ตอนที่64 ฉันไม่ยอมแพ้แบบนี้หรอกนะ
ถนนฉางอัน อาคารพาณิชย์โมเซียง
บรรยากาศโดยรอบหอมคลุ้งด้วยกลิ่นน้ำหอม ประกอบกันเสียงธารน้ำไหลผสานควบคู่กับบทเพลงคลอเคลียผ่อนคลาย บริเวณหน้าต่างปรากฏภาพพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นทัศนียภาพที่แสนงดงาม
หญิงสาวเพิ่งส่งคู่ค้าทางธุรกิจเสร็จสรรพ ยามนี้กำลังนอนนิ่งพักผ่อนอยู่บนโซฟา
ผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ประตูไม้สีแดงหรูถูกผลักเข้ามา เผยให้เห็นสาวสวยในชุดสูทสีดำเป็นทางการ สวมแว่นตาไร้กรอบเดินเข้ามาในห้องทำงาน โค้งศีรษะคำนับให้หญิงสาวบนโซฟาหนึ่งครั้งพร้อมกล่าวว่า
“คุณหนู ได้เวลาแล้วค่ะ อีก30นาทีการประชุมคณะกรรมการบริหารก็จะเริ่มขึ้นแล้ว คุณหนูมีเวลาเตรียมตัวประมาณ20นาทีค่ะ”
หญิงสาวบนโซฟายืดแขนบิดขี้เกียจเล็กน้อย ดูจะพักผ่อนค่อนข้างเต็มที่ จึงได้ลุกขึ้นนั่งกลับสู่สภาพเอาจริงเอาจังดังเดิม พร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า
“เจียซิน ข้อมูลที่ฉันสั่งให้เธอไปหามาได้รึยัง?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนู”
สาวสวยกล่าวตอบกลับ และหยิบเอกสารชุดหนึ่งออกมาจากกองหนาในมือของเธอ พร้อมยื่นออกไปตรงหน้า
หญิงสาวรับแผ่นกระดาษชุดนั้นเอาไว้ด้วยท่าทีเกียจคร้าน เธอนั่งไขว่ห้างวางเอกสารชุดนั้นไว้บนตัก ก้มหน้าก้มตานั่งอ่านทันที
กระดาษแผ่นแรกเป็นข้อมูล และรูปถ่ายภาพสี ซึ่งผู้ชายในรูปหน้าตายังดูเด็กอย่างมาก ค่อนข้างหล่อเหลา ทว่าระหว่างคิ้วกับแววตากลับดูหม่นหมองเล็กน้อย นอกจากนี้ยังสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บางจุดก็ขาดเป็นรูโหว่
ฉีเล่ย: เพศชาย
อายุในรูปถ่าย : 22ปี
ส่วนสูง : 182 เซ็นติเมตร
น้ำหนัก : 63 กิโลกรัม
ความสามารถพิเศษ : ไม่มี
การศึกษา : ไม่มี
ชื่อเสียง : ไม่มี
ประวัติอาชญากรรม : ไม่มี
ลักษณะร่างกาย : ซูบผอม, ไม่มีเรี่ยวแรง, ขาดสารอาหาร
เธอเลื่อนสายตาลงอ่านรายละเอียดข้อมูลจำเพาะ ที่ปรากฏอีกมากมายนับไม่ถ้วนต่อ
เอกสารหน้าถัดไปเป็นรายงานชีวิตความเป็นอยู่ทุกปี ก่อนจะสิ้นสุดลงตรงที่เขาอายุ 26 ปี และดูเหมือนว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขาจะไม่ง่ายเลย เพราะมีคนสองคนคอยบงการชีวิตของเขาอยู่
รายงานคุณภาพชีวิตในแต่ละปีมีคะแนนรวมที่ต่ำมาก อย่างเช่นปีแรกได้เพียง35คะแนน และปีที่สองอยู่ที่ 32คะแนน ส่วนที่เหลือโดยเฉลี่ยมีแนวโน้มต่ำลงจนน่าใจหาย
จนกระทั่งกระดาษหน้าสุดท้าย ด้านล่างท้ายสุดกลับถูกเขียนด้วยปากกาสีแดงวงใหญ่ รายงานคุณภาพชีวิตปีล่าสุด : 98คะแนน!
