ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 562

อู๋เป่ยเงยหน้าขึ้นมองโดมด้านบน เขาพบว่าที่โดมด้านบนนั้น มีลักษณะเป็นรูปทรงกลมที่งดงามน่ามองเป็นอย่างมาก โดมทรงกลมนั้นเป็นหินเรียบเนียนเกลี้ยงเกลา ช่างเหลือเชื่อจริงๆ หินที่มีขนาดใหญ่หลายล้านตารางเมตรแบบนี้มันจะสามารถสร้างพื้นผิวที่โค้งมนได้รูปได้ทรงแบบนี้ได้อย่างไร

เขามองไปยังแท่นศิลาจารึกเหล่านี้ บ้างทำจากก้อนหิน บ้างทำจากไม้ และบ้างทำจากโลหะ และยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร แผ่นศิลาจารึกเหล่านี้แตกหักเสียหายเป็นจำนวนมาก มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังดูสมบูรณ์อยู่

เขาเดินมาถึงด้านหน้าของแผ่นศิลาจารึกหินแท่นหนึ่ง บนศิลาจารึกนั้นมีตัวอักษรสลักอยู่จนเต็มไปหมด และตัวอักษรเหล่านี้มันเก่าแก่มากกว่าอักษรเซียนเสียอีกด้วย ซึ่งมันอ่านยากมาก แต่ยังดีที่เขามีตาวิเศษ เมื่อเขาเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง ก็สามารถเข้าใจความหมายของตัวอักษรได้ทั้งหมด มีอักษรหลายหมื่นคำสลักอยู่บนศิลาจารึกนั้น และมีรูปภาพโบราณที่ดูซับซ้อนอย่างมากอยู่ตรงกลางแผ่นศิลาจารึกนั้นอีกด้วย

รูปภาพนี้มีความแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เมื่ออู๋เป่ยได้เห็นรูปภาพนี้แล้ว เขาก็เกิดความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย ตัวอักษรเหล่านี้เป็นคำแปลและคำอธิบายของรูปภาพนั้น เขาอ่านตัวอักษรพวกนั้นอยู่หนึ่งรอบ และค่อยๆ จดจำลักษณะของรูปภาพนั้นเอาไว้

เขามิอาจใช้เวลาในช่วงสั้นๆ เพื่อทำความเข้าใจรูปภาพนี้ได้ และเขาเองก็ไม่มีเวลามากพอที่จะอยู่ในที่แห่งนี้นานๆ

เขาเริ่มเดินต่อไปข้างหน้า ศิลาจารึกส่วนใหญ่ล้วนแตกหักเสียหายไปแล้ว เขาเลยเลือกหยุดดูแต่ศิลาจารึกที่ยังสมบูรณ์อยู่เท่านั้น พื้นที่ภายในพระราชวังใต้ดินนั้นกว้างขวางมากๆ มีแผ่นศิลาจารึกอยู่หลายแสนแท่น แต่มีเพียงไม่กี่ร้อยแท่นเท่านั้นที่ยังคงสภาพได้อย่างสมบูรณ์

ต่อมาเขาเดินมาหยุดตรงหน้าแท่นศิลาจารึกแผ่นที่สอง บนแท่นศิลาจารึกมีรูปภาพแบบเดียวกันอยู่ และมีคำอธิบายเนื้อหาอยู่นับหมื่นตัวอักษรอยู่ด้วย หลังจากที่เขาจดจำตัวอักษรและรูปภาพนั้นแล้ว เขาก็เดินต่อไปยังศิลาจารึกแผ่นที่สาม

เขามีตาวิเศษทั้งสองข้างที่ทำหน้าที่ราวกับกล้องถ่ายรูปชั้นยอด ซึ่งสามารถจดจำตัวอักษรและรูปภาพนั้นได้ผ่านในระยะเวลาอันรวดเร็ว แถมยังเก็บข้อมูลนั้นไว้ในสมอง เพื่อนำกลับไปคิดวิเคราะห์เอาในภายหลัง

โจวเสียนจวี่ไม่กล้าเดินเข้าไปด้านในต่อ เขายืนรออยู่บริเวณด้านนอกของป่าศิลาจารึกและพูดว่า “ระวังตัวด้วยนะครับคุณอู๋เป่ย”

เมื่อเดินมาอยู่ตรงเบื้องหน้าของแผ่นศิลาจารึกที่สามแล้ว เขายังคงจดจำเนื้อหาที่อยู่บนแผ่นศิลาจารึกนั้นต่อ ถัดไปเป็นแผ่นที่สี่ และแผ่นที่ห้า ตามลำดับ ไม่รู้เป็นเพราะว่าตาวิเศษของเขาหรือเปล่า เขาถึงไม่เจอกับภัยอันตรายใดๆ ทุกอย่างดูราบรื่นเป็นปกติดี

ดังนั้นเขาจึงเดินมุ่งหน้าเดินต่อ หลังจากจดจำเนื้อหาบนแท่นศิลาจารึกได้สิบสองแผ่นแล้ว ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงห้องสุดท้ายของพระราชวังใต้ดิน

สภาพแวดล้อมที่ต่างจากเดิมนั่นคือ มีแท่นศิลาจารึกเก้าแท่นตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางห้องนั้น แท่นศิลาจารึกทั้งเก้าแท่นนี้ แต่ละแท่นมีความสูงมากกว่าสามร้อยเมตร ความกว้างมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร และความหนามากกว่าสิบเมตร!

แท่นศิลาจารึกทั้งเก้านั้น ล้วนสร้างมาจากโลหะที่แปลกประหลาด บนแท่นนั้นมีตัวอักษรขนาดใหญ่บันทึกไว้อยู่มากกว่าหนึ่งล้านตัวอักษร

ตัวอักษรที่อยู่บนแท่นศิลาจารึกทั้งเก้านี้แตกต่างจากแท่นอื่นๆ ตรงที่มันเป็นตัวอักษรที่มีความเก่าแก่มากกว่า อู๋เป่ยเองก็ไม่สามารถถอดรหัสความหมายของตัวอักษรเหล่านั้นได้ในทันที เขาทำได้เพียงแค่จดจำเอาไว้เท่านั้น นอกจากตัวอักษรแล้ว บนแท่นศิลาจารึกแต่ละแผ่นนั้นยังสลักไปด้วยลวดลายที่สลับซับซ้อนอยู่อีกนับหลายสิบภาพ

เนื่องจากตัวอักษรมีอยู่เป็นจำนวนมาก อู๋เป่ยจึงต้องถอยออกมายืนมองอยู่ห่างๆ หลังจากที่เขาจดจำเนื้อหาทั้งหมดของแท่นศิลาจารึกทั้งเก้าได้แล้ว จู่ๆ เขาก็รู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้และตาลาย

“แย่แล้ว ใช้พลังตาวิเศษมากจนเกินไป!” เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นตัดสินใจที่จะไม่ดูแท่นศิลาจารึกอื่นต่อ และรีบเดินกลับออกตามเส้นทางเดิมทันที

นอกจากโจวเสียนจวี่ที่ยืนรออยู่บริเวณด้านนอกของป่าศิลาจารึกแล้ว ผู้คนที่เห็นว่าอู๋เป่ยเดินเข้าไปในป่าศิลาจารึกนั้น ต่างก็รู้สึกเป็นห่วงเขาเป็นอย่างมาก แต่ต่อมาเมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยดี พวกเขาต่างก็พากันรู้สึกโล่งอก อู๋เป่ยเดินกลับออกมาด้วยความรวดเร็วด้วยสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ เขารู้สึกตกใจและรีบเข้าไปประคองอู๋เป่ยออกมาจากพระราชวังใต้ดิน

เมื่อกลับมาถึงห้องหินแล้ว อู๋เป่ยยังไม่รู้สึกดีขึ้น เขาจึงนั่งลงเพื่อพักผ่อนสักครู่

ทุกคนล้วนต่างเคยเข้าไปสังเกตแผ่นศิลาจารึกในพระราชวังใต้ดินนั้นกันแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกแปลกใจกับเหตุการณ์นี้มากนัก

ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “หมอเทวดาอู๋ประมาทเกินไป คงไปดูแท่นศิลาจารึกที่ไม่ควรดูเข้า”

ชายอีกคนหนึ่งพูดต่อว่า “จริงด้วย แท่นศิลาจารึกโบราณเหล่านี้มันแปลกประหลาดมาก ถ้ามองถูกแท่น มันก็จะมีประโยชน์กับพลังยุทธ์ แต่ถ้ามองผิดแล้วหล่ะก็ มันก็จะมีโทษอย่างมหันต์”

เมื่ออู๋เป่ยได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เขามองแท่นศิลาจารึกมาตั้งมากมาย ทำไมไม่เห็นจะรู้สึกว่ามันมีโทษอะไรเลยสักนิด?เขาอดกลั้นกับความรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนนั้น พยายามลืมตาและถามว่า “ทุกท่าน เคยเห็นศิลาจารึกมาแล้วกี่แท่นกันหรือ?”

โจวเสียนจวี่ตอบว่า “ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว จนถึงตอนนี้ เคยเห็นแค่สามแท่นเท่านั้นเอง แต่มีเพียงแท่นเดียวเท่านั้นที่เหมาะกับผม ตอนนี้ผมทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อศึกษาค้นคว้าถึงความหมายที่แสดงอยู่บนแท่นศิลาจารึกนั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