อู๋เป่ย : “แน่นอน ขอแค่กระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ตื่นตัว ก็สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งทั้งหมดในเวลาอันสั้น ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้”
ซุนจื่อเหยียน : “แต่ว่าคนดูจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าผู้ป่วยหายแล้วจริง ๆ มันดูไม่ออกจากภายนอกนะ”
อู๋เป่ยพูดด้วยรอยยิ้ม : “เพราะงั้นพวกเราถึงต้องไปโรงพยาบาล ให้คนดูเห็นประวัติการรักษา แล้วก็ใช้เครื่องมือตรวจวัดแบบเรียลไทม์ ให้เห็นกันจะจะไปเลยว่าผมรักษาหาย แบบนี้ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยอีก”
ซุนจื่อเหยียนคิดครู่หนึ่ง : “ฉันรู้จักท่านอาของฉันคนหนึ่ง เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชน ฉันจะรีบไปคุยกับเขาให้ร่วมมือกับพวกเราในไลฟ์นี้”
อู๋เป่ยพยักหน้า : “อืม พรุ่งนี้ผมจะไปเลือกผู้ป่วยสามคน แล้วจะรักษาให้พวกเขาต่อหน้าทุกคน”
หลังจากพูดคุยกับอู๋เป่ยเรียบร้อย ซุนจื่อเหยียนก็รีบออกจากบ้าน ไปพบกับผู้อำนวยการคนนั้นเพื่อปรึกษาทันที
ขณะเดียวกัน อู๋เป่ยกับหลิ่วซานเซี่ยงก็เข้าไปในห้องส่วนตัว หลิ่วซานเซี่ยง : “คุณชายจะอยู่ที่บ้านสกุลซุนนี้อีกนานไหม”
อู๋เป่ย : “ยังไม่รีบ ตอนนี้ขอหาเงินก่อน ว่าแต่เหล่าหลิว คุณไม่ได้ทิ้งทรัพย์สินอะไรไว้ที่นี่เลยหรือ”
หลิ่วซานเซี่ยงส่ายหน้า : “ข้าไม่สนใจโลกฆราวาสเลย ทุกอย่างข้าเก็บไว้ในโลกผู้ฝึกฝนเที่ยงแท้หมดแล้ว”
อู๋เป่ย : “โลกผู้ฝึกฝนเที่ยงแท้ที่คุณพูดถึง คงหมายถึงห้วงเวลาหรือมิติที่มีมิติระดับสูงกว่านี้สินะ”
หลิ่วซานเซี่ยงพยักหน้า : “ใช่แล้ว ในยุคไท่กู่ยุคดึกดำบรรพ์เคยมีผู้แข็งแกร่งมากมาย พวกเขาได้สร้างมิติที่ทรงพลังของตัวเองขึ้นมา พวกเราเรียกสิ่งเหล่านั้นว่า โลกต่าง ๆ ต่อมา ผู้คนในโลกฆราวาสได้เข้าสู่โลกเหล่านั้นโดยบังเอิญผ่านการฝึกตน และเมื่อเวลาผ่านไปนับพันปี ก็เกิดเป็นโลกผู้ฝึกฝนเที่ยงแท้จำนวนมาก”
อู๋เป่ย : “งั้นในจักรวาลหลัก ก็มีโลกผู้ฝึกฝนเที่ยงแท้จำนวนมากเหมือนกันสินะ”
หลิ่วซานเซี่ยง : “ใช่ โลกเหล่านั้นมีหลายร้อยแห่ง บางแห่งใหญ่ บางแห่งเล็ก บางแห่งอยู่ในระดับสูง บางแห่งอยู่ในระดับเริ่มต้น โลกผู้ฝึกฝนเที่ยงแท้จึงแบ่งเป็นสามระดับ ระดับสูงสุดเรียกว่าโลกแห่งความโกลาหล ระดับกลางเรียกว่าโลกแห่งเซียน และระดับล่างสุดเรียกว่าโลกแห่งวิญญาณ”
“โดยโลกแห่งความโกลาหลมีทั้งหมดสามแห่ง โลกแห่งเซียนมีสามสิบหกแห่ง และโลกแห่งวิญญาณมีมากกว่าสี่ร้อยแห่ง แต่โลกแห่งความโกลาหลที่ถูกพัฒนาอย่างสมบูรณ์นั้นมีเพียงหนึ่งเดียว”
อู๋เป่ย : “ผู้ที่สามารถสร้างโลกเหล่านี้ขึ้นมา ต้องมีพลังยุทธ์ระดับไหนกัน”
หลิ่วซานเซี่ยง : “เหนือกว่าขอบเขตแห่งเต๋าเสียอีก พวกเรามาจากโลกห้าธาตุ ถึงแม้มันจะกว้างใหญ่และแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับโลกแห่งวิญญาณสักแห่ง ยังถือว่าธรรมดาไปเลย”
อู๋เป่ยตกใจเล็กน้อย : “เหนือกว่าขอบเขตแห่งเต๋างั้นเหรอ”
หลิ่วซานเซี่ยง : “เรื่องพวกนี้ยังห่างไกลจากพวกเรามากนัก แค่คุณชายรู้ไว้ก็พอ ไม่ต้องคิดมาก”
อู๋เป่ย : “แล้วโลกแห่งเซียนกับโลกแห่งวิญญาณต่างกันยังไง”
หลิ่วซานเซี่ยง : “สิ่งมีชีวิตในโลกแห่งเซียนแข็งแกร่งกว่าโลกแห่งวิญญาณอย่างมาก โลกแห่งวิญญาณมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสภาพเป็นร่างวิญญาณอยู่มาก บางโลกมีมนุษย์ผู้บำเพ็ญเป็นหลัก บางแห่งเป็นเผ่าพันธุ์พืชวิญญาณ และบางแห่งก็เป็นพวกอสูรหรือปีศาจเป็นหลัก”
“แต่โลกแห่งเซียนนั้น ส่วนใหญ่ถูกปกครองโดยมนุษย์ผู้บำเพ็ญ มีทั้งหมดสามสิบหกโลก ปัจจุบันยังมีบางแห่งที่อยู่ในสภาพสงคราม แย่งชิงอำนาจกันไม่จบสิ้น”
อู๋เป่ย : “แล้วโลกแห่งความโกลาหลล่ะ”
“โลกแห่งความโกลาหลเป็นพื้นที่ลึกลับที่มีน้อยคนจะเข้าไปได้ ที่นั่นไม่มีสำนักหรืออำนาจใดปกครอง มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์อิสระหรือครอบครัวนักฝึกตน แต่ว่าผู้ที่เข้าไปได้มีจำนวนน้อยมาก แม้แต่ครอบครัวนักฝึกตนในที่นั่น ส่วนใหญ่ก็มีไม่เกินสิบคน”
อู๋เป่ย : “หมายความว่าผู้ฝึกฝนเที่ยงแท้ส่วนใหญ่อยู่ในโลกแห่งเซียนเหรอ”
หลิ่วซานเซี่ยง : “ถูกต้อง โลกแห่งเซียนคือจุดศูนย์กลางของโลกผู้ฝึกฝนเที่ยงแท้ ส่วนโลกแห่งความโกลาหล ข้าเองยังไม่เคยไปเลยด้วยซ้ำ”
อู๋เป่ยพยักหน้า : “ต้องรีบดำเนินการเรื่องนี้ แล้วก็อย่าลืมเรื่องตัวตนที่หวางซื่ออันต้องการด้วยล่ะ”
หลิ่วซานเซี่ยง : “ข้าจำได้ขอรับ”
พอตกกลางคืน อู๋เป่ยก็เริ่มฝึกตน หวังจะฟื้นฟูพลังยุทธ์ของตนเอง ทว่าด้วยความที่เขามาจากโลกห้าธาตุ พลังของเขาไม่สามารถแสดงออกได้เต็มที่ในที่แห่งนี้
เขารู้สึกว่าพลังยุทธ์เต็มร้อยของตน ตอนนี้แสดงออกมาได้ไม่ถึงสิบส่วน แต่ถึงจะไม่ถึงหนึ่งในสิบ ก็เพียงพอให้เขาเอาตัวรอดในโลกฆราวาสนี้แล้ว
เขาฝึกตนตลอดทั้งคืน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับน้อยมาก จึงถามหลิ่วซานเซี่ยง : “มีวิธีใดไหม ที่จะทำให้ผมฟื้นพลังได้มากกว่านี้”
หลิ่วซานเซี่ยง : “พลังของคุณชายเกิดขึ้นในโลกนั้น เมื่อมาอยู่ที่นี่ก็ถูกจำกัด ถ้าจะฟื้นฟูให้มากกว่านี้ ก็ต้องค่อย ๆ ฝึก ค่อย ๆ ปรับตัว ต้องใช้เวลาหลายปี อย่างน้อยสามปี บางทีก็อาจถึงสิบปี และถึงจะทำได้ ก็ไม่อาจฟื้นฟูได้เต็มร้อย”
อู๋เป่ย : “แต่ผมจำได้ว่า มีบางคนจากจักรวาลย่อย เมื่อมายังจักรวาลหลัก ก็กลายเป็นเหมือนเทพไปเลยใช่ไหม”
หลิ่วซานเซี่ยง : “ก็จริง แต่คนเหล่านั้นเป็นตัวตนระดับสุดยอดของจักรวาลย่อย และพวกเขาก็หาต้นกำเนิดของจักรวาลหลักเจอแล้วด้วย”
อู๋เป่ย : “ต้นกำเนิดเหรอ”
หลิ่วซานเซี่ยงอธิบาย : “จักรวาลย่อย เกิดจากการสะท้อนหรือฉายภาพบางส่วนของจักรวาลหลัก กล่าวคือ จักรวาลย่อยพึ่งพาจักรวาลหลัก ยกตัวอย่างเช่น มีวิหารแห่งหนึ่งในจักรวาลหลักที่ได้รับแรงศรัทธาอย่างสูง มันจึงฉายภาพของตัวเองไปยังจักรวาลย่อย และจัดระเบียบโลกที่นั่นตามแบบของมันเอง ซึ่ง ‘วิหาร’ นี้ก็จะกลายเป็นต้นกำเนิดของจักรวาลย่อยนั้น”
อู๋เป่ยถาม : “แล้วโลกห้าธาตุของพวกเรา ก็มีต้นกำเนิดด้วยเหรอ”
หลิ่วซานเซี่ยง : “แน่นอน ต้นกำเนิดของโลกห้าธาตุ คือคัมภีร์เต๋าเล่มหนึ่ง นามว่าตำราต้นธาตุทั้งห้า! หากคุณชายหามันเจอได้ จะกลายเป็นตัวตนอันสูงสุดในโลกห้าธาตุอย่างไม่ต้องสงสัย!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เรื่องนี้ไม่มีเปิดให้อ่านฟรีประจำวันแล้วเหรอครับ *-*...
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...