ชูซินซูหรี่สายตาแคบจับจ้องไปยังภาพถ่ายสุดท้ายที่เป็นฉีเล่ยคลี่ยิ้มดูแข็งทื่อ มีเพียงภาพถ่ายล่าสุดนี่แหละที่มั่นใจว่า เขาคือชายหนุ่มที่เธอรู้จักบนเครื่องบิน
เขาไปพบเจออะไรเข้ากันแน่? ถึงทำให้ทุกอย่างพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้?
ชูซินซูเงยหน้าขึ้นถามเลขาสาวทันทีว่า
“ก่อนอื่นเลยนะ ฉีเล่ยถูกภรรยากับแม่ยายรุมทำร้ายมานานถึงแปดปี?”
“ใช่ค่ะ”
เลขาสาวพยักหน้าตอบเล็กน้อย
“จากข้อมูลของหน่วยลับที่สามของทางเราที่หามาได้ กระบวนการทรมานดังกล่าวกินเวลานานถึงแปดปีเต็ม ไม่ใช่เพียงทารุณกรรมทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังถูกทารุณกรรมทางจิตใจอีกต่างๆนานาค่ะ”
ตระกูลชูเป็นถึงตระกูลอดีตขุนนางของราชวงศ์จีน อิทธิพลอำนาจและเงินตราย่อมแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของประเทศ เป็นธรรมดาที่ต้องมีหน่วยลับสำหรับสืบข่าวของตัวเอง และความสามารถของพวกเขาเหล่านั้น ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าFBIของอเมริกา หรือKGBของรัสเซีย ซึ่งทั้งสองหน่วยลับสุดยอดนี้นับเป็นที่สุดของโลกแล้ว
ชูซินซูนิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อว่า
“เจียซิน ฉันขอถามอะไรหน่อยนะ ถ้าเป็นเธอ…เธอจะยอมทิ้งโอกาสแต่งงานกับฉัน เพื่ออยู่กับภรรยาที่เคยทำร้ายเธอต่างๆนานานานขนาดนี้ไหม?”
เจียซินส่ายหน้าทันที
“ไม่แน่นอนค่ะ และฉันเองก็คิดว่าไม่มีผู้ชายคนไหนทำใจปฏิเสธโอกาสดีๆแบบนี้ได้ลง อย่าว่าแต่โดนภรรยาตัวเองทำร้ายมาแปดปีเลย ต่อให้ที่บ้านมีทั้งภรรยา และแม่สะใภ้แสนดี เขาก็ยอมทิ้งคนเหล่านั้น เพื่อมาแต่งงานกับคุณหนูได้ลงคอแน่นอนค่ะ”
ชูซินซูหัวเราะและตอบกลับไปว่า
“แต่เขาฏิเสธฉันเพื่อภรรยานิสัยแบบนั้นจริงๆ”
“ปฏิเสธคุณหนูนี่นะคะ?”
เฉิงเจียซินถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เธอไม่สามารถยอมรับความจริงข้อนี้ได้เลย มีผู้ชายแบบนั้นอยู่บนโลกจริงๆด้วยเหรอ? ต้องบ้าไปแล้ว! หรือผู้ชายคนนั้นมีรสนิยมชอบถูกทรมาน?
แต่นั่นก็ไม่ถูกต้องเสมอไป ถึงจะมีรสนิยมแบบนั้น แต่คุณหนูของเธอยังมีเงินไว้ล่อตาล่อใจอยู่ และเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะมีผู้ชายคนไหนกล้าเมินเฉยต่ออำนาจของเงิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน