ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 1481

เพียวเมี่ยวเทียนจุน:ไม่ต้องกังวลใจไป จักรวาลนี้นั้นกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ ได้กล่าวกันไว้ว่าเมื่อตอนจักรพรรดิศักดิ์ได้ใช้ของศักดิ์สิทธิ์ของมนุษตย์ต่างดาวเปิดโลกดึกดำบรรพ์ ด้วยเหตุผลนี้โลกนี้และโลกภายนอกจึงไม่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อคุณไปในโลกดึกดำบรรพ์ ร่างกายของคุณก็จะแข็งแกร่งขึ้นมาเอง"

อู๋เป่ย:ท่านอาจารย์ งั้นทำไมท่านอาจารย์ไม่เข้าไปในโลกดึกดำบรรพ์เพื่อที่ไปฝึกฝนล่ะ?"

เพียวเมี่ยวเทียนจุน:"นี่เป็นถือเป็นฟ้าลิลิตที่เกิดขึ้นในโลกดึกดำบรรพ์เรียกว่าถิ่นทุรกันดาร ที่นั้นไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปได้ จะมีเพียงแต่ลูกศิษย์ของโลกดึกดำบรรพ์เท่านี่ยที่จะสามารถเข้าไปในนั้นได้"

เธอนั้นก็ได้พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า:"แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้รับอนุญาตทั้งหมด เพียงแต่ว่ากำหนดกฎเกณฑ์ของจักรพรรดินั้นสูงเกินไป จนยังไม่มีใครไปถึง ซวนเป่ยคุณนั้นมีคุณนั้นมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่สามารถลองดูได้ ดูว่าจะสามารถได้รับอนุญาตตามกฎเกณฑ์ของจักรรพรรดิไหม"

อู๋เป่ย:"ท่านอาจารย์กำลังจะบอกว่าขอเพียงแค่ได้รับการอนุญาตตามกฎเกณฑ์ที่โลกดึกดำบรรพกำหนด ก็จะสามารถได้รับอนุญาตให้อยู่ฝึกฝนต่อที่นั้นได้หรอ?"

เพียวเมี่ยวเทียนจุน:"อืม แบบนั้นแหละ แต่ถ้าหากไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่เป็นไร เพราะจุดประสงค์ของคุณคือการล่าสัตว์"

ในวันที่ห้าพิธีบุญเหยาฉือก็จะสิ้นสุดแล้ว อู๋เป่ยไม่ได้ปรุงยาอายุวัฒนะอีก เขานั้นได้หยิบเทียนเหมินออกมาและเข้าไปฝึกฝน

คัมภีร์พลังเทพของเขานั้น ตอนนี้ได้ฝึกถึงขั้นที่เจ็ดเรียบร้อยแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณระดับหกนั้นยังไม่สมบูรณ์ดี ยังต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน ตอนนี้เพื่อที่จะให้การเปลี่ยนแปลงและการฝึกพลังจิตให้สมบูรณ์นั้นก็จะส่งผลต่อคัมภีร์พลังเทพขั้นที่แปด

การเปลี่ยนแปลงนี้คือการเอาพลังของสรรพสิ่งบนโลกนี้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง เขานั้นยังไม่สามารถทำสำเร็จได้ทั้งหมด ต่อจากนั้น เขานั้นก็ได้ตัดสินใจยืมมือของหินสวรรค์ทั้งสามสิ่งมีชีวิตทั้งมวลมาช่วยให้เขานั้นทำการเ้ปลี่ยนแปลงได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อตอนที่เลือกหินสวรรค์นั้น เขานั้นก็ได้อันดับแรกที่เลือกนั้นก็คือหินสวรรค์สองก้อนที่ได้ตั้งครรภ์กับสรรพสิ่งทั้งมวล! หินสวรรค์ทั้งสองนี้มีดินแดนที่สวยงามซ้อนอยู่ ทุกดินแดนจะมีสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายอาศัยอยู่!

ทั้งสองก้อนนี้มีพลังแข็งแกร่งมาก เมื่อหลังจากพวกมันนั้นโตเต็มวัย น่าจะมากว่ามรรคคาจารย์และน่าจะอาศัยอยู่ที่น่าหวาดกลัวเหมือนกับที่ฉงฉีอยู่

ด้านในเทียนเหมิน เขานั้นก็ได้ปลอดล็อคเปิดหินสวรรค์ก้อนแรกได้ ทันทีที่หินสวรรค์นั้นถูกเปิดออกดินแดนที่สวยงามก็พังทลายลง อักขระยันต์ก็ได้พุ่งออกมา เมื่อได้เห็นแบบนั้นก็ต้องรีบหลบหนี

อู๋เป่ยก็ได้รีบคว้ามันไว้ แต่ว่าอักขระยันต์นี้ก็ได้เแปลงร่างกายเป็นปลา ลื่นไหลไม่นานก็ได้หลุดออกจากมือของอู๋เป่ยไป

อู่เป่ยนั้นได้ตกตะลึงแล้วจึงได้ใช้ตาข่ายเพื่อจับมันไว้ แต่ปลาก็ได้กลายร่างเป็นควันจางๆลอยออกไปจากตาข่าย แล้วหลับหนีเข้าไปในอากาศ

อู๋เป่ยไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงแค่อ้าปากแล้วได้สูดควันจางๆนี้เข้าไปในปอดของเขา ใช้พลังกระบี่เพื่อปราบปราม

ควันนั้นเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้และสามารถจัดจารได้ยากมาก และมันเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อู๋เป่ยนั้นได้พยายามอย่าสุดความสามารถ ในที่สุดเขานั้นก็ได้ผลึกมันไว้ในดินแดนของตัวเองได้สำเร็จ จากนั้นก็ได้ทำการฝึกควบคุม

ในระหว่างอยู่ในกระบวนการฝึกนั้นเขานั้นก็ได้รับรู้ข้อมูลบางอย่าง ว่าสิ่งมีชีวิตนี้เรียกว่า หยวนจี เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกมิติขั้นสูงเก่งในด้านการกลายร่าง ตราบใดที่สามารถควบคุมมันได้ก็จะสามารถกลายร่างได้เหมือนหยวนจี

เขานั้นกำลังที่จะฝึกควบคลุมหยวนจีที่นี่ ที่นั่นนั้นเอาไว้ปลดผลึกหินสวรรค์ก้อนที่สอง หลังจากที่หินสวรรค์นั้นได้ถูดปลดผนึกออก ก็ได้มีสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมังกรขนาดใหญ่มีเก้าหัวโผล่ออกมา แล้วแต่ละหัวก็มีพลังที่น่าอัศจรรย์และน่ากลัวมาก บ้างก็ฟาดสายฟ้า บ้างก็ยิงกระบี่ลม บ้างก็พ่นพิษ บ้างก็พ่นแสงสีดำออกมา

แม้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะแลดูน่ากลัว แต่จริงๆแล้วมันยังอายุน้อยยังสามารถควบคุมแล้วฝึกฝนได้ง่ายกว่าหยวนจี

จากนั้นต่อมา เขานั้นก็ได้เริ่มฝึกหยวนจีและจิ่วอิง ไม่นานเขาก็ได้ฝึกควบคุมสิ่งมีชีวิตทั้งสองนี้ได้ จากนั้นเขาก็ได้รวบรวมพลังความสามารถของพวกมันเชื่อมต่อกัน เพื่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่พลังแข็งแกร่งกว่าเดิม

สิ่งมีชีวิตอันนี้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับมนุษย์ เว้นแต่ว่าด้านหลังนั้นมีหัวมังกรเก้าหัวกางออกมาเป็นรูปพัดอยู่ สิ่งมีชีวิตนี้มีพลังมหาศาลและเก่งในด้านการกลายร่าง จึงมีชื่อเรียกว่า "เทียนตี้! (จักรพรรแห่งสวรรค์)"

สุดท้ายนี้ ใครล่าสัตว์ในรายการได้มากที่สุดคนนั้นจะเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่ง ในการแข่งขันในครั้งนี้ ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจะได้รับลูกพีชโดนัทสิบชิ้นและตบเงินรางวัลให้หนึ่งล้านเต้า

เงินเต้านั้นเป็นสกุลเงินที่สร้างขึ้นจากผู้ที่มีอำนาจโดยบรรพบุรุษเต้า มีค่ายกลที่ซับซ้อนอยู่ด้านในมีหลายครั้งที่ใช้เงินเต้ามาใช้กับคาถาเวทย์มนต์ ก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นทหารปีศาจ และจะสามารถต่อสู้กับศัตรูได้ เมื่อได้สร้างค่ายกล เหรียญเต้าก็จะเป็นพลังค่ายกลที่แข็งแกร่งจำนวนมาก แม้กระทั้งปืนใหญ่ และหุ่นเชิดที่เป็นอัมตะก็จะสามารถใช้พลังค่ายกลของเหรียญเต้าได้

แม้ว่าเวลาที่จะต้องเผชิญกับภัยอันตราย หากมีเหรีญเต้ามากพอก็สามารถใช้ฆ่าศัตรูได้ในคราเดียว ดังนั้น เหรียญเต้านั้นหายากกว่าเหรียญมังกรศักดิ์สิทธิ์ซะอีก และอีกอย่างเหรียญเต้าและเหรียญมังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ แต่ละคนนั้นต่างมีการแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกันออกไป

มีนักพรตบางคนได้เสนอว่าเหรียญมังกรศักดิ์สิทธิ์หนึ่งแสนเหรียญเพื่อแลกกับเหรียญเต้าเพียงหนึ่งเหรียญ มีนักพรตคนอื่นอาจจะเสนอ เหรียญมังกรศักดิ์สิทธิ์ห้าล้านเหรียญเพื่อแลกกับเหรียญเต้าหนึ่งเหรียญ!

ได้ยินมาว่ามีห้าล้านเหรียญเต้าทำให้อู่เป่ยนั้นใจสั่นไหว แล้วรู้สึกมีพลังขึ้นมาทันที

การแข่งขันได้เริ่มขึ้น ชายชุดคลุมสีเงินก็ได้เปิดประตูสีทองออก ให้เหล่าผู้เข้าร่วมได้มาลงทะเบียน เนื่องจากรางวัลของผู้ที่ได้อันดับหนึ่งนั้นทำให้ทุกคนทึ่งตะลึง ดังนั้นจึงทำให้มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก มีทั้งเทพ ปีศาจ เทวดา และมนุษย์ที่เป็นนักพรต มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากมายก็ได้มาปรากฎตัวขึ้น ณ ที่นี่

อู๋เป่ยนั้นได้ฝ่าฝูงชนเข้าไปที่ประตูสีทอง

ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา จู่ๆเท้าของผู้คนก็ได้ต่างก็ได้ได้ลอยขึ้นพบว่าทั้งหมดนั้นได้ลอยขึ้นไปบนทางฟ้าสูง และก็มีแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลทำให้พวกเขานั้นล่วงตกลงมาสู่พื้น ยิ่งไปกว่านั้นบนท้องฟ้าก็ได้มีการปั่นป่วนอย่างรุนแรง ซึ่งได้ทำให้แต่ละคนนั้นได้แยกย้ายกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง

ท้องฟ้านั้นสูงและกว้างใหญ่มากพื้นดินกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต อากาศที่นี่มีความหนาแน่นกว่าทวีปรกร้าง โดยปกติแล้วตี้เซียนนั้นจะไม่สามารถเหาะในที่นี่ได้ ตอ่ให้เป็นเซียนแห่งสวรรค์ก็ตาม ความสูงของการเหาะนั้นมีความจำกัด จึงไม่มีวิธีใดที่จะสามารถบินสูงเกินไปได้

ตัวอย่างเช่นตอนนี้ ก็ได้มีผู้คนจำนวนมากได้ร่วงหล่นลงพื้นไปกันอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถที่จะควบคุมการลงได้อย่างสมบูรณ์