อ่านสรุป ตอนที่85 ยากเกินกว่าจะแก้ไข! จาก ยอดคุณหมอสกุลเฉิน โดย Internet
บทที่ ตอนที่85 ยากเกินกว่าจะแก้ไข! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยอดคุณหมอสกุลเฉิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่85 ยากเกินกว่าจะแก้ไข!
อ๊ะ!
หลี่ถงซีร้องเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นก็มีธารเลือดซิบจางๆค่อยๆรินไหลออกมาจากต้นขาของเธอ
การฝังเข็มคือการใช้เข็มเล่มยาวทิ่มแทงลงไปบนร่างกาย สาเหตุที่ไม่เจ็บหรือปราศจากเลือดออกเป็นเพราะแพทย์ผู้รักษาแทงเข็มเข้าไปถูกจุด และสอดรับกับร่างกายโดยสมบูรณ์
แต่ถ้าเข็มเล่มยาวเบี่ยงทิศทางผิดออกไปแม้เล็กน้อย มันจะกลับกลายเป็นการสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ป่วยแทนทันที เวลาโดนของมีคมแทงเข้าร่างกาย ย่อมต้องรู้สึกเจ็บเป็นธรรมดา
“ขอโทษ ขอโทษ…”
ฉีเล่ยรีบมองหาผ้าสะอาดมาและรีบเช็ดบริเวณขาอ่อนของเธอทันที
โดยปกติแล้วการฝังเข็ม แพทย์กับผู้ป่วยจะเว้นระยะห่างกันประมาณหนึ่ง และเนื่องจากฉีเล่ยไม่ค่อยสนิทกับหลี่ถงซีมากเท่าไหร่นัก เขาเลยยิ่งต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสเธอเข้าไปใหญ่ โดยทั่วไปเขาจะเพ่งสมาธิใช้ดวงตาจับจ้องไปที่จุดฝังเข็ม และเวลาลงเข็มมีเพียงตัวเข็มเท่านั้นที่เข้าสัมผัสกับเนื้อหนังของเธอ แต่เมื่อเกิดความผิดพลาดชั่วขณะทำให้ฉีเล่ยลืมตัว รีบหยิบผ้ามาเช็ดเลือดบริเวณขาอ่อนโดยตรง พอมือของเขาเข้าสัมผัสกับขาอ่อนของอีกฝ่ายก็เริ่มลูบไล้ผ้าเพื่อเช็ดทันที หลี่ถงซีสะดุ้งโหยงราวกับถูกไฟช็อต เสียวสันหลังวูบร่างกายอ่อนยวบลงในพริบตา
นี่คือจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของเธอ ทำให้หลี่ถงซีไม่สามารถนั่งทรงตัวอยู่บนเตียงได้อีกต่อไป
ส่วนฉีเล่ยก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวยังคงก้มศีรษะเช็ดเลือดต่อ พอเห็นว่าเธอกำลังจะล้มลงก็พลันคิดว่า เป็นเพราะอาการเจ็บที่เขาฝังเข็มพลาด จึงรีบยืนตรงเข้าไปโอบแผ่นหลังของเธอโดยเร็ว เนื่องด้วยสัญชาตญาณของคนเรา เวลาจะล้มก็มักจะหาที่ยืดเกาะ เธอจึงรีบยื่นมืออกไปคว้าตัวฉีเล่ยไว้เช่นกัน
และภาพฉากที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นก็ดันเกิดขึ้น…
หลี่ถงซีล้มตัวลงนอน โดยมีฉีเล่ยล้มทับร่างของเธออีกทีบนเตียง ถ้าดูจากภายนอกราวกับทั้สองกำลังโอบเอวกอดกันและพร้อมเผด็จศึกอยู่ทุกเมื่อ
“…”
นอกจากเฉินอวี้หลัวแล้ว ฉีเล่ยก็ไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน
เขาตื่นตระหนกอย่างมาก ชิบหายแล้ว!
แล้วก็เป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกิน ที่จู่ๆหลี่ฮั่วเฉินก็เปิดประตูห้องตรงดิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น พร้อมกล่าวขึ้นว่า
“ฉีเล่ย ฉันอยากเห็นฝีมือฝังเข็มของเธอ จะรังเกียจไหมถ้าฉันจะขอดู…”
ชายชราถึงกับอ้าปากค้างอยู่หน้าประตูชั่วขณะ แต่แล้วเขาก็ฟื้นสติขึ้นมาอย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาทีถัดมา
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ! พวกเธอทำต่อเลยไม่ต้องเกรงใจฉัน คิด…คิดซะว่าฉันมองไม่เห็นก็แล้วกันนะ”
ทันทีที่พูดจบ หลี่ฮั่วเฉินก็รีบปิดประตูเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“อย่าเพิ่ง!”
