บทที่ 1141 ฆ่าล้างสำนักเซินโจ่ว – ตอนที่ต้องอ่านของ ยอดคุณหมอตาวิเศษ
ตอนนี้ของ ยอดคุณหมอตาวิเศษ โดย เสี่ยวเยา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายความสามารถแปลกทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1141 ฆ่าล้างสำนักเซินโจ่ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
อู๋เป่ยตอบ “เรื่องนี้ไม่ยาก ถ้าผมมีเวลาจะคำนวณหาตำแหน่งทิศทางที่เหมาะสมให้ครับ”
หลี่ชิงตี้ “เรื่องที่สาม คือการสร้างสถาบันตระกูลหลี่ เพื่ออบรมสั่งสอนบุคคลที่มีความสามารถของตระกูล”
อู๋เป่ย “ตกลง หากพวกคุณกำหนดจุดประสงค์เรียบร้อยแล้ว ผมจะรีบรวบรวมสื่อการสอนออกมาให้อย่างเร็วที่สุดครับ ”
ทั้งสองได้พูดคุยเรื่องของตระกูลหลี่จนกระทั่งถึงรุ่งสาง จากนั้นจึงค่อยแยกย้ายกันไป
ทันทีที่ทั้งคู่จากไปแล้ว อู๋เป่ยก็เข้าสู่สภาวะรู้แจ้ง และเข้าใจถึงมรดกสามจักรพรรดิอย่างถ่องแท้ จะว่าไปมรดกสามจักรพรรดินั้น คือ จิตวิญญาณ ร่างกาย และกฎเกณฑ์ ซึ่งทั้งสามจักรพรรดิได้เดินอยู่บนเส้นทางนี้มายาวนานมากแล้ว ทั้งยังได้สะสมความรู้เกี่ยวกับพลังยุทธ์อันมีค่ามากมายมหาศาลอีกด้วย
แต่ความรู้ก็ยังเป็นเพียงแค่ความรู้เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าถึงพวกมันและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองได้
สองวันต่อมา อู๋เป่ยเดินทางมาถึงสำนักนอกเขาสู่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันสถาปนาสำนักเขาสู่อย่างเป็นทางการ ดังนั้นหลายสำนักจึงส่งคนมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม เขาในฐานะที่เป็นผู้ดูแลสำนักเขาสู่ จึงจำเป็นต้องอยู่ร่วมงานนี้ด้วย
นอกจากเป็นการเปิดสำนักเขาสู่แล้ว วันนี้ยังเป็นวันรับสมัครศิษย์ใหม่เข้าสำนักอีกด้วย เนื่องจากอู๋เป่ยเองได้ทำการประกาศรับสมัครไว้นานแล้ว ดังนั้นจึงมีวัยรุ่นจำนวนมากเดินทางมาจากทั่วสารทิศและมาพักอยู่ใกล้ๆ เมืองฉือเฉิง เพื่อรอเข้าร่วมการทดสอบในวันพรุ่งนี้
ใครก็ตามที่มีคุณสมบัติผ่านการทดสอบ จะสามารถเข้าสู่สำนักเพื่อฝึกพลังยุทธ์ได้ และหากพวกเขาทำได้ดี ก็ยังจะได้เข้าสู่พรรคฉู่ซานจิ้นอีกด้วย
สำหรับเรื่องการรับศิษย์ใหม่เข้าสำนักนั้น อู๋เป่ยเองได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และเพื่อไม่ให้พลาดคนที่มีความสามารถพิเศษไป เขาจึงตัดสินใจที่จะนั่งอยู่ในสนามคัดเลือกนั้นด้วยตัวเอง
ในวันนี้ บริเวณด้านหน้าประตูใหญ่ของสำนักเขาสู่ เต็มไปด้วยผู้คนอย่างล้นหลาม อู๋เป่ยจึงจำเป็นที่จะต้องจัดคนจำนวนหนึ่งเพื่อไปคอยดูแลความสงบเรียบร้อย
ฉู่ซานมีเครื่องมือสำหรับทดสอบคุณสมบัติอยู่ชุดหนึ่ง ซึ่งกระบวนการนี้ไม่ได้ยาก แต่การผ่านการทดสอบนี้ไปได้กลับถือว่าเป็นเรื่องยาก ดังนั้นมองข้ามคนธรรมดาไปได้เลย สุดท้ายแล้วคนที่ผ่านการทดสอบนี้ไปได้ยังน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป!
