ตอนที่53 เริ่มได้หรือยัง?
“เขามักจะทำตัวสุภาพกับคนอื่น ไม่แม้แต่ล่วงเกินเรื่องส่วนตัว ต่อให้พูดคุยสนิทสนมกันมากแค่ไหนก็ไม่เคยล้ำเส้นเลยสักครั้ง”
“หลังจากที่เราสองคนเริ่มคบหากันมานานกว่าครึ่งปี นั่นก็เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้จับมือกัน… และเป็นเพราะเขาให้เกียรติฉันมาตลอด ก็เลยทำให้ฉันคิดว่าเขานี่แหละคือผู้ชายที่ฉันรัก และแต่งงานอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นเหรอครับ?” ฉีเล่ยยังคงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฉัน…ฉันคงจะโลกสวยเกินไป”
หลี่ถงซียกมือทั้งสองกุมหัว พร้อมกับส่ายหน้าไปมา ใบหน้าเต็มด้วยน้ำตาพร่างพรู
“ฉันบังเอิญไปเห็นเขาขับรถพาสาวสวยคนหนึ่งออกไปจากมหาวิทยาลัยด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในมหาวิทยาลัย แล้วก็ในสังคม หลังจากที่เห็นแบบนั้น ฉันก็รีบขับรถตามพวกเขาไปทันที จน…จนกระทั่ง…ได้เห็นพวกเขาสองคนกำลังร่วมรักกันอยู่ในรถ…”
เมื่อได้ฟังมาถึงตรงนี้ ฉีเล่ยก็เข้าใจได้ในทันที
“ตั้งแต่นั้นมาคุณก็เริ่มเกลียดผู้ชายสินะ?”
“ใช่ ฉัน…ฉันคิดว่าผู้ชายทุกคนล้วนแล้วแต่จิตใจสกปรก แล้วก็ชั่วช้าแบบนี้เหมือนกันหมด! ภายนอกก็แค่เสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดี แกล้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ แต่…แต่ความจริงแล้ว ผู้ชายต่างก็ชั่วช้าฝังลึกลงไปในกมลสันดานทุกคน..
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยบอกผมทีว่า ตอนนี้คุณคิดยังไงกับผมบ้าง?”
ฉีเล่ยยังคงรักษาระยะห่างกับอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้หลี่ถงซีต้องตื่นตระหนกตกใจ ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อให้เธอมองเห็นได้ชัดขึ้น
“ฉัน…ก็…ก็…พอรับได้ ไม่…ฉันเกลียด… แต่ก็แค่…ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากขนาดนั้น…”
เมื่อครั้งที่พบกับฉีเล่ยตอนแรก หลี่ถงซีรู้สึกว่าชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวชุ่มไปด้วยเหงื่อคนนี้ทำตัวน่ารำคาญอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่ทำหน้าเยาะเย้ยเธอ หรือพูดจาเล่นแง่ใส่เธอ มันยิ่งทำให้เขาดูแย่ลงไปในสายตาของเธอ มิหนำซ้ำยังบุกเข้ามาในบ้านของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย จากที่รังเกียจผู้ชายเป็นทุนเดิม ทำให้หญิงสาวยิ่งรู้สึกเกลียดเขามากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อหญิงสาวได้ฟังปู่ของเธอเล่าว่า ฉีเล่ยสามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ย่ำแย่ที่ปู่ของเธอกำลังประสบอยู่ ให้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นได้ เพราะผู้ป่วยปฏิเสธที่จะไม่รับวิธีการรักษาของเขา และหากไม่ได้ฉีเล่ยช่วยไว้ ป่านนี้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาทั้งชีวิตของปู่เธอ อาจต้องพังทลายลงมาในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายคนนี้ยังยื่นทิชชูบนโต๊ะเครื่องแป้งให้เธอได้ใช้เช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ
‘แล้วก็…แล้วก็…ตอนที่ฉันหนาวเขายังถอดเสื้อคลุมของเขามาห่มให้ฉันด้วย…’
‘อันที่จริง…เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก’
“อืมม…อาการของคุณค่อนข้างน่าเป็นห่วง”
ฉีเล่ยอธิบายให้หญิงสาวฟังต่อว่า
“ตอนนี้คุณยังอายุไม่มาก ยังสามารถแต่งงานมีลูก และสร้างครอบครัวที่อบอุ่นแบบคนปกติได้นะ แต่ถ้ายังขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป โรคของคุณก็จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณเองก็ปลีกตัวออกจากสังคม และใช้ชีวิตอยู่คนเดียวตามลำพังมาโดยตลอด จากที่เคยรู้สึกรังเกียจไม่มากนัก ตอนนี้คงจะพัฒนาไปถึงขั้นขยะแขยงแล้วใช่ไหม?”
