ตอนที่ 44 วิญญาณชั่วร้าย
เวลานี้ รถแท็กซี่ได้แล่นเข้ามาภายในหมู่บ้านแล้ว แม้จะยังอยู่ห่างจากบ้านสกุลหวู่มาก แต่ฉีเล่ยก็สามารถมองเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น
เวลานี้ มีคนกลุ่มใหญ่ราวยี่สิบกว่าคน กำลังยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูบ้านสกุลหวู่ พวกเขาดูเหมือนจะเป็นคนรับใช้ หรือไม่ก็คนทำงานที่ทำงานอยู่กับสกุลหวู่ และรถสองสามคันที่จอดอยู่หน้าบ้าน ก็ยิ่งเป็นการยืนยันการคาดเดาของฉีเล่ย
คนเหล่านี้สวมเสื้อผ้าแตกต่างกัน แต่สีหน้าท่าทางของพวกเขากลับเหมือนกัน คือมีอาการตื่นตระหนก และหวาดกลัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้หญิงสองสามคน ที่มีอาการหนักกว่าใครๆ พวกเธอถึงกับนั่งยองๆอยู่กับพื้น เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด
รถแท็กซี่เคลื่อนมาจอดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า เมื่อก้าวลงจากรถ ฉีเล่ยก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที เขาร้องตะโกนขอทาง และแหวกผู้คนที่ออกันอยู่เต็มหน้าบ้านเข้าไปด้านใน
“หลีกทางด้วยครับ ขอทางให้ผมเข้าไปข้างในด้วย!”
พนักงานธุรการคนหนึ่งหันไปถามทันที “คุณ.. คุณคงจะเป็นคุณหมอฉีที่อาวุโสหวู่เชิญมาสินะครับ? ถ้าใช่ ก็รีบเข้าไปในบ้านเลยครับ! รีบเข้าไปดูท่านประธานหวู่ ตอนนี้ท่านประธานอยู่ข้างบน คือเขา..”
ฉีเล่ยรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองตามที่พนักงานคนนั้นบอกทันที แต่เมื่อวิ่งขึ้นบันไดไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง เขาก็สังเกตเห็นว่า ประตูชั้นสองนั้นถูกปิดไว้สนิท และมีเสียงดังโหวกเหวกโวยวายมาจากด้านใน บ่งบอกว่ากำลังมีเหตุการณ์โกลาหลอยู่ ระหว่างนั้น ก็มีเสียงร้องตะโกนออกมาว่า ‘ระวังๆ’ พร้อมกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ได้สร้างความประหลาดใจ และความสงสัยให้กับฉีเล่ยเป็อย่างมาก!
ก่อนที่จะมาถึงนั้น ฉีเล่ยเองยังคาดเดาว่า หวู่เฉินเทียนน่าจะป่วยกะทันหัน จนทำให้อาวุโสหวู่ตกอกตกใจมากกว่า และคิดว่าคงจะเป็นอยู่ไม่เกินสองสามโรค
เท่าที่ฉีเล่ยเคยพบเห็นหวู่เฉินเทียนมา เขาสังเกตเห็นว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ค่อนข้างแข็งแรงมาก อย่าว่าแต่โรคร้ายแรงเลย กระทั่งอาการป่วยเล็กๆน้อยๆเขาก็ยังแทบไม่เคยเป็นด้วยซ้ำไป
เป็นไปได้หรือที่คนมีร่างกายแข็งแรงขนาดนี้ จะป่วยเป็นโรคร้ายแรงอย่างกะทันหัน ที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ อย่างเช่นหัวใจวาย หรือเลือดออกในสมอง แต่สิ่งที่พอจะเป็นไปได้ก็คืออุบัติเหตุรุนแรงมากกว่า
แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุรุนแรง ทำไมถึงไม่รีบส่งตัวหวู่เฉินเทียนไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด? ทำไมต้องรอเขานั่งรถแท็กซี่มาจากบ้าน และเมื่อมาถึงก็ปิดประตูแน่น..
ฉีเล่ยได้แต่ครุ่นคิดด้วยความงุนงงสงสัย..
แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของผู้คนที่อยู่ชั้นล่าง ฉีเล่ยก็ยิ่งรู้สึกว่า มีบางอย่างที่ผิดปกติมาก และเวลานี้ ใจของเขาก็เต้นแรงไม่น้อยทีเดียว เขาไม่รู้ว่าภายในห้องเวลานี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เพื่อเป็นการเตรียมตัวเตรียมไว้เบื้องต้น ฉีเล่ยจึงไม่รีบร้อนเปิดประตูเข้าไปนัก เขาใช้พลังเหนือธรรมชาติที่ตนเองมีในเวลานี้ ส่องดูเหตุการณ์ที่อยู่ด้านใน..
และภาพที่ชายหนุ่มเห็นในเวลานี้ ก็ทำให้เขาถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว!
นั่นเพราะสภาพของหวู่เฉินเทียนเวลานี้ แทบดูไม่เหมือนมนุษย์!
ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียว ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ สีหน้าดุดันดูน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ฝ่ามือทั้งสองข้างเกาไปทั่วทั้งร่างอย่างเมามัน
เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องถูกทุบ และขวางปาจนแตกกระจายเสียหาย ภายในห้องมีคนแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ราวสามสี่คม และพวกเขาก็พยายามออกแรงกันอย่างสุดกำลัง เพื่อควบคุมหวู่เฉินเทียนไว้
แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์…
นั่นเพราะเวลานี้ หวู่เฉินเทียนมีสภาพไม่ต่างจากสัตว์ประหลาด ที่มีร่างกายแข็งแรง และแข็งแกร่งมาก กระทั่งชายฉกรรจ์กว่าสี่คนเข้าไปช่วยกันจับตัวไว้ ยังไม่สามารถสู้แรงหวู่เฉินเทียนคนเดียวได้
และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขานั้น กำลังจิกไปตามเนื้อตัว และฉีกร่างของตนเองอยู่ไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา หน้าอก ลำคอ หรือว่าลำตัว ทุกส่วนแล้วแต่มีร่องรอยของผิวหนังของการถูกแรงกระชากฉีกขาดให้เห็นอย่างชัดเจน..
ส่วนหวู่เฉิงเฟิงนั้นกำลังยืนหลบอยู่ที่มุมห้อง ร่างทั้งร่างของเขาสั่นเทาราวกับลูกนก สายตาทั้งคู่ที่จ้องมองลูกชายในนั้น เต็มไปด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง..
หลังจากได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องทั้งหมดแล้ว ฉีเล่ยก็ได้แต่คิดว่า หวู่เฉินเทียนคงจะถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงแน่!
เขาถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อรวบรวมความกล้า พร้อมกับให้กำลังใจตัวเอง..
“ได้!”
“ฉันต้องทำได้!”
หากเป็นก่อนหน้านี้ ฉีเล่ยอาจจะไม่มั่นใจนักว่าจะสามารถช่วยหวู่เฉินเทียนได้หรือไม่? แต่เวลานี้ หลังจากที่ได้ดูดซับเอาแก่นวิญญาณภายในลูกทองแดงนั่นเข้าไป ก็ดูเหมือนว่าเขาจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขับไล่วิญญาณชั่วร้ายเพิ่มขึ้นมาด้วย และความรู้เหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่ถูกส่งผ่านมาจากบรรพชนสกุลเฉินทั้งสิ้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน