ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 1316

สรุปบท บทที่ 1316 จิตวิญญาณพลังภายใน: ยอดคุณหมอตาวิเศษ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1316 จิตวิญญาณพลังภายใน – ยอดคุณหมอตาวิเศษ โดย เสี่ยวเยา

บท บทที่ 1316 จิตวิญญาณพลังภายใน ของ ยอดคุณหมอตาวิเศษ ในหมวดนิยายความสามารถแปลก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เสี่ยวเยา อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

จางเสี่ยวเป่ย:“คุณคุ้นเคยกับหยุนจิงในปัจจุบันมากมั๊ย?”

อู๋เว่ย:“ฉันเดินตระเวนไปเรื่อย จึงได้รู้สถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆ มาไม่น้อย”

จางเสี่ยวเป่ย:“ตอนนี้แก๊งในหยุนจิงมีอยู่เท่าไหร่?”

อู๋เว่ย:“ตามที่ได้ยินมา ถ้าไม่ถึงร้อยก็ต้องมีซักแปดสิบ มีแก๊งเล็กบางแก๊งเป็นสาขาย่อยของแก๊งใหญ่ แต่แก๊งทั้งหมดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต่างก็ต้องเชื่อฟังนายอำเภอหยุนจิง”

จางเสี่ยวเป่ย:“เชื่อฟังนายอำเภอหยุนจิง?”

อู๋เว่ย:“ใช่ แก๊งพวกนี้แม้ว่าจะค่อนข้างดำมืด แต่ก็เพราะว่ามีพวกเขาอยู่สังคมถึงได้อยู่กันเป็นระเบียบ นายอำเภอถึงได้ต้องยืมมือพวกเขาอย่างไม่มีทางเลือก แน่นอนว่านี่ก็แค่ชั่วคราว แต่ในอนาคตหากนายอำเภอมีกำลังคนแล้ว แก๊งเหล่านี้ก็จะหมดประโยชน์ไปในที่สุด”

“นอกจากแก๊งแล้ว ยังมีนิกายต่างๆ พวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่าแก๊งเหล่านี้มากนัก แก๊งส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบริวารของนิกายต่างๆ ดังนั้นทางราชการจึงใช้อำนาจของนิกายมาปกครองเหล่าคนชั้นล่างชั่วคราว”

จางเสี่ยวเป่ยได้เข้าใจอย่างกระจ่างจากนั้นกล่าว :“คนแข็งแกร่งต่อสู้แย่งชิงกัน คนธรรมดานั้นล้วนแต่ได้รับความลำบาก”

อู๋เว่ย:“นั่นสิ แต่ฉันคาดว่าสถานการณ์เช่นนี้นั้นคงอยู่ได้ไม่นาน แคว้นหลงกั๋วนั้นแข็งแกร่งมาก นิกายเหล่านี้เป็นได้เพียงแค่หมากตัวหนึ่ง”

พูดถึงตรงนี้ เขาก็คิดอะไรได้:“ลูกพี่ คุณอะไรอยู่กันถึงได้ไม่ไปสอบเพื่อสร้างชื่อเสียง?”

จางเสี่ยวเป่ยสงสัยเป็นอย่างยิ่ง:“ชื่อเสียง?”

อู๋เว่ย:“ใช่แล้ว แคว้นหลงกั๋วตอนนี้กำลังเปิดรับสมัครอัจฉริยะจากทั่วสารทิศ เพียงแค่สามารถอยู่ในร้อยอันดับแรกของเขตเจียงหนานได้ก็จะสามารถไปทำงานที่จวนอุปราชได้ หากสามารถอยู่ในสามอันดับแรกก็จะสามารถเข้ารับราชการได้”

จางเสี่ยวเป่ย:“ตอนนี้พลังยุทธ์ฉันยังอ่อนแออยู่ ถึงไปก็ไม่ได้อะไร เอาเวลามาเพิ่มพลังยุทธ์ก่อนดีกว่า”

อู๋เว่ยหัวเราะ:“ลูกพี่ ปีศาจเช่นคุณ หากกลายเป็นคนเซียนแล้วเกรงว่าตี้เซียนก็ไม่ใช่คู่มือ”

หลังจากดื่มเหล้าจนเช้าแล้วคนเริ่มทยอยกลับกันแล้ว จางเสี่ยวเป่ยก็กลับมาฝึกยุทธ์ต่อในโลงศพ

ก่อนหน้านี้ เขาได้ฝึกถึงการเปลี่ยนแปลงระดับหก ตอนนี้ได้ทะลวงเข้าสู่ชั้นพรสวรรค์แล้ว!

ในเวลาเพียงแค่สามวัน เขาก็เข้าสู่อาณาจักรแห่งเทพได้

ในตอนที่เขาเดินออกมาจากร่องน้ำแล้วมาถึงป่าเขียวชอุ่มอันเงียบสงบแล้ว เขายืนนิ่งแล้วทำการโคจรพลังภายใน ใบไม้ที่ตกอยู่บนจู่ๆก็ลอยขึ้นมาราวกับมีดบินกระจายออกไปทั่วทิศทางแล้วปักลงบนลำต้นของต้นไม้และก้อนหิน

จากนั้นเขาก็แตะมือลงบนพื้น ดินโคลนไหลเข้ามารวมในมือของเขาดุจน้ำไหล แล้วแข็งตัวกลายเป็นหอกยาวที่แกร่งราวกับทำมาจากเหล็กกล้า ในเวลาเดียวกันพื้นดินใต้เท้าของเขาก็สั่นไหวราวกับเกลียวคลื่น จากนั้นพลังภายในอันน่ากลัวของเขาก็ได้หลั่งไหลไปทั่วทิศทางในรัศมีกว่าร้อยก้าว

ในรัศมีร้อยก้าวนั้น เกรงว่าเเม้แต่ผู้แข็งแกร่งในระดับคนเซียนเองก็ยังต้องเสียเปรียบ หากเป็นผู้อ่อนแอนั้นอาจจะขึ้นขั้นถูกสังหาร!

อาณาจักรแห่งเทพเป็นขอบเขตที่มีพลังภายในอันศักดิ์สิทธิ์ มีสติปัญญาสูงส่ง อยู่สูงกว่าอาณาจักรแห่งรูปร่างขั้นหนึ่ง เมื่อใช้ก็จะมีพลังเหนือธรรมชาติราวกับเทพ แต่ทว่าอาณาจักรเทพนั้นประกอบไปด้วยสามระดับด้วยกัน ขั้นแรกเรียกว่าอาณาจักรจิตวิญญาณ ในระดับนี้พลังภายในจะมีจิตวิญญาณอยู่ สามารถปรับได้ด้วยตัวเอง ทำให้มีพลังการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด ในตอนนี้ระดับของจางเสี่ยวเป่ยก็คืออาณาจักรจิตวิญญาณ

การเปลี่ยนแปลงระดับเจ็ด อาณาจักรจิตวิญญาณ ส่วนการเปลี่ยนแปลงระดับแปดนั้นคืออาณาจักรกฎเกณฑ์ หลังจากผ่านการฝึกโคจรพลังภายในแล้วจะได้รับกฏเกณฑ์ในการสยบศัตรู ทุกครั้งที่ทำการโจมตีจะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีพลังรุนแรงมาก

ส่วนอาณาจักรเทพระดับที่สามคือการเปลี่ยนแปลงขั้นที่เก้า เป็นขั้นที่บรรลุยากยิ่งกว่าเดิม มีอยู่เพียงในตำนานที่ถูกเล่าขานต่อกันมา ถูกเรียกว่าอาณาจักรสวรรค์ เมื่อเข้าสู่ระดับนี้พลังภายในจะสามารถสื่อสารกับฟ้าดิน สามารถปลดปล่อยพลังสะกดข่มที่น่ากลัวออกมาได้

จางเสี่ยวเป่ยฝึกหนักมาทั้งวัน พลังภายในเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าหากอยากจะทำให้สมบูรณ์นั้น เขาจำเป็นต้องพัฒนาผ่านการต่อสู้จริง

ช่วงบ่าย เขาก็มาที่ร้านอาหารอีกครั้ง ไม่กี่วันมานี้หมิงลี่ไม่ได้มาหาเขา เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนการฝึกของเขา

อู๋เว่ยเม้มปากแล้วพูด:“ก็ไม่เท่าไหร่ สามวันเป็นตี้เซียน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขานั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่เปลี่ยนมาเริ่มต้นฝึกใหม่ พูดตรงๆว่าหากเอามาเทียบกับลูกพี่แล้ว เขานั้นไม่มีทางเทียบติด!”

หมิงลี่ดีใจมาก:“จริงเหรอ?หัวหน้าครอบครัวแกร่งกว่าเขาอีกเหรอ?”

อู๋เว่ย:“แน่นอนสิ!”

จางเสี่ยวเป่ย:“เขาเป็นตีเซียน เทียบกันไม่ได้หรอก”

อู๋เว่ย:“ตี้เซียนแล้วไง?ลูกพี่คืนนี้พวกเราไปท้าหัวหน้าแก๊งพวกนั้นสู้แล้วหาเงินเข้ากระเป๋าซักหน่อยดีกว่า”

จางเสี่ยวเป่ยกำลังอยากจะฝึกฝนเพื่อให้เข้าสู่อาณาจักรจิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์ด้วยการสู้จริงอยู่พอดี จึงถามว่า “ไปท้าใครล่ะ?”

อู๋เว่ยหัวเราะ แล้วเขาก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา ข้างบนมีหนึ่งร้อยรายชื่อเขียนเอาไว้ แล้วพูด “วันนี้ไปท้าสู้ห้าคนก่อน เจ้าพวกนี้เป็นคนเซียน แข็งแกร่งมาก แต่ถ้าดูจากพลังของลูกพี่แล้วการที่จะล้มพวกเขาได้นั้นไม่ยากเกินไป”

จางเสี่ยวเป่ยสนใจรายได้มากกว่าจึงถาม:“สู้หนึ่งคนได้เงินเท่าไหร่?”

อู๋เว่ย:“พวกเขาเป็นหัวหน้าแก๊ง มีลูกน้องแบบลูกพี่เป็นร้อยคน?แค่แก๊งธรรมดาๆ ทุกเดือนก็ได้กำไรมากว่าเกือบสิบล้าน ปีหนึ่งเกินร้อยล้าน ดังนั้นพวกเราเปิดไปซักร้อยสองร้อยล้านก็ไม่นับว่ามากไปเกิน?”

จางเสี่ยวเป่ยตกตะลึง ร้อยสองร้อยล้าน สำหรับเขาแล้วนี่มันเป็นจำนวนที่สูงเสียดฟ้า!

อู๋เว่ย:“ลูกพี่ไม่ต้องตกใจ พวกผู้ฝึกยุทธ์ใช้เงินราวกับเบี้ย ยกตัวอย่างเช่นเงินยันต์ ก่อนหน้านี้หนึ่งเงินยันต์สามารถแลกได้ห้าแสนเหรียญมังกร ภายหลังมีการปรับเปลี่ยน หนึ่งเงินยันต์สามารถแลกได้สองแสนเหรียญมังกร สองร้อยล้านเหรียญมังกรก็แค่สองหมื่นเงินยันต์เอง ไม่ได้มากมายเลย โอสถ อาวุธต่างๆ แต่ละชนิดต่างก็ราคาหลายหมื่นไปจนถึงหลายล้านเงินยันต์”

จางเสี่ยวเป่ย:“ได้ ถ้างั้นเอาร้อยล้านก่อน”

อู๋เว่ยหัวเราะ:“ลูกพี่ พวกเราไป ‘แก๊งสุนัขกระห่ำ’ ก่อน!ได้ยินมาว่าหัวหน้าแก๊งสุนัขกระห่ำโหดร้ายมาก ชอบกินเนื้อคน ลูกพี่ต้องทุบตีเขาให้ตายเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