“ใช่”
หลี่ถงซีตอบเสียงเบา พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
“ขอบอกตามตรงเลยนะครับ อาการทางจิตที่คุณกำลังเผชิญอยู่นี้ มันซับซ้อนกว่าที่เห็นมาก ไม่ใช่แค่จิตใต้สำนึกจะปฏิเสธผู้ชาย แต่ยังปฏิเสธความรู้สึกโดยธรรมชาติของมนุษย์อีกด้วย ถ้าปล่อยให้หลุดไปถึงขั้นต่อไป อาจเกิดสภาวะจิตหลอนได้ เมื่อถึงเวลานั้น จิตใต้สำนึกของคุณจะสั่งคุณว่า ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาใกล้ล้วนมีเจตนาไม่ดี และคิดร้ายกับคุณ จึงมีโอกาสสูงมากครับที่คุณจะถึงขั้นทำร้ายร่างกายผู้อื่น”
ฉีเล่ยเอ่ยปากอธิบายให้หญิงสาวฟังอย่างใจเย็น
“แล้วฉันควรทำยังไงดี…”
“ถ้าคุณเชื่อมั่นในตัวผม ผมก็จะสามารถรักษาคุณให้หายได้ คุณเองก็เคยเป็นนักศึกษาแพทย์มาก่อน น่าจะเคยได้ยินเรื่องผลของยาจิตเวชมาบ้าง ผมจะเขียนใบสั่งยาให้คุณกินประคองอาการไปก่อน แต่ถึงยังไง กุญแจสำคัญในการรักษาครั้งนี้ก็คือความเชื่อใจ! ถ้าคุณไม่เชื่อมั่นในตัวผม ต่อให้เอายาที่ดีที่สุดมาให้ มันก็คงจะเปล่าประโยชน์”
คำพูดแต่ละคำที่ฉีเล่ยพูดออกมานั้น บ่งบอกถึงความมั่นอกมั่นใจอย่างมาก จำเป็นต้องใช้วิธีการเหล่านี้เท่านั้น เขาจึงจะสามารถรักษาอาการป่วยทางจิตของหญิงสาวให้หายได้
ฉีเล่ยสัมผัสได้ว่าเวลานี้ หลี่ถงซีได้ดำดิ่งลงไปในบ่อโคลนกว่าครึ่งตัวแล้ว ในฐานะผู้สืบทอดทักษะทางการแพทย์จากบรรพชนสกุลเฉิน เขาจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อช่วยหญิงสาวให้พ้นจากสภาพทุกข์ใจนี้
ตราบเท่าที่ผู้ป่วยเต็มใจ และยินดีให้ความร่วมมือ ฉีเล่ยย่อมสามารถรักษาให้หายได้แน่นอน!
“ขอบคุณ” หลี่ถงซีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียงแผ่ว
“อืม นี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี”
ฉีเล่ยพยักหน้าตอบ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ฉีเล่ยจึงไม่สามารถเกลียดผู้หญิงคนนี้ลงได้อีก อีกทั้งการที่หญิงสาวยอมปริปากบอกเล่าเรื่องราวในอดีตที่เจ็บปวดให้เขาฟัง และยังเอ่ยปากขอบคุณเขาซึ่งเป็นผู้ชาย เพศที่เธอรังเกียจและขยะแขยงมาโดยตลอด นั่นย่อมพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า หญิงสาวกำลังให้ความร่วมมือในการรักษากับเขา!
“แล้ว…ฉันจะให้ความร่วมมือกับคุณได้ยังไงบ้าง?” หลี่ถงซีถามขึ้นด้วยความสงสัย
ฉีเล่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบหญิงสาวกลับไปว่า
“เนื่องจากอาการของคุณเกิดขึ้นมาค่อนข้างนานมากแล้ว อีกทั้งคุณเองก็มีนิสัยที่ขี้โมโหชอบใช้อารมณ์อยู่เป็นประจำ ส่งผลให้ตับอ่อนล้า ก่อนอื่นผมจะต้องช่วยคลายเส้นลมปราณที่เชื่อมต่อไปยังตับของคุณก่อน”
“หลังจากที่ตับของคุณกลับมาเป็นปกติได้เมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะค่อยๆเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นตามธรรมชาติ เสมือนระลอกคลื่นที่ซัดต่อเนื่องยังไงล่ะ อาการทางจิตของคุณก็จะค่อยๆบรรเทาลงอย่างช้าๆ”
“แล้วจะคลายเส้นลมปราณที่ว่านั่นได้ยังไง?” หลี่ถงซีถามขึ้นอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน