ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 80

ตอนที่80 พวกพ้องระเนระนาด

“จับตาดูให้ดีล่ะ ฉันจะเริ่มแล้ว”

หย่งซือเอ่ยขึ้น

“เดี๋ยวก่อน”

ฉีเล่ยยกมือขัดตะโกนหยุดทันที

“อะไรอีก?”

หย่งซือหันควับจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งด้วยความหงุดหงิด

“ไหล่นายมีฝุ่นเกาะน่ะ เดี๋ยวผมช่วยปัดให้”

ขณะเอ่ยกล่าว ฉีเล่ยก็เอื้อมมือออกไปปัดบริเวณหัวไหล่และหลังคอของอีกฝ่าย

“เสร็จยัง?”

“เรียบร้อย เรียบร้อย มาเริ่มกันเลยเถอะ”

ฉีเล่ยยิ้มตอบ

“ดูให้ดี อย่าแม้แต่กระพริบตา ฉันจะเต้นให้ดูแค่ครั้งเดียว ถ้ามองไม่ทันแกต้องคุกเข่าขอร้องให้ฉันทำให้ดูอีกรอบ! ฮ่าฮ่า”

หย่งซือจงใจเพิ่มบทลงโทษเข้าไปถ้าฉีเล่ยทำไม่ได้ ซึ่งต่อถ้าสาธารณชนแบบนี้อาจารย์หนุ่มเนี้ยบต้องมาคุกเข่าต่อหน้าเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ภาพที่ออกไปคงดูไม่สวยแน่นอน

หย่งซือตัดสินใจได้เสร็จสรรพ เขาจะใช้สเตปท่าเต้นที่ยากที่สุดเพื่อให้เขามองตามไม่ทัน สำหรับท่าดังกล่าว ไม่ต้องพูดถึงระดับมือใหม่เลย แม้แต่คนที่ฝึกมาหลักปียังต้องเหงื่อตกกับท่านี้

เอาล่ะ! เริ่มจากยกมือขึ้น! …เอ๊ะ? ทำไมฉันถึงยกไม่ได้?

แล้วลองยกขาดูล่ะ? เอ๊ะ? ทำไมก็ยกไม่ได้เหมือนกัน?

พอเขาพยายามบิดคอ กลับได้ยินเสียงกล้ามเนื้อลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด…

คอของหย่งซือเคล็ดรุนแรง!

เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมากจนยืนไม่ไหวและล้มตัวลงกับพื้นทั้งแบบนั้น ไม่ว่าจะพยายามใช้มือช่วยพยุงยังไง แต่ทั้งแขนและขาของหย่งซือกลับไม่ยอมเชื่อฟังสักนิด!

ล้มโดยไม่ใช้มือไม้เข้ามาป้องกันเป็นอะไรที่เจ็บมาก ถ้าจุดสำคัญกระแทกอัดกับพื้นอย่างแรงนี่อาจอันตรายถึงตายได้เลย!

ทีแรกฝูงชนโดยรอบต่างสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ ค่อยเป็นเสียงผิวปากและเสียงเชียร์ตามมา พวกเขาต่างคิดในใจว่า นี่มันท่าเต้นแบบไหนกัน? ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย?

โห่วเจียนกับพรรคพวกที่เหลือตกตะลึงอย่างมากกับภาพฉากตรงหน้า หย่งซือกำลังเต้นท่าอะไรของมัน?

นี่เป็นท่าแกล้งตาย? หรือท่าหุ่นยนต์ถ่ายหมด?

ฉีเล่ยชี้ลงไปยังหย่งซือที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น กรนเสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดไม่หยุดหย่อน ก่อนเงยหน้าขึ้นมาพูดกับโห่วเจียนว่า

“จะให้ผมเต้นท่านี้ตามเหรอ? ไม่ไหวหรอกครับ พื้นสกปรกตาย”

ทันทีทันใดเพื่อนคนอื่นๆ ก็รีบพุ่งเข้ามาพยายามช่วยหย่งซือที่นอนกองอยู่บนพื้น ทว่าอีกฝ่ายในขณะนี้ไม่ต่างอะไรจากหุ่นยนต์ถ่านหมด ร่างกายแข็งทื่อราวกับหิน ทั้งแขนทั้งขาเหยียดตรงยกไม่ได้ ขนาดนิ้วเท้ายังไม่กระดิกด้วยซ้ำ คนอื่นๆ ทำไรไม่ได้นอกจากต้องช่วยกันแบกร่างออกไป คนหนึ่งอยู่ตรงเท้าอีกคนอยู่ตรงหัวอย่างกับเปลหาม

“หย่งซือ นายรู้สึกยังไงบ้าง?”

หูจือที่กับปาดเหงื่อบนหน้าผากด้วยความวิตก

“พี่หู ผม…ผมตายแล้ว…ผมตายแน่ๆ! ผมไม่รู้สึกอะไรเลย! ร่าง…ร่างกายของผมไม่รู้สึกอะไรเลย! ผมต้องพิการแล้วแน่ๆ! ผมไม่สามารถเต้นได้อีกต่อไปแล้ว ผม….”

จู่ๆ ก็ตกสู่สภาวะพิการเฉียบพลัน จิตใจของหย่งซือที่เดิมเปราะบางอยู่แล้วมีหรือจะแบกรับความจริงขนาดนี้ได้ไหม? เขาคือชายหนุ่มผู้มีความในที่จะเป็นนักเต้นระดับโลก ทว่ากลับต้องมาเป็นมนุษย์ผักตั้งแต่อายุ20ปี

พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตัวเองกะทันหัน หย่งซือพลันนึกไปว่า ตัวเองเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบ, โปลิโอหรือโรคร้ายแรงต่างๆ ที่เคยเห็นตามทีวีโทรทัศน์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เขาไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่เพียงจิตตกจนเข้าสู่ภาวะ hypochondria [1]

พอสมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาจึงสติแตกคิดเตลิดไปถึงไหนต่อไหน มันก็ยิ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลหนัก จึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้

“ฝีมือของมึงใช่ไหม?!”

โห่วเจียนเป็นคนแรกที่ตอบสนองรู้ตัว จึงหันไปชี้หน้าด่าฉีเล่ยทันที

ฉีเล่ยปั้นหน้าไร้เดียงสาเอ่ยตอบไปอย่างบริสุทธิ์ใจว่า

“อย่าใส่ร้ายผมกันแบบนี้สิครับ ผมก็แค่อยากเรียนรู้สเต็ปเต้นจากระดับเซียนเฉยๆ แล้วอีกอย่างทุกคนในที่นี้ก็เห็นกันหมด ผมยังไม่ได้ทำอะไรอีกฝ่ายเลย จริงไหมครับทุกคน?”

ฉีเล่ยรีบดึงบรรดาฝูงชนให้มาเป็นพยานทันที ส่วนทางพวกเขาเองก็ดูจะให้ความร่วมมือสนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งหมดล้วนพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง และยังกล่าวอีกว่า เห็นชัดเต็มสองตาเลยว่า ชายหนุ่มคนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรอีกฝ่ายเลย

“ไม่ใช่! มันต้องไม่ใช่แบบนี้!”

โห่วเจียนสั่งให้พรรคพวกของตนวิ่งเข้าไปปิดล้อมฉีเล่ยทันทีกันไม่ให้หนี และยังกล่าวต่ออีกว่า

“ต้องเป็นฝีมือมึงแน่นอน! เมื่อกี้มึงปัดฝุ่นบนไหล่ของหย่งซือ ต้องเป็นตอนนั้นแน่นอน! ในเมื่อทำตัวหยาบคายกับพวกเราก่อน เราเองก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับมึงแล้ว!”

“กล้าดียังไงมาทำร้ายคนของพวกเรา?”

“โห่วเจียน ไม่ต้องไปเสียเวลากับไอ้หมอนี่หรอก แค่กระทืบมันก็จบแล้ว นี่แหละวิถีของลูกผู้ชาย!”

“คุณนักศึกษาทั้งหลายครับ ตื่นได้แล้วครับ ตื่นได้แล้ว”

ฉีเล่ยปรบมือเรียกสติพวกเขาไปทีหนึ่งและกล่าวต่อว่า

“นี่โลกแห่งความเป็นจริงนะครับไม่ใช่ความฝัน”

“อ่อ…ไม่สิ เพราะต่อให้พวกคุณทุกคนอยู่ในฝัน ก็ไม่มีปัญญากระทืบผมได้อยู่แล้ว”

“แม่ *มึงสิ! พวกเราหักขามัน!!”

กลุ่มเด็กวัยรุ่นวิ่งเข้าใส่ทันที ทว่าเสี้ยวพริบตาต่อมา ทุกคนกลับเห็นกำปั้นพุ่งเข้าสวนด้วยความเร็วดุจพายุ

ฉีเล่ยรีบดึงหลี่ถงซีไปหลบด้านหลังของตนก่อน ค่อยยกกำปั้นออกหมัดสวนหน้าออกไปโดยตรง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน