่มคนตรงหน้าอย่างเชื่องช้า และเมื่อไปถึง เธอก็ยื่นคัมภีร์ในมือให้กับพวกมัน พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“อยากได้ก็เอาไปสิ!”

ฉีเล่ยที่กำลังมองฮวาโหล่วยื่นคัมภีร์ล้ำค่าเล่มนั้นให้กับกลุ่มคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ ราวกับถูกใครเอามีดกรีดลงกลางใจเลยทีเดียว สมบัติล้ำค่าหาได้ยากแบบนี้ ต่อให้มีเงินทองมากเท่าไหร่ก็หาซื้อไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตอีกแล้ว

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กลับทำให้ฉีเล่ยและฮวาโหล่วถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง!

“ไอ้พวกบ้า! ฉันจะเอาของพวกนี้ไปทำไมกัน? นี่พวกแกคิดจะเล่นตลกอะไรวะ?”

เสียงของใครบางคนในกลุ่มนั้นดังตวาดกลับมา

ฉีเล่ยได้แต่ยืนงุนงงและตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ เขาคิดไม่ถึงว่า คัมภีร์ล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้เล่มนี้ กลับไม่มีค่าและไม่มีความหมายในสายตาของคนพวกนี้เลยงั้นหรือ?

‘นี่หมายความว่า พวกมันไม่ได้ต้องการคัมภีร์เล่มนี้หรอกเหรอ?’

ฉีเล่ยรู้สึกดีใจอย่างมากที่รู้ว่า พวกมันไม่ได้ต้องการคัมภีร์ล้ำค่าเล่มนี้ เพราะในที่สุดเขาก็สามารถรักษาคัมภีร์ล้ำค่านี้ไว้ได้ จึงได้แต่ร้องถามออกไปว่า

“แล้วพวกแกต้องการอะไรกันแน่?”

ฉีเล่ยสงบสติ และพยายามระงับความดีอกดีใจไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปหากลุ่มคนตรงหน้า พร้อมกับส่งสัญญาณให้ฮวาโหล่วที่ถือคัมภีร์อยู่ในมือ เดินถอยหลังกลับออกไป

“สิ่งที่พวกเราต้องการก็คือลิงน้อยตัวนั้น!”

“อะไรนะ?!”

ฉีเล่ยร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เขาหรี่ตาลงอย่างระแวดระวัง หากคนพวกนี้ต้องการคัมภีร์เจินจิ่วเจี่ยอี่จิง เขายังพอที่จะตัดใจมอบให้ได้ แต่หากเป็นเจ้าลิงน้อยตัวนี้แล้วล่ะก็ เขาไม่มีทางยอมมอบให้อย่างแน่นอน!

นี่ยังไม่พูดถึงว่าเขากับเจ้าลิงน้อยจะมีชะตาต้องกันอย่างไร เพราะเพียงแค่นึกถึงสายตาของลิงใหญ่ตัวนั้นที่จ้องมองเขาก่อนสิ้นลม นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เขาไม่อาจทอดทิ้งเจ้าลิงน้อยตัวนี้ได้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน