เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 1746

สถานที่ที่อู่เป่ยบอกว่าสามารถเพิ่มความเร็วในการวิวัฒนาการนั้น ก็คือสถานที่ฝึกนั่นเอง ชิงหมิงที่ได้ยินว่ามีสถานที่เช่นนั้น ก็สนใจขึ้นมาทันที “ได้ งั้นพวกเราก็ไปกันเลย”

การมาสถานที่ฝึกอีกครั้ง ทำให้อู๋เป่ยคุ้นชินกับที่นี่แล้ว และเขาก็ได้มาถึงบริเวณใจกลางของที่ฝึก

ชิงหมิงกล่าว “ดีมากเลย ที่นี่มีค่ายกลที่ไม่เหมือนที่อื่น ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีการวิวัฒนาการไม่หยุด!”

อู่เป่ยถามขึ้น “ชิงหมิง ตอนนี้คุณยังอ่อนแอเกินไป ในช่วงนี้ก็อยู่ที่นี่ค่อยๆพัฒนาไปแล้วกัน”

ในยามที่ชิงหมิงฝึกพลังยุทธนั้น อู๋เป่ยก็ไม่ได้ว่าง ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้จึงทำให้เขามีการวิวัฒนาการที่รวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงเริ่มฝึกคัมภีร์เทพเซียน

คัมภีร์เทพเซียนนี้ เป็นคัมภีร์ที่เต้าจวินชั่วนิรันดร์เป็นผู้สร้างขึ้นมา โดยนำวิชายุทธเซียนมารวมกับเผ่าเทพ ดังนั้นึงถือเป็นวิวัฒนาการของเผ่าเทพ

คัมภีร์เทพเซียนในห้าขั้นแรกล้วนเกี่ยวกับการวิวัฒนาการ ซึ่งเส้นทางการวิวัฒนาการของอู๋เป่ยก็ถือว่าเดินมาไกลพอแล้ว ดังนั้นในห้าขั้นแรกนั้นเขาจึงสามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น โดยใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น

ส่วนคัมภีร์เทพเซียนในขั้นที่หกถึงสิบ ถึงจะเป็นการฝึกเซียนที่แท้จริง โดยแนวคิดของคัมภีร์นี้คือการใช้วิวัฒนาการของเผ่าเทพมาเป็นรากฐาน แล้วก็รวมกับวิชาเซียนที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งก็เหมือนกับการตอกิ่งพืช ที่ได้รู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของกันและกัน

การฝึกวิชาเซียนนี้ อู๋เป่ยถือว่าอยู่หัวแถวเลยก็ว่าได้ ทำได้แม้กระทั่งสิ่งที่คนที่อยู่ในระดับเดียวกับเขาบางคนยังทำไม่ได้ เขา ก็เริ่มสร้างคลังสมบัติมนุษย์ขั้นสูงสุด รวมถึงคลังสมบัติลับและคลังสมบัติสวรรค์ ทั้งหมดนี้จึงทำให้พลังยุทธของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว

และในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน เขาก็สามารถฝึกคัมภีร์เทพเซียนไปได้จนถึงขั้นที่สิบ และเริ่มฝึกขั้นที่เหลืออีกสิบสี่ขั้น

คัมภีร์เทพเซียนนั้นมีสองส่วน สิบสี่ขั้นแรกนั้นถือเป็นขั้นพื้นฐาน ส่วนที่เหลือสิบสองขั้นถือเป็นขั้นสูง ซึ่งมันก็มีความสอดคล้องกับสอสองมิติเล็กและสี่มิติใหญ่ของอาณาจักรเทพโต้วซวี

ซึ่งผู้ที่บรรลุไปถึงสองมิติใหญ่ได้จะถูกขนาดนามว่าราชาเซียน ผู้ที่ไปถึงสามมิติใหญ่จะถูกขนานนามว่าจักรพรรดิเซียน และผู้ที่ไปถึงสี่มิติใหญ่จะถูกขนาดนามว่าเซียนบรรพกาล

ส่วนพลังยุทธมิติขนาดเล็กสิบสี่ขั้นที่เหลือก็ไม่ได้ง่ายแล้ว อู๋เป่ยใช้เวลาสามวันถึงจะผ่านไปถึงมิติขนาดเล็กขั้นที่หนึ่งได้ นั่นก็คือมิติเซียนหยวน

มิติเซียนหยวนนั้นจะต้องสร้างพลังหนึ่งขึ้นมาในร่างกายเรียกว่าพลังเซียนหยวน

เมื่อนานมาแล้ว ในตอนที่อู๋เป่ยยังฝึกพลังยุทธอยู่ที่เทียนฝูจิง ก็ได้ฝึกเซียนหยวน เพียงแต่ว่าเซียนหยวนในตอนนั้นกับเซียนหยวนในตอนนี้มันมีความแตกต่างกันอย่างมาก แต่ทว่าประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมานั้น ทำให้การฝึกเซียนหยวนของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว

ในคัมภีร์เทพเซียนนั้นกล่าวไว้ว่า เซียนหยวนเมื่อได้เริ่มขึ้นแล้ว ก็จะสามารถตัดสินได้เลยว่าเทพเซียนท่านนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน ดังนั้นจึงได้มีการจัดลำดับไว้

ชั้นที่สูงที่สุดคือชั้นเซียนสูงสุด รองลงมาเป็นชั้นจักรพรรดิ ชั้นราชา และชั้นที่เก้าถึงชั้นที่หนึ่ง ซึ่งระดับชั้นที่หนึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดรองลงมาจากชั้นราชา

ตอนอยู่ที่อาณาจักรเทพโต้วซวี อู๋เป่ยได้ยินมาว่าลำดับชั้นเซียนหยวนนั้นเพียงแค่ไปถึงระดับห้าขึ้นไปก็นับว่าเป็นผู้ที่อยู่ระดับเหนือชั้นแล้ว ส่วนระดับสี่ขึ้นไปก็ถือเป็นอัจฉริยะ ส่วนถ้าใครที่ไปถึงระดับสามหรือสองได้ ก็จะได้รับการดูแลอย่างดากเผ่าเทพ และเซียนหยวนระดับหนึ่งนั้นก็จะเป็นบุตรคนโปรดของสวรรค์เลยทีเดียว

แต่ในตอนนี้อู๋เป่ยไม่สามารถทดสอบเซียนหยวนของตัวเองได้ แต่เขารู้สึกว่าไม่ว่ายังไงเซียนหยวนของเขาก็ต้องอยู่ในระดับชั้นราชาหรือไม่ก็ระดับชั้นจักรพรรดิเป็นแน่ เขามีเส้นทางของเขาที่จะต้องไป สำหรับเทพเซียนแล้วถือว่าไม่ได้สำคัญอะไรนัก การอยู่ในระดับชั้นราชาก็ถือว่าดีมากแล้ว

ตัดกลับมาที่ชิงหมิง เขาฝึกพลังยุทธที่สนามฝึกมากว่าครึ่งเดือนแล้ว เขาก็สามารถฝึกไปถึงมิติที่สามเล็กได้อย่างราบรื่น ซึ่งแน่นอนว่าชิงหมิงก็ได้รับอะไรมากมาย และมีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพลังของเขาในตอนนี้จะไม่สามารถไปสู้อะไรกับอู๋เป่ยได้ แต่ก็ถือว่าแข็งแกร่งกว่าอู๋เป่ยในเมื่อก่อน

เขาจากบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว และได้ติดต่อกับจูอวี้ เขาตัดสินใจว่าจะกลับไปประเทศเทียนหวู่ก่อน เขาทำการเปิดอักขระยันต์บนฝ่ามือ จากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้น ตัวของเขามาปรากฏที่เมืองคุนหลุนทันที บริเวณใกล้ๆกับวังหลวงของประเทศเทียนหวู่

เมื่อกลับมาถึง เขาก็สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นคาวเลือดออกมาจากวังหลวงอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นและตรงเข้าไปในวังหลวงทันที

ถังจื่อยี่ที่กำลังจัดการงานอยู่ เห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามาอย่างผลีผลามก็กำลังจะตำหนิ แต่ทันใดนั้นก็เกิดชุกคิดขึ้นมาได้เสียก่อน “ซวนเป่ย?”

อู๋เป่ยพยักหน้า “ผมเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเอง อย่าเพิ่งบอกใครไปล่ะ”

ถังจื่อยี่ที่ได้ยินดังนั้นก็เบาใจขึ้น “โชคดีที่คุณไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง”

อู๋เป่ยถามขึ้น “จื่อยี่ ทำไมในวังหลวงถึงได้มีกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงขนาดนี้ล่ะ?”

ถังจื่อยี่ “ช่วงนี้ มีการก่อกบฏเกิดขึ้นหลายครั้ง ถึงแม้จะถูกหน่วยอารักขากำจัดไปแล้ว แต่คนก็ตายไปไม่น้อย”

อู๋เป่ย “ใครกันที่ก่อกบฏ?”

“เยอะมากเลยล่ะ เมื่อไม่กี่วันก่อน มีคนของตระกูลหลี่ได้มีการแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ และใช้กำลังพลจำนวนมากบีบให้ไปที่วังหลวง แต่โชคดีที่ซวนเป่ยได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า สุดท้ายก็เป็นสี๋เป่าที่ออกมาจัดการกับการก่อกบฏในครั้งนี้”

อู๋เป่ย “คนของตระกูลหลี่งั้นเหรอ?”

เขารอจนอวิ๋นซีกลับไปฝึกอีกรอบ แล้วก็ไปพบกับเทพเจ้าแห่งหิมะ

เทพเจ้าแห่งหิมะในตอนนี้ ก็อยู่ในขั้นยึดครองสวรรค์เช่นกัน อู๋เป่ยกล่าว “ท่านเทพเจ้าแห่งหิมะ ผมอยากจะถ่ายทอดคัมภีร์เทพเซียนให้ ท่านจะต้องสนใจเป็นแน่”

เทพเจ้าแห่งหิมะ “คัมภีร์เทพเซียน?”

อู๋เป่ยพยักหน้า และอธิบายถึงสถานการณ์ต่างๆ เทพเจ้าหิมะได้ฟังแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ “แน่นอนว่าพลังยุทธเช่นนี้ มีพลังที่แข็งแกร่งมาก”

อู๋เป่ย “ตัวท่านตอนนี้เหมาะมากกับการที่ฝึกคัมภีร์เทพเซียน”

เทพเจ้าแห่งหิมะ “ท่านเองก็มาได้ถูกเวลาเหมือนกัน ผมมีเรื่องหนึ่งที่จะต้องบอกท่าน”

อู๋เป่ย “เรื่องอะไรงั้นเหรอ?”

เทพเจ้าแห่งหิมะ “ภัยพิบัติครั้งใหญ่ กำลังจะเกิดขึ้น”

อู๋เป่ยรู้สึกตกใตอยู่ในใจ “ภัยพิบัติครั้งใหญ่?ภัยพิบัติอะไรกัน?”

เทพเจ้าแห่งหิมะ“ในทุกๆ หนึ่งแสนแปดพันปี ก็จะมีการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นหนี่งครั้ง ภัยพิบัติขนาดเล็กจะทำให้ทั้งจักรวาลเกิดความโกลาหล จะมีการศูนย์พันธุ์ของสิ่งมีชีวิต โดยภัยพิบัติขนาดเล็กนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตเสียชีวิตไปมากกว่าครึ่ง ในทุกสิบสองครั้งของภัยพิบัติขนาดเล็ก ก็จะมีการเกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่ขึ้นหนึ่งครั้ง สิ่งมีชีวิตจะหายไปกว่าร้อยละเก้าสิบ โครงสร้างต่างๆก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ฟ้าดินเกิดความปั่นป่วน เทพและเซียนจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดา”

อู๋เป่ยกล่าวด้วยความตกใจ “รุนแรงขนาดนั้นเลยหรือ!แล้วภัยพิบัตินี้จะกินเวลานานแค่ไหน?”

เทพเจ้าแห่งหิมะ “ภัยพิบัติขนาดใหญ่โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นยาวนานกว่าสามสิบปี ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติขึ้นจะมีลางบางอย่าง เช่นตอนนี้ที่ในหลายโลกเกิดลางบอกเหตุของของภัยพิบัติครั้งใหญ่ ระยะสั้นก็หนึ่งเดือน แต่ถ้านานหน่อยก็กินเวลาหนี่งปี ซึ่งภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้เป็นสิ่งที่ยังไงก็ต้องเผชิญกับมัน!”

อู๋เป่ย “ทำไมข้างนอกถึงไม่มีเสียงลมอะไรเลยล่ะ?”

เทพเจ้าแห่งหิมะ “แน่นอนว่าไม่มีหรอก เพราะผู้ที่จะรู้คือผู้ที่อยู่ในชั้นสูงสุด ในแพลนของพวกเขา เกรงว่าเมืองคุนหลุนจะป็นที่ที่ถูกละทิ้ง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