อู๋เป่ยตบหัวม้าศึกเบา ๆ ครั้งหนึ่ง ม้าศึกก็เลี้ยวซ้าย มุ่งหน้าไปด้านนั้น ไม่นานก็ถึงหน้าพระราชวังสีทองหลังหนึ่ง ทว่าหน้าพระราชวังกลับมีองครักษ์เกราะทองแปดนายยืนขวางอยู่ แต่ละนายสูงราวสิบกว่ามิเตอร์ มือถือดาบใหญ่ ใบตาวาววับพ่นเปลวไฟสีม่วงแดงออกมา กลิ่นอายสังหารพุ่งทะยานขึ้นฟ้า
ม้าศึกไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป ชะลอฝีเท้าแล้วหยุดอยู่ห่างออกไปราวร้อยเมตร อู๋เป่ยจึงจำต้องพลิกตัวลงจากหลังม้า ชำเลืองมองซ้ายขวาเล็กน้อย จากนั้นก็เดินตรงไปทางประตูใหญ่ของพระราชวังสีทอง
ขณะนั้นเอง บนถนนแสงทองด้านหลัง มีม้าศึกสี่ตัวลากรถม้าคันหนึ่งแล่นฝ่าลมมาด้วยความเร็ว บนรถม้ามีชายสอง หญิงสองนั่งอยู่ ชายหนุ่มผมยาวชุดขาวคนหนึ่งหันมามองทางด้านซ้าย พอเห็นว่ามีคนกำลังจะเข้าไปในพระราชวัง เขาก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้
“ไม่รู้โผล่มาจากซอกไหน เจ้าหนูนั่นกล้าเหิมเข้าไปวิหารจักรพรรดิอี้ หาเรื่องตายชัด ๆ!”
ข้างกายเขาเป็นสตรีโฉมสะคราญ แก้มปลั่งดั่งดอกท้อ สวมกระโปรงแดง ผมเกล้ามวยทรงตกม้า ปักปิ่นทองคำประดับระย้าดอกหนึ่ง แสงสีทองสะท้อนใบหน้าจนพร่างพราย
นางเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “หยุดรถ”
คนควบม้าเป็นหนุ่มชุดดำ เขารีบควบม้าให้ชิดข้างทางแล้วถามว่า “ศิษย์น้อง หยุดทำไม?”
สตรีนางนั้นตอบว่า “คนผู้นั้นดูท่าไม่รู้ความลึกตื้นของแดนจักรพรรดิ์มนุษย์ พวกเราจะปล่อยให้ไปตายต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร ขับรถม้าไปหาเขาหน่อย ไปเตือนสักสองสามคำ”
หนุ่มชุดขาวหัวเราะ “ศิษย์น้อง คนที่ควรตาย ต่อให้พูดดีก็ห้ามไม่อยู่หรอก คำพูดของเจ้า เขาไม่แน่ว่าจะยอมฟัง”
สตรีในกระโปรงแดงยิ้มบาง “ลองดูก่อนแล้วกัน”
อู๋เป่ยเดินเข้าไปใกล้องครักษ์เกราะทองมากขึ้นเรื่อย ๆ พลันได้ยินเสียงล้อรถม้าดังมาจากด้านหลัง เขาหันกลับไปมอง เห็นม้าศึกสีทองสี่ตัวลากรถม้าคันหนึ่งวิ่งตรงมา ก่อนจะหยุดลงไม่ไกลจากด้านหน้าของเขา
บนรถม้ามีคนสองสามคนก้าวลงมา ผู้นำคือหญิงกระโปรงแดงวัยราวสิบหกสิบเจ็ดปี รูปร่างหน้าตางดงามอ่อนหวาน แม้แต่อู๋เป่ยที่เจอหญิงงามมานับไม่ถ้วน ยังไม่อยากละสายตาไปทันที
หญิงสาวเอ่ยว่า “คุณชาย ที่นี่คือวิหารจักรพรรดิอี้ อันตรายอย่างยิ่ง องครักษ์เกราะทองทั้งแปดหน้าประตูนั่น เวลาปะทะศัตรูจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เทียนเฉียวจำนวนมากล้มตายอยู่ใต้คมดาบของพวกมัน”
อู๋เป่ยว่า “ที่แท้ที่นี่คือวิหารจักรพรรดิอี้ ขอบคุณคุณหนูที่เตือน ข้ายังไม่ทราบว่าคุณหนูแซ่อะไร”
หนุ่มชุดขาวฮึดฮัดเย้ยหยัน “ชื่อศิษย์น้องข้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะรู้”
หญิงสาวเหลือบมองหนุ่มชุดขาวแวบหนึ่ง แต่ก็ยังพูดกับอู๋เป่ยว่า “ข้าชื่อจื่อซี”
อู๋เป่ยถาม “คุณหนูจื่อ วิหารจักรพรรดิอี้เบื้องหน้านี่ เคยมีใครเข้าไปได้บ้างหรือไม่”
จื่อซีส่ายหน้า “จักรพรรดิอี้ตั้งเงื่อนไขต่อผู้สืบทอดไว้สูงลิบ จนบัดนี้ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครเข้าไปในวิหารจักรพรรดิอี้ได้เลย”
อู๋เป่ยพยักหน้า “งั้นข้าอยากลองดูสักครั้ง”
หนุ่มชุดขาวหัวเราะขึ้นมา “ศิษย์น้อง ข้าเคยว่าอย่างไร คนจะตาย ต่อให้เตือนก็เตือนไม่ได้ มีแต่เปลืองน้ำใจเจ้าฟรี ๆ”
อู๋เป่ยมองหนุ่มชุดขาวแวบหนึ่งแล้วไม่ใส่ใจ เขายกมือค clasp กำหมัดโค้งคำนับจื่อซีหนึ่งครั้ง จากนั้นก็สาวเท้ายาว ๆ เดินตรงไปทางองครักษ์เกราะทอง
พอเขาเข้าใกล้ องครักษ์เกราะทองก็ขยับขึ้นมาทันที ดาบใหญ่ในมือตวัดฟาดมาอย่างกราดเกรี้ยว รวดเร็วดั่งสายฟ้า ทว่าดาบใหญ่กลับฟันทะลุผ่านร่างอู๋เป่ยไปทั้งคน ร่างของเขากลับหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
แท้จริงแล้วอู๋เป่ยได้ใช้วิชาภาพเงาลึกลับ แฝงกายลงในเงา ตัวจริงแท้ ๆ แนบขนานไปกับพื้นเลื้อยทะยานมาถึงหน้าประตูใหญ่ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว!
เห็นอู๋เป่ยถูกดาบฟัน หญิงสาวถึงกับสะดุ้งเฮือก กำลังจะร้องว่า “ระวัง—” ทว่าเพิ่งอ้าปาก ก็เห็นอู๋เป่ยโผล่ตัวขึ้นมาอย่างน่าพรั่นพรึงที่หน้าประตูวิหารจักรพรรดิอี้เสียแล้ว
ประตูวิหารจักรพรรดิอี้ก็เป็นสีทองเช่นกัน บานใหญ่โอ่อ่า บนบานประตูสลักอักขระยันต์แปลกพิสดารนับไม่ถ้วน
“อึ้ง เขากล้าผ่านด่านองครักษ์เกราะทองมาได้!” หนุ่มชุดขาวอุทานอย่างตกตะลึง

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เรื่องนี้ไม่มีเปิดให้อ่านฟรีประจำวันแล้วเหรอครับ *-*...
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...