เฉินเต้าชวน หลิววั่งกงและคนอื่นๆ กำลังคอยต้อนรับแขกผู้มีเกียรติอยู่ ส่วนอู๋เป่ยกำลังคัดเลือกผู้สมัครเองกับมือ ผู้สมัครจำนวนมากเดินทางมาถึงสนามทดสอบภายใต้การนำทางของบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย
ขั้นตอนแรกคือการคัดเลือก ซึ่งคุณสมบัติที่สำคัญของการคัดเลือกนั้น ยกตัวอย่างเช่น ช่องวิญญาณ เส้นลมปราณ กล้ามเนื้อ จากนั้นจึงค่อยดูเรื่องของพรสวรรค์ เช่น ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณ และช่องเทพ เป็นต้น
การใช้วิธีนี้ เป็นการคัดเลือกคนขั้นพื้นฐาน และจะทำให้ทราบว่าเขาผู้นั้นเหมาะสมพอที่จะฝึกพลังยุทธ์หรือไม่ ซึ่งในด่านนี้ อู๋เป่ยเป็นผู้รับผิดชอบด้วยตัวเองทั้งหมด
ผู้ที่มารายงานตัวพากันเข้าแถวจนยาวเหยียด ต่างเดินผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว เขาผู้ซึ่งมีสายตาอันแม่นยำ เดินผ่านเพียงแค่แวบเดียวเขาก็สามารถมองออกได้ทันทีว่าคนผู้นั้นสามารถฝึกพลังยุทธ์ได้หรือไม่
เมื่อใดก็ตามที่เขาพบกับคนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการแล้ว เขาจะให้คนผู้นั้นเดินผ่านเข้าทางด้านหลังของเขาไป และเมื่อคนเหล่านั้นเดินผ่านทางด้านหลังเขาไปแล้ว ถึงจะสามารถได้เข้าร่วมทำการทดสอบอย่างละเอียดต่อไป
กระบวนการคัดเลือกค่อนข้างยากเย็น ในจำนวนสามสิบถึงสี่สิบคนนั้น จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกอู๋เป่ยเลือกเก็บไว้
ในระหว่างการคัดเลือก อู๋เป่ยต้องรวบรวมสติและสมาธิ ดังนั้นจึงดูเคร่งเครียดและเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มรูปร่างใหญ่ สูงราวหนี่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเดินอยู่ในฝูงชน ในขณะที่เขาเดินผ่านอู๋เป่ยนั้น กลับไม่ถูกคัดเลือก ใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้นเดิมทีก็ดูเย่อหยิ่งอยู่แล้ว ยิ่งเห็นว่าตัวเขาเองไม่ได้ถูกคัดเลือก เขาจึงรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมาทันที และพูดกับอู๋เป่ยว่า “เฮ้ย ทำไมถึงไม่เลือกผมหล่ะ?”
อู๋เป่ยไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเขา ทุกคนต่างรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นกันอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่ยอมรับความจริงได้ มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้น ที่ยอมรับความจริงไม่ได้ และหนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มผู้นี้
หลี่เทียนซือ จ้าวเทียนเล่อ และคนอีกจำนวนหนึ่งที่รับผิดชอบดูแลผู้สมัครคัดเลือกต่างเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นั้นพูดจาหยาบคายไร้มารยาท จ้าวเทียนเล่อจึงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมไปว่า “หุบปากของแกและถอยออกไปซะ แกถูกคัดออกไปแล้ว!”
ชายหนุ่มผู้นั้นพูดจาเย้ยหยันว่า “พรรคฉู่ซานจิ้นเป็นพวกตาบอด ถึงมองไม่ออกว่าผมเป็นคนมีความสามารถ!”
จ้าวเทียนเล่อตอบอย่างเย็นชาว่า “ถ้าแกจะก่อกวนหล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ”
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง “ไม่เกรงใจอย่างนั้นหรือ?ก็ลองดู!”
จ้าวเทียนเล่อโกรธมาก ยื่นมือไปกดที่ไหล่ของชายหนุ่มผู้นั้น แต่ทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับชายหนุ่มผู้นั้นแล้ว ก็เกิดปฏิกิริยาโต้กลับอย่างรุนแรง หากเขาไม่มีพลังที่แข็งแกร่ง และความเข้าใจเคล็ดลับอย่างถ่องแท้ เขาคงถูกซัดจนกระเด็นไปแล้วเป็นแน่
อู๋เป่ยจับไปที่ร่างของเขาพร้อมกับถามว่า “ใช้วิชายันต์ต้องคำสาปได้ชำนาญขนาดนี้ แกมาจากสำนักเซินโจ่วใช่ไหม?”
ชายหนู่มผู้นั้นมีท่าทีหวาดกลัว และตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ใช่ครับ ผมมาจากสำนักเซินโจ่ว”
ในเวลานี้ หลิววั่งกงและคนอื่นๆ ได้เข้ามาถึงที่เกิดเหตุ เมื่อได้ยินว่าชายผู้นี้มาจากสำนักเซินโจ่ว หลิววั่งกงจึงพูดจาเย้ยหยันไปว่า “พรรคฉู่ซานจิ้นไม่หาเรื่องใครก่อน แต่ก็ไม่เคยกลัวใครเหมือนกัน ในเมื่อสำนักเซินโจ่วเข้ามารังแกหยามหน้ากันถึงที่นี่ พรรคฉู่ซานจิ้นเองคงนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้เหมือนกัน!”
อู๋เป่ยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “สำนักเซินโจ่วรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว ท่านหัวหน้าพรรค เรื่องนี้คงปล่อยไปไม่ได้อีกแล้ว ยังไงซะก็ต้องให้สำนักเซินโจ่วชดเชยให้กับเรา”
เดิมที สำนักเซินโจ่วต้องการลอบสังหารเขา แต่กลับคว้าน้ำเหลว ตอนนี้ทั้งหนี้เก่าและหนี้ใหม่ คงต้องให้เขาเตรียมตัวชดใช้พร้อมกันทีเดียวแล้วหล่ะ!
หลิววั่งกงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมไปว่า “ทุกท่านได้ยินพร้อมกันแล้ว สำนักเซินโจ่วเป็นผู้ลงมือก่อน ทีนี้ อย่าหาว่าพรรคฉู่ซานจิ้นโหดเหี้ยมอำมหิตก็แล้วกัน สหายร่วมพรรคทุกท่าน โปรดตามท่านหัวหน้าพรรคไปฆ่าล้างสำนักเซินโจ่วด้วยกันเถอะ!”
โลกแห่งยุทธจักรก็ตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ ใครดีมาก็ดีตอบ แต่ถ้าแกกล้าลอบกัดเราเมื่อไร เราก็จะฆ่าแกให้ตายเมื่อนั้น !
ทันใดนั้น กลุ่มต่างๆ ของพรรคฉู่ซานจิ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเซียนกษัตริย์ กลุ่มกษัตริย์เที่ยงแท้ ต่างเคลื่อนพลกันออกมาและเดินทางไปยังดินแดนแห่งเซียนพร้อมกับอู๋เป่ย เพื่อฆ่าล้างสำนักเซินโจ่ว!
ตอนนี้ ณ จุดเกิดเหตุยังมีสายลับของสำนักเซินโจ่วอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว ต่างพากันรู้สึกตกใจกลัวและรีบแจ้งข่าวกลับสำนักทันที
แต่ทว่าอู๋เป่ยนั้นเดินทางได้รวดเร็วราวกับขี่เมฆหมอก ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงดินแดนแห่งเซียนแล้ว จากนั้นจึงเริ่มฆ่าล้างสำนักเซินโจ่วทันที
แม้ว่าความแข็งแกร่งของสำนักเซินโจ่วจะไม่แข็งแกร่งเท่าพรรคฉู่ซานจิ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรังแกกันได้ง่ายๆ สำนักนี้มีกลุ่มเซียนกษัตริย์ และกลุ่มกษัตริย์เที่ยงแท้ราวๆ สามสิบคน ผู้เที่ยงแท้ และตี้เซียนอีกจำนวนนับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น สำนักเซินโจ่วยังมีวิชายันต์ต้องคำสาปที่มีอานุภาพในการฆ่าล้างสังหารคนได้อย่างน่าทึ่ง แถมเบื้องหลังของเขายังเชื่อมโยงกับอิทธิพลโลกแห่งเซียนอีกด้วย
สำนักเซินโจ่ว ตั้งอยู่บนเนินเขาอันราบเรียบ ตัวอาคารถูกสร้างอยู่บนภูเขา พื้นที่ส่วนใหญ่แทบจะตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งหมด เมื่อคณะเดินทางมาถึงด้านหน้าเนินเขาแล้ว ก็พบว่ามีชายผู้หนึ่งนำผู้บำเพ็ญตนกลุ่มหนึ่งมาคอยต้อนรับอยู่
ชายผู้นั้นประสานมือและพูดขึ้นว่า “หัวหน้าพรรคหลิว ท่านนำฝูงชนมากมายมาที่นี่ ต้องการสิ่งใดหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...