ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 32

การต่อสู้ที่ดุเดือดดูเหมือนจะจบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่อันที่จริงอู๋เป่ยลงแรงกับมันอย่างสุดพลัง ตอนนี้เขารู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง พอทุกอย่างจบลง เขาก็รีบกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน

พอรุ่งสาง จูชิงเหยียนก็นําอาหารเช้ามา เขาค่อยๆ กิน แล้วถามว่า "มีข่าวอะไรไหม"

จูชิงเหยียนพยักหน้า: "เฉียวป๋อมีลูกชายหนึ่งคน เขาส่งคนกลางมาเจรจาไกล่เกลี่ย บอกว่าเขายินดีที่จะชดเชยให้เรา 20 ล้านหยวน ต่อไปเราจะได้ไม่ข้องเกี่ยวกัน"

อู๋เป่ยฉีพูด "เราฆ่าพ่อของเขาแล้ว แล้วเขายังต้องจ่ายเงินอีกเหรอ"

จูชิงเหยียน: "วงการยุทธจักรก็แบบนี้แหละ ใครก็ตามมีกําปั้นคนนั่นถูก ลูกชายของเฉียวป๋อไม่เก่งศิลปะการต่อสู้ แต่เขาเก่งเรื่องธุรกิจ เขาก็ต้องกลัวว่าเราจะฆ่าเขา เขาถึงต้องจ่ายเงินเพื่อกําจัดหายนะ

อู๋เป่ยพยักหน้าและพูดว่า "ถ้าที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมก็ควรต้องกลับแล้วล่ะ"

จูชิงเหยียนพยักหน้า: "ฉันจะไปกับคุณและพาคุณปู่ไปด้วย"

อู๋เป่ยจึงขับรถพาแม่ของเขา จูหย่วนซาน และจูชิงเหยียนกลับเมืองหมิวหยาง

เขาส่งจูหย่วนซานและจูชิงเหยียนไปที่วิลล่าในอำเภอก่อน แล้วค่อยไปส่งจางลี่ที่บ้าน

พอเปิดประตูก็มีจดหมายหล่นลงมาจากช่องรอยแตกของประตู อู๋เป่ยหยิบจดหมายขึ้นมา ดูแค่หน้าซองก็มองเห็นว่าข้างในมีตัวหนังสือเพียงบรรทัดเดียว: เจอกันตอนบ่ายสามโมงที่ด้านบนสุดของสวนสาธารณะชิงซาน แล้วลงชื่อซงหงปิน

ซ่งหงปินต้องการเจอผม ขอให้ผมช่วยเขา หรือคิดจะหาคนมาจัดการผมกันแน่นะ?

แต่ จู่ๆ อีกฝ่ายก็มาที่ประตู เรื่องนี้ต้องได้รับการจัดการ ความบาดหมางของเขากับครอบครัวซ่งก็ควรจะจบแล้วเช่นกัน!

จู่ๆ เขาก็พูดว่า "แม่ เสี่ยวเหม่ยอยู่ที่บ้านตา เราไปทานข้าวบ้านตากันเถอะ ผมอยากกินเกี๊ยวสามเซียนฝีมือคุณยายแล้ว"

จางลี่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง จึงพูดว่า "โอเค ตามนั้น ฉันทำความสะอาดเก็บข้าวของ แล้วจะรีบไป"

ครึ่งชั่วโมงต่อมา อู๋เปียก็ขับรถไปบ้านตา เขารู้ว่าตาชอบอุปกรณ์ที่ใช้ทำสร้อยข้อมือ จึงแวะซื้อไม้กฤษณา

ตาของอู๋เป่ยอายุ 70 ปีแล้ว ร่างกายแข็งแรงมาก เวลาว่างจะชอบรำไทเก๊ก พอเห็นของขวัญที่หลานชายนํามา เขาก็มีความสุขมากและพาอู๋เป่ยไปดื่มเหล้ากับเขา

คุณตามีจางลี่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เขาถึงเอาแต่ใจอู๋เป่ยมาก ตอนที่เขายังเป็นเด็ก ค่าเล่าเรียนของอู๋เป่ย ก็เป็นคุณตาที่เป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้เกือบทั้งหมด ค่าครองชีพของอู๋เป่ยตอนที่เขาเรียนหนังสือเกือบทั้งหมดได้รับจากตาของเขา ตอนเด็กๆ เขาก็อาศัยอยู่ที่บ้านคุณตาจนโตเป็นหนุ่ม

อู๋เป่ยก็มีปู่มีย่า แต่เขาไม่ค่อยได้ไปที่นั่น ในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ก็จะมีแค่พ่อของเขากลับบ้านเกิดเพียงลําพัง และก็จะอารมณ์เสียทุกครั้งที่กลับมา

ต่อมาเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิต อู๋เป่ยก็ติดคุก คนในครอบครัวไม่มีใครมาเยี่ยมเขาสักคน แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่เคยโทรหา นี่จึงเป็นสาเหตุทำให้อู๋เป่ยเป็นคนเย็นชา

พอถึงตอนเที่ยง พออู่เหม่ยเลิกเรียนกลับมา ครอบครัวก็มารวมตัวกันเพื่อทานอาหารเย็นและมีความสุขมาก

อู๋เป่ยดื่มเหล้าไปสักพัก เขาคุยกับตาได้สองสามคํา จู่ๆ คุณตาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขารีบไปที่ห้องสมุดหยิบจดหมายเก่าๆ ฉบับหนึ่งออกมาแล้วพูดว่า "เป่ยน้อย ครั้งก่อนที่หลานเคยถามตาถึงที่มาของจี้หยกอันนั้น ตาไปหามาให้แล้วนะ หลานดูสิ"

จดหมายถูกเขียนขึ้นมานานมาแล้ว เป็นจดหมายที่บรรพบุรุษของตาเขียนถึงพ่อของตา เขียนทำนองว่าจางป่าวกวนเป็นบรรพบุรุษของตระกูลจางเป็นคหบดีท้องที่ เมื่อ 30 ปีก่อนเขาได้สูญเสียภรรยาไปและได้ทิ้งลูกไว้

อยู่มาวันหนึ่งจางป่าวกวนเห็นผู้หญิงมอมแมมขอทานบนถนน มีรอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนใบหน้าของเธอ และทุกคนต่างก็ก็หลีกออกห่าง

จางป่าวกวนรู้สึกสงสารเธอ ก็เลยซื้อซาลาเปา* สองสามลูกให้เธอ พอผู้หญิงคนนั้นได้กินซาลาเปา* ก็แสดงความขอบคุณ

วันต่อมา ทันทีที่จางเป่ากวนออกจากบ้าน เขาก็เห็นผู้หญิงในชุดสีเหลืองยืนอยู่หน้าประตู เธอสวยโดดเด่น แทบไม่มีที่ติ เขาตกใจมาก

ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า เธอเป็นผู้หญิงขอทานคนเมื่อวาน เธอเต็มใจที่จะแต่งงานอยู่กินกับจางเป่ากวนตลอดไป ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็แต่งงานกัน และมีลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคน

พอลูกๆ โตกันหมด ผู้หญิงคนนั้นกับจางเป่ากวนทั้งคู่ก็เข้าไปอาศัยอยู่ในป่าบนภูเขา ก่อนออกเดินทางพวกเขาทิ้งจี้หยกชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นจี้บนเรือนร่างอู๋เป่ย

หลังจากอ่านเนื้อหาในจดหมายแล้ว อู๋เป่ยก็รู้สึกประหลาดใจ ผู้หญิงในชุดสีเหลืองเป็นนางฟ้าหรือไม่?

เขาเก็บจดหมายเข้าซองอย่างระมัดระวัง และให้ตาเก็บมันไว้ แต่เขามีความคิดมากมายอยู่ในใจ จางป่าวกวนและภรรยาของเขาซ่อนตัวอยู่ในป่าภูเขาเฉยๆ หรือกินยาอายุวัฒนะไปแล้ว? และกรรมวิธีในการทำจี้หยก ผู้หญิงในชุดสีเหลืองคนนั้นรู้ด้วยหรือไม่?

เวลา 14.30 น. เขาขี่จักรยานไปที่สวนสาธารณะชิงซาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