ฉีเล่ยรีบตะโกนลั่นด้วยความกังวล
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด!”
แต่มีหรือที่ชายชราคนนี้จะเชื่อ
ฉีเล่ยกับหลานสาวของตนกำลังนอนกอดกันอยู่บนเตียง นี่คิดว่าชายชราคนนี้อ่อนต่อโลกนักรึไง? ถ้าไม่เคยเข้าใจเรื่องพวกนี้เลย แล้วลูกหลานมากมายในตระกูลหลี่มันมาจากไหนกันล่ะ? เกิดจากกระบอกไม้ไผ่หรือยังไง?
หลี่ฮั่วเฉินตะโกนตอบจากนอกประตูไปเพียงว่า
“คราวหน้าอย่าลืมล็อกประตูด้วยล่ะ”
พูดจบชายชราก็เดินจากไปทันที
ฉีเล่ยกับหลี่ถงซีหันมามองหน้ากันโดยไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไรดี
“อย่ากังวลไปเลย”
หลี่ถงซีกลับเป็นฝ่ายที่เอ่ยปากพูดก่อน ดูราวกับว่าเธอสงบนิ่งกว่าฉีเล่ยเสียอีก
“คุณควรไปเปลี่ยนชุดนะ ถ้ายังใส่ชุดแบบนี้อีก มีหวังฝังเข็มกันไม่ได้พอดี”
ฉีเล่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่
หลี่ถงซีกระพริบตาปริบๆเอ่ยถามขึ้นว่า
“ทำไมล่ะ? ชุดนี้ฉันว่าน่าจะสะดวกกว่า”
“ชุดเดิมเถอะ ผมถนัดกว่าจริงๆ”
ฉีเล่ยหัวเราะอย่างขมขื่นและเอ่ยถามต่อว่า
“ยังเจ็บอยู่รึเปล่า?”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน ช้าไปวันนึงไม่เสียหายอะไรหรอก”
“ไม่”
แววตาของหลี่ถงซีดูเรียบนิ่งราวกับไม่ได้ถือสาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เลย ฉีเล่ยเองก็อายเกินกว่าจะนำเรื่องนั้นมาก่อกวนใจได้อีกต่อไป จึงขอให้เธอไปเปลี่ยนชุดและมาฝังเข็มต่อ
ในคราวนี้ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่น
หลังจากที่ฉีเล่ยฝังเข็มเสร็จ เขาก็จัดเรียงเข็มเข้ากล่องเก็บ ขณะลุกขึ้นเตรียมเดินออกไปก็กล่าวขึ้นว่า
“นอนพักผ่อนเถอะ ฝันดี”
“ฉีเล่ย?”
“ว่าไง?”
จู่ๆหลี่ถงซีก็เม้มริมฝีปากสวยของเธอและกล่าวถามขึ้นว่า
“ฉันอยากรู้…มีคนเป็นโรคเดียวกับฉันบ้างไหม?”
ฉีเล่ยพยักหน้า
“แน่นอน มีสิ”
หลี่ถงซีเอ่ยถามต่อว่า
“จริงเหรอ?”
“ให้ผมสาบานต่อหน้าฟ้าดินก็ได้นะครับ”
“เฮ้ออ… อุตส่าห์กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันแล้วแท้ๆ ไม่น่าเลย!”
“ผม…ผมไม่ใช่คนอย่างที่คุณคิดนะครับ”
พอได้ยินว่าทั้งคู่ไม่ได้ทำอะไรกันเมื่อคืน หลี่ฮั่วเฉินก็รู้สึกเสียดายหนักจนขนาดตบต้นขาตัวเองไปทีด้วยความเจ็บใจ
“โถ่ว! มันเป็นความผิดของฉันเองล่ะ! ฉันไม่น่าอยากรู้วิธีฝังเข็มของเธอเมื่อคืนเลยจริงๆ! ถ้าฉันไม่เปิดประตูเข้าไปขัดจังหวะ ป่านนี้ฉันคงได้ลูกเขยไปแล้ว!”
ยิ่งชายชราพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียดายมากขึ้นเท่านั้น จนแทบอยากจะตบหน้าสั่งสอนความไม่รู้เรื่องของตนเองจริงๆ
“ฉันผิดเองล่ะ! แต่ไม่เป็นไร! ครั้งหน้าฉันจะจับพวกเธอทั้งคู่ให้ลงเอยกันเอง!”
“…”
ฉีเล่ยถึงกับพูดไม่ออก
นี่ผมคงจะสื่อสารกับคุณไม่รู้เรื่องอีกต่อไปแล้วใช่ไหม? อาวุโสหลี่…ปีนี้คุณก็อายุปาเข้าไป70แล้ว น่าจะมีสติให้มากกว่านี้หน่อยไหม? หรือจะเป็นอย่างที่เขาว่ากันยิ่งแก่ก็ยิ่งทำตัวเหมือนเด็ก?
ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา ทัศนคติของหลี่ถงซีที่มีต่อฉีเล่ยดูอ่อนโยนขึ้นจนน่าใจหาย และนั่นก็ได้สร้างความกังวลใจให้เขามากพอแล้ว แต่ตอนนี้อาวุโสหลี่ยังประกาศอีกว่า จะจับทั้งคู่ให้ลงเอยกันให้ได้ ผู้หญิงที่กำลังมีความรักหากได้รับแรงสนับสนุนจากครอบครัวเข้าไปอีก มันจะเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ถ้าในเวลานั้นเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกต่อไป ฉีเล่ยจะต้องตกเป็นลูกเขยสกุลหลี่แทนอย่างนั้นเหรอ?
ไม่มีทาง!
ใช่แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน ระหว่างที่คุยโทรศัพท์ เฉินอวี้หลัวเองก็พูดอย่างชัดเจนว่า เธออนุญาตให้เขามีผู้หญิงอื่นได้ แต่ใครจะไปรู้ว่า เฉินอวี้หลิวกำลังทดสอบเขาอยู่รึเปล่า?
ประการที่สอง ต่อให้ไม่ใช่การทดสอบ และเธอกลั่นคำพูดเหล่านั้นออกมาจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่หากฉีเล่ยทำแบบที่เธอบอกจริงๆโดยอ้างว่า เป็นความผิดของภรรยาที่ไม่เคยทำดีกับเขาสักครั้งตลอดแปดปี นั่นจะไม่ยิ่งตอกย้ำความผิดและทำร้ายจิตใจของเธอหนักกว่าเดิมอีกเหรอ
และสำคัญที่สุดคือ ฉีเล่ยไม่ใช่คนที่จะมีบ้านเล็กบ้านน้อย เขาเพียงต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต และอยู่กับภรรยาของเขาอย่างมีความสุขเท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่รับสืบทอดทักษะการแพทย์ปาฏิหาริย์จากบรรพบุรุษตระกูลเฉินมา ที่ฉีเล่ยรู้สึกว่า ทักษะการแพทย์ของเขายังไม่ดีพอ
ถ้าเขามีความสามารถมากกว่านี้ บางทีอาจจะสามารถรักษาหลี่ถงซีให้หายได้ โดยไม่ให้ความสัมพันธ์เกินเลยมากไปกว่าแพทย์และผู้ป่วย
และถ้าปัจจุบันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป หลังจากที่เขารักษาเธอจนหายเป็นปกติ เธอจะต้องแต่งงานกับเขาแน่นอน และถ้าฉีเล่ยเลือกที่จะปฏิเสธ ก็อาจทำให้อาการป่วยทางจิตของเธอกลับมากำเริบอีก…
ถ้าคุณเลือกที่จะถามกลับว่า กับเรื่องแค่นี้ทำไมต้องไปสนใจอะไรหนักหนา หากจะกลับมาป่วยกับเรื่องแค่นี้ก็ปล่อยให้เธอป่วยไป งั้นผมเองก็อยากจะถามกลับเช่นกันว่า คุณจะปล่อยให้คนไข้ที่ตัวคุณพยายามรักษาแทบตายป่วยซ้ำอีกอย่างนั้นเหรอ?
ระหว่างมื้ออาหารเช้า ทั้งสามคนนั่งร่วมโต๊ะอาหารเดียวกัน หลี่ฮั่วเฉินเหลือบมองไปทางหลานสาวของตน และขยิบตาส่งสัญญาณให้เธอคีบอาหารไปให้ฉีเล่ย
ฉีเล่ยแอบสังเกตเห็นจังหวะที่ชายชราขยิบตาให้หลานสาวเข้าพอดี ภายในใจถึงกับร้องอุทานขึ้นทันที
‘อย่า อย่า ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ปัญหายากเกินกว่าจะแก้ไขในอนาคต ขอร้องล่ะ!’
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หลี่ถงซีเองก็เป็นหลานสาวที่เชื่อฟังคุณปู่ของเธอมาแต่ไหนแต่ไร ผนวกกับตัวเธอเองที่เบื้องลึกภายในใจแล้วก็อยากทำเช่นกัน… คิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบคีบปลาชิ้นหนึ่งและวางลงบนชามข้าวของฉีเล่ยอย่างว่าง่าย
ฉีเล่ยไม่เหลือทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคีบเข้าปากทั้งอย่างนั้น
แทนที่จะได้สัมผัสกับรสหวานของเนื้อปลา เขากลับรู้สึกถึงรสขมแทน…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน