ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 49

ตอนที่49 สาวสวยผู้แสนเย็นชา

หลังออกมาจากสนามบินฉีเหล่ยได้โทรหาหลี่ฮั่วเฉินทันที

แต่หลี่ฮั่วเฉินซึ่งอยู่ปลายสายกลับแจ้งว่า ตนมีธุระที่ต้องจัดการและไม่สามารถออกไปรับชายหนุ่มได้ แต่ก็บอกกับเขาว่าจะส่งคนไปรับแทน ทั้งยังสั่งฉีเล่ยว่า

“นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาปักกิ่งใช่ไหม? แล้วนี่เธอมีที่พักหรือยัง?”

หลังจากเห็นฉีเล่ยนิ่งเงียบไป ชายชราจึงได้พูดต่อทันที “คงจะยังไม่มีสินะ! อย่างไรก็ห้ามเธอไปพักโรงแรม เพราะคงจะไม่สะดวกในหลายๆเรื่อง เดี๋ยวฉันจะให้เสี่ยวหลินไปรับเธอมาที่บ้านของฉัน ที่นี่ค่อนข้างใหญ่โตพอสมควร มีห้องหับให้พักได้สะดวก”

“อ่อ! แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะทำอะไรล่ะ ฮ่าๆๆ ไว้ใจฉันได้! ไม่ต้องเกรงใจ เพราะฉันเองก็มีเรื่องต้องคุยกับเธออีกมาก”

ความจริงฉีเล่ยไม่ได้ต้องการไปรบกวนหลี่ฮั่วเฉิน แต่ยังไม่ทันจะได้ปฏิเสธ ชายชราก็กดวางสายไปเสียก่อน

ในเมื่อไม่มีทางเลือก ฉีเล่ยจึงจำเป็นต้องตอบรับคำเชิญของอีกฝ่าย และได้แต่ยืนรอคนที่หลี่ฮั่วเฉินส่งมารับตนที่สนามบินแทน

ในเวลาไม่ถึงสิบนาที ชายหนุ่มหน้าตาสุดแสนธรรมดาคนหนึ่ง ก็ปรากฏตัวขึ้นภายในอาคารผู้โดยสารของสนามบิน พร้อมกับถือแผ่นป้ายที่มีชื่อ ‘ฉีเล่ย’ ไว้ในมือ ฉีเล่ยจึงรู้ได้ทันทีว่า ชายหนุ่มคนนี้จะต้องเป็นเสี่ยวหลินที่หลี่ฮั่วเฉินพูดถึงไม่ผิดแน่ เขาจึงรีบเดินลากกระเป๋าเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที

เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเห็นฉีเล่ยกำลังเดินตรงเข้ามาหา เขาก็รีบโค้งคำนับ ก่อนจะร้องทักทายด้วยสีหน้าท่าทางกระตือรือร้น

“คุณคือคุณฉีเล่ยใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับ ผมฉีเล่ย”

หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอ เสี่ยวหลินก็รีบเดินนำฉีเล่ยออกไปขึ้นรถตู้ พร้อมกับแนะนำตัวเอง

“ผมชื่อหลินอันนะครับ หรือคุณฉีจะเรียกผมว่าเสี่ยวหลินก็ได้ครับ”

หลังจากแนะนำตัวแล้ว หลินอันก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังประหม่าที่ได้พบกับฉีเล่ยอย่างมาก สังเกตได้จากใบหูที่แดงก่ำของเขา ซึ่งเกิดจากความตึงเครียด

หลินอันไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรอีกต่อไป เขาจัดการสตาร์ทรถ ขับขึ้นทางด่วนจากสนามบินมุ่งสู่ตัวเมืองทันที

ขับไปได้ราวหนึ่งชั่วโมงเศษ บริเวณโดยรอบจากย่านชุมชนคนสัญจรธรรมดาทั่วไป ก็กลับกลายมาเป็นหมู่บ้านหรูหราระดับไฮเอนด์ แต่หลินอันยังคงขับตรงต่อไปจนกระทั่งรถไปหยุดลงที่หน้าบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง

หลังจากช่วยฉีเล่ยยกกระเป๋าเดินทางออกจากท้ายรถแล้ว หลินอันก็ได้ยกมือขึ้นชี้ไปที่บ้านงเดี่ยวหลังนั้นและบอกกับฉีเล่ยว่า

“ถึงบ้านของนายท่านหลี่แล้วครับ เชิญคุณฉีเข้าไปด้านในได้เลยครับ ผม…ผมมาส่งได้แค่นี้ครับ”

เมื่อได้ยินหลินอันพูดเช่นนี้ ฉีเล่ยถึงกับหันขวับไปมองหน้าอีกฝ่าย ซึ่งมีสีหน้าท่าทางอึดอัดราวกับมีบางอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้

ฉีเล่ยจับจ้องไปที่ใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะกำลังประหมา พร้อมกับถามยิ้มๆ

“ทำไมคุณถึงไปส่งผมด้านในไม่ได้ล่ะครับ?”

“เอ่อ…เอ่อ…ผม…”

“บ้านหลังนี้มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”

“ผม…ผมไม่กล้าเข้าไปครับ”

“ทำไมถึงไม่กล้าเข้าไปล่ะ?”

“นายท่านหลี่.. นายท่านหลี่มีหลานสาวอยู่คนหนึ่งครับ แล้ววันนี้คุณหนูเธอน่าจะกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้าน…”

“หลานสาว?”

ฉีเล่ยยกนิ้วขึ้นถูกจมูกเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามต่อว่า

“เธออยู่ในบ้านแล้วยังไง? หรือเธอเป็นพวกอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง หรือว่าเป็นโรคอะไรสักอย่างที่ทำให้เธอเสียโฉมจนไม่อยากพบเจอใคร?”

“ไม่…ไม่ใช่แบบนั้นครับ คุณหนูหลี่เธอสวยมาก เธอสวยมากจริงๆ เพียงแต่นิสัยของเธอ…เอ่อ…”

เมื่อเห็นหลินอันพูดติดอ่างไม่เป็นคำ ฉีเล่ยก็ยิ่งรู้สึกสงสัยจึงเอ่ยถามต่อว่า

“แล้วทำไมคุณถึงไม่กล้าเข้าไปล่ะ?”

ระหว่างที่ถูกหลินหนานซัก สีหน้าของหลินอันก็ดูแย่มาก คล้ายกับคนกำลังจะร้องไห้

“เธอ…เธอไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่ ผม…เลยไม่กล้าเข้าไปครับ”

เมื่อเห็นหลินอันที่ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้แบบนั้นใจหนึ่งฉีเล่ยก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย แต่อีกใจก็ไม่ต้องการที่จะไปคะยั้นคะยอคนรับใช้ผู้ซื่อตรงคนนี้อีก จึงได้แต่ยิ้มและพูดไปว่า

“เข้าใจแล้ว งั้นฉันเข้าไปเอง ขอบคุณมากที่มาส่ง”

เมื่อได้ยินคำตอบของฉีเล่ย หลินอันก็รีบตอบกลับทันที

“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณ นี้เป็นกุญแจที่นายท่านหลี่ให้นำมาให้คุณ ขอให้โชคดีนะครับ”

หลินอันโค้งคำนับให้ฉีเล่ยหนึ่งที และหลังจากถอยหลังออกไปได้เพียงสองก้าว เขาก็รีบวิ่งขึ้นรถตู้และรีบขับหนีออกไปทันที

ทำไมต้องกลัวขนาดนั้น?

‘หลานสาวของอาวุโสหลี่เป็นเสือหรือยังไง? ทำไมคนรับใช้หน้าซื่อแบบเสี่ยวหลิน ถึงได้ต้องหวาดกลัวอย่างกับเห็นผี?’

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉีเล่ยก็ได้กำกุญแจในมือแน่น พร้อมกับเดินตรงเข้าไปในบ้านสกุลหลี่ทันที

ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเข้าไป หรือจะให้บอกหลี่ฮั่วเฉินว่า เขาไม่อยากเข้าบ้านเพราะกลัวหลานสาวของเขาอย่างนั้นหรือ? ฟังดูไร้สาระจนเกินไป!

อย่างไรก็ตาม ฉีเล่ยไม่ได้เดินดุ่มๆไขประตูเข้าไปทันที แต่ได้พยายามสำรวจผ่านรั้วประตูเหล็กที่ปิดอยู่ สิ่งแรกที่เตะตาฉีเล่ยเลยก็คือ ทัศนียภาพสวยงามเตะตาภายในลานหน้าบ้าน

หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือ สิ่งที่ทำให้ทัศนียภาพหน้าลานบ้านดูสวยงามมากขึ้น ดูเหมือนจะเป็นเพราะหญิงสาวผู้แสนงดงามที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างหากล่ะ!

สาวน้อยคนนี้อายุน่าจะราว27-28ปี รูปร่างสวยงามไร้ที่ติ ใบหน้าอิ่มเอิบ ส่วนสูงนับว่าเกินมาตรฐานผู้หญิงทั่วไปเล็กน้อย เวลานี้เธอกำลังรดน้ำในสวนดอกไม้หน้าลานบ้านอยู่ ฉีเล่ยกะดูด้วยสายตา และคาดว่าหญิงสาวน่าจะสูงประมาณ170 เซ็นติเมตร

เธอสวมชุดลำลองสีขาวโปร่งสบาย แต่นั่นก็ไม่อาจปกปิดหน้าอกอวบอิ่มทรงเสน่ห์นั้นไว้ได้ และเนินอกคู่นั้นยังเสริมให้หญิงสาวดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก

ผมดำขลับของเธอยาวประบ่า เผยให้เห็นใบหน้าครึ่งที่ดูงดงามดั่งเจ้าหญิง ส่วนอีกครึ่งซีกถูกผมยาวนั้นปกคลุมไว้อยู่ แต่ใบหน้าเพียงครึ่งซีกก็เพียงพอที่จะสยบผู้ชายทุกคนให้ตกอยู่ในภวังค์ได้แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่หญิงสาวโน้มตัวก้มลง บั้นท้ายของเธอช่างดูอวบอิ่ม โค้งนูนเป็นทรงสวยงามสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ หากจะให้เปรียบเทียบคงจะไม่ต่างจากลูกพีช

ฉีเล่ยไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ระหว่างขึ้นเครื่องบินกระทั่งลงเครื่องมา เขาจะโชคดีได้พานพบกับสาวงามพร้อมกันถึงสองคน!

เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในปักกิ่งจะเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยสาวงามจากทั่วทุกทิศ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน