เหยียนเหลิ่งสือถึงกับตะลึง “จะปรุงยาอายุวัฒนะหรือ?”
หลังจากอู๋เป่ยทะลุทะลวงถึงขั้นที่สิบสองแห่งการฝึกปราณแล้ว ความรู้เกี่ยวกับการปรุงยาก็ผุดขึ้นมาในหัวทีละน้อย ครั้นได้เห็นวิญญาณปีศาจร้ายตรงหน้า ความรู้ยิ่งครบถ้วนขึ้น เขารู้สึกว่าตนเองน่าจะลองปรุงยาอายุวัฒนะบางอย่างได้
อู๋เป่ยพยักหน้า “ผมลองดูได้”
เหยียนเหลิ่งสือดีใจจนตาเป็นประกาย “หากนายท่านปรุงยาอายุวัฒนะได้สำเร็จ ท่านจะกลายเป็นผู้ที่คนทั้งแผ่นดินเคารพนับถือที่สุด!”
อู๋เป่ยว่า “ผมยังไม่ได้เริ่มปรุงยาอย่างเป็นทางการ ตอนนี้พูดแบบนั้นยังเร็วไปหน่อย”
ยามค่ำ จางคุยซิงจัดโต๊ะเลี้ยงรับรองทั้งสองคน หลังกรอกเหล้าไปสามจอก อู๋เป่ยพูดขึ้นว่า “คุณชายใหญ่แห่งตระกูลจางน่าจะรู้จักคนที่ชื่อหวังห่าวเหย่ใช่ไหม?”
จางคุยซิงชะงักไปเล็กน้อย “หมอเทวดาอู๋เอ่ยถึงคนผู้นี้ทำไม?”
อู๋เป่ย “ช่วงนี้ผมมีปัญหาขัดแย้งกับหวังเจียอยู่บ้าง”
จางคุยซิง “คนผู้นี้สองปีมานี้ไปหาเส้นสายหนุนหลัง เลยกร่างเอาการ ถ้าบิดาของผมไม่ล้มป่วย ป่านนี้จัดการเขาไปนานแล้ว!”
เหยียนเหลิ่งสือ “รากฐานของหวังเจียอยู่ที่จงโจว หากจางจิอายินดีจะลงมือกับหวังเจีย เราพร้อมจะช่วยเต็มที่!”
จางคุยซิง “หวังห่าวเหย่ไม่ใช่ปัญหาน่ากังวลนัก เพียงแต่เมื่อกว่าสองปีก่อน เขาไปสวามิภักดิ์ต่อขุนนางใหญ่ในราชสำนัก คือท่านอาจารย์หลวงโยวเจี่ยน หากบิดาของผมจะลงมือ ก็ต้องดูความประสงค์ของท่านราชครูก่อน”
เหยียนเหลิ่งสือ “ถ้าเช่นนั้น หากท่านราชครูคิดจะคุ้มครองหวังห่าวเหย่ จางจิอาก็แตะต้องเขาไม่ได้หรือ?”
จางคุยซิง “เข้าใจเช่นนั้นได้ ท้ายที่สุด หวังห่าวเหย่กับจางจิอาของผมไม่ได้มีความแค้นลึกซึ้งอะไร ถึงกับต้องไปขัดใจท่านราชครูเพื่อกำจัดเขา มันไม่คุ้ม”
อู๋เป่ยถาม “หวังห่าวเหย่เข้าหาท่านราชครูได้อย่างไร?”
จางคุยซิง “ร่ำลือว่าบุตรสาวผู้เป็นที่รักยิ่งของท่านราชครูล้มป่วยด้วยโรคประหลาด หวังห่าวเหย่ก็เชิญผู้มีฝีมือสูงมาช่วยบรรเทาอาการของนาง”
อู๋เป่ย “แสดงว่าบุตรสาวของท่านราชครูยังไม่หายดี”
จางคุยซิง “ใช่ ก็แค่ทุเลาความทุกข์ลงเท่านั้น”
ว่าแล้วดวงตาเขาก็สว่างวาบ ถามว่า “หมอเทวดาอู๋ ทักษะการแพทย์ของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ทำไมไม่ลองไปดูสักครั้งล่ะครับ?”
อู๋เป่ยเอ่ยเรียบๆ “ผมกับท่านราชครูไม่เคยรู้จักกัน เกรงว่าอยากจะช่วยแต่ไม่มีหนทาง”
จางคุยซิงยิ้ม “เรื่องนี้จัดการได้ จางจิอาของผมกับท่านราชครูสัมพันธ์กันไม่เลว อีกทั้งผมยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับบุตรสาวของท่าน คือโยวซิน เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ผมจะลองถามโยวซินให้”
เลี้ยงเสร็จ อู๋เป่ยกลับไปยังห้องเดี่ยวของตนเพื่อฝึกตน ยามดึก เขารู้สึกว่าตนบรรลุขั้นที่สิบสองแห่งการฝึกปราณจนสมบูรณ์ จึงลองทะลุทะลวงเข้าสู่ขั้นลี้ลับ
ขั้นลี้ลับระดับแรก คือแดนคาถาลับ ต้องไปฝึกคาถาลี้ลับ
ก่อนฝึกคาถาลี้ลับ ต้องท่องคาถาแม่ให้ขึ้นใจทั้งบท จากนั้นคัดท่อนที่เข้ากับพลังลับของตนเองออกมา แล้วค่อยขัดเกลาเสริมพลัง
พลังลับแบบเดียวกัน แต่ละคนก็ร่ายคาถาลับหรือเวทลับออกมาไม่เหมือนกัน เหมือนมีสีชุดเดียวกัน แต่จิตรกรต่างคนก็วาดภาพออกมาไม่เหมือนกันเลย
การท่องคาถาแม่ให้ครบหนึ่งรอบ ต้องใช้เวลาราวสิบวัน อู๋เป่ยใช้เวลาเพียงครึ่งคืน ท่องได้แค่ท่อนสั้นๆ ท่อนคาถานั้นมีอยู่เจ็ดท่อนที่สอดรับกับพลังลับซึ่งเขาดูดซับอยู่ นั่นหมายความว่าเขาสามารถฝึกคาถาลี้ลับได้ถึงเจ็ดชนิด
เช้าวันถัดมา อู๋เป่ยไปเยี่ยมจางสิงอีกครั้ง จางสิงดูสดชื่นมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก อู๋เป่ยจึงเขียนตำรับยาให้ชุดหนึ่ง ให้เขาบำรุงต่อเนื่อง หากไม่มีเหตุผิดคาด ราวหนึ่งสัปดาห์ก็น่าจะหายดี
บ่ายนั้น จางคุยซิงก็นำข่าวมาบอกว่าได้นัดกับโยวซินเรียบร้อย อีกเดี๋ยวโยวซินจะมาเอง ด้วยคำแนะนำของจางคุยซิง โยวซินให้ความสำคัญมาก จึงมาด้วยตนเอง
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง จางคุยซิงก็พาสตรีวัยราวยี่สิบเจ็ดแปดปีมาปรากฏตัว พอเห็นสตรีผู้นี้ อู๋เป่ยก็รู้ทันทีว่าในสามวิญญาณเจ็ดจิตของนาง ขาดหายไปหนึ่งวิญญาณหนึ่งจิต

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...