อู๋เป่ยเปิดผ้าแดงที่คลุมแท่นศิลาทองแดงออก เห็นอักขระยันต์รูปร่างประหลาดหลายร้อยตัวสลักอยู่บนนั้น ถ้าหยิบขึ้นมาดูตัวใดตัวหนึ่งตามลำพัง คนทั่วไปคงไม่เข้าใจความหมาย แต่เมื่ออักขระที่ดูไร้ระเบียบเหล่านี้เรียงกันเป็นชุด กลับเหมือนซ่อนความลึกซึ้งบางอย่างไว้
“ศิราจารึกสวรรค์นี่มีศิลปะการต่อสู้สูงสุดอยู่จริงหรือ?” อู๋เป่ยอดสงสัยไม่ได้ จ้องอักขระเหล่านั้นพลางขบคิดอย่างตั้งใจ
เวลาผ่านไปทีละนาที จนครบชั่วโมงก็ยังไม่พบอะไร เขาจึงเดินไปตรงแท่นศิลาทองแดง ลูบอักขระบนแท่นศิลาทองแดง เมื่อมือสัมผัสอักขระเหล่านั้น เขารู้สึกถึงความประหลาดบางอย่างทันที
อักขระส่งแรงสั่นสะเทือนเล็กๆ ออกมา เขารับรู้คลื่นสั่นนั้นจนปลายนิ้วสั่นตาม จนจังหวะสั่นสอดรับกัน ตอนนั้นเอง เขารู้สึกถึงพลังลี้ลับไหลมาจากห้วงเร้นลับ ไปรวมตัว ณ จุดหนึ่งในร่าง
ไม่นาน ณ ตำแหน่งหนึ่งในร่างของเขา ปรากฏอักขระแปลกประหลาดขึ้นมา ตัวอักขระนั้นเหมือนกับที่อยู่บนแท่นศิลาทองแดงทุกประการ!
พออักขระในกายก่อตัวสมบูรณ์ ภาพน่าตะลึงก็เกิดขึ้น อักขระบนแท่นศิลาทองแดงกลับหายวับไปในพริบตา เหลือพื้นที่ว่างเปล่าเอาไว้!
อู๋เป่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงใช้นิ้วแตะอักขระทีละตัว ผลลัพธ์เหมือนกันทุกครั้ง อักขระทยอยเข้าสู่ร่างกายเขา แล้วอักขระบนแท่นก็หายไปตามลำดับ
เมื่ออักขระในกายเพิ่มจำนวนขึ้น เขารู้สึกว่ามันหลอมรวมเป็นองค์เดียวผ่านทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ! ทว่าอักขระเหล่านี้มีข้อกำหนดโหดมากทั้งต่อร่างกายและจิตวิญญาณ พอรับอักขระได้ราวเจ็ดในสิบ เขาก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดัน เมื่อถึงแปดส่วน ร่างกายก็ใกล้แตะขีดจำกัด
ทันใดนั้น เขาพลิกกลไกสวรรค์ ฝืนยกระดับความทนทานของตนขึ้นถึงเก้าเท่า ความอึดอัดจึงคลายลงอย่างชัดเจน และยังคงดูดซับอักขระต่อไป
เมื่ออักขระตัวสุดท้ายปรากฏในร่าง ทั่วทั้งร่างเปล่งประกาย อักขระทั้งหมดเชื่อมผ่านร่างกายกลายเป็นค่ายกลไร้เทียมทาน อย่างไรก็ดี ด้วยข้อจำกัดด้านพลังยุทธ์ ตอนนี้ค่ายกลนี้ยังออกฤทธิ์ได้จำกัด หน้าที่ของมันคือทำให้ร่างของอู๋เป่ยกลายเป็นโครงกระดูกนักสู้โดยกำเนิด! เพิ่มพูนศักยภาพและขีดจำกัดด้านศิลปะการต่อสู้ของเขาอย่างมหาศาล
หลังดูดซับอักขระทั้งหมดแล้ว เขายืนนิ่งๆ ซึมซับความเปลี่ยนแปลงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกลับไปยังหอพักโรงงาน เวลานั้น แพทย์และเจ้าหน้าที่บริการที่เหยียนเหลิ่งสือส่งมาก็มาถึงเรียบร้อย ผู้บาดเจ็บได้รับการรักษา ครัวก็เริ่มคึกคัก กลิ่นอาหารหอมโชยมาเป็นระยะ
ลานโล่งใกล้ๆ ก็ถูกจัดเป็นสวนเด็กเล่น มีของเล่นสำหรับเด็กๆ วางไว้มากมาย
ลู่ชิงซวงวิ่งวุ่นไปมา ดูแลทั้งคนเฒ่าคนแก่และคนอ่อนแอ ชาวหมู่บ้านตระกูลลู่ได้รับการจัดที่พักอย่างดี
ลู่เซวียนเฟิงเรียกอู๋เป่ยกลับมา เขารีบเข้ามาถามทันทีว่า “คุณชายอู๋ ได้อะไรบ้างไหมครับ?”
อู๋เป่ยพยักหน้า “พอเข้าใจอยู่บ้างครับ”
ลู่เซวียนเฟิงดีใจอย่างยิ่ง รีบพูดว่า “คุณชาย เชิญตามผมมาครับ!”
เขาพาอู๋เป่ยไปยังหอพักห้องใหญ่ ขณะนั้นมีผู้อาวุโสหลายคนอยู่ในห้อง พวกเขาคงรู้เรื่องที่ลู่เซวียนเฟิงมอบศิราจารึกสวรรค์ให้อู๋เป่ย ทุกดวงตาจึงมีแววคาดหวังอยู่นิดๆ
ลู่เซวียนเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามกดความตื่นเต้นไว้ว่า “ท่านอา ท่านลุงทั้งหลาย คุณชายอู๋สำเร็จแล้วครับ!”
เฒ่าขาดแขนลุกขึ้นถามว่า “คุณชายอู๋ ท่านตรัสรู้ไปได้เท่าไรครับ?”
อู๋เป่ยไม่อยากพูดให้เกินจริง จึงตอบว่า “ราวสามในสิบครับ”
ทุกคนแปลกใจ ก่อนจะแปรเป็นปีติยินดีอย่างล้นเหลือ ผู้อาวุโสทั้งห้าสบตากันหนึ่งครั้ง แล้วต่างก็หยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ทั้งห้าคนเอาสมุดห้าเล่มออกมาวางบนโต๊ะ แต่ละเล่มหนาราวหนึ่งนิ้ว
เฒ่าขาดแขนกล่าวว่า “คุณชายอู๋ เมื่อบรรพชนของเราได้รับศิราจารึกสวรรค์มา ก็ได้วิชาลับขั้นเทพห้าเล่มนี้มาด้วย วิชานี้ล้ำลึกเกินไป บรรพชนไม่อาจฝึกได้ มิฉะนั้นคงไม่ลงเอยด้วยการถูกกวาดล้างยึดทรัพย์ทั้งตระกูล ตอนนี้เมื่อคุณชายตรัสรู้เนื้อหาบนศิราจารึกแล้ว ก็ย่อมฝึกห้าวิชาลับนี้ได้!”
สำหรับพวกวิชาลับขั้นเทพ อู๋เป่ยจริงๆ ก็ไม่ได้จำเป็นนัก เขาเป็นผู้ฝึกพลังยุทธ์ ต่อให้หยิบเคล็ดลับลับเฉพาะชนิดใดมาฝึก ก็ทรงพลังกว่าวิชาลับทั่วไปมาก แต่เมื่อทุกคนคาดหวังเพียงนี้ เขาจึงหยิบสมุดขึ้นมาพร้อมประสานมือคำนับ “ขอให้ทุกท่านวางใจครับ ผมจะพยายามฝึกอย่างเต็มที่”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เรื่องนี้ไม่มีเปิดให้อ่านฟรีประจำวันแล้วเหรอครับ *-*...
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...