ณ ตำหนักจินหลวน
ตี้จิ้งนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง มองลงมายังเหล่าขุนนางที่กำลังถกเถียงกันไม่หยุดด้วยสายตาเฉื่อยฉา
ซูลั่วยืนอยู่ข้างตี้จิ้ง มองดูกลุ่มคนที่กำลังส่งเสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่แล้วก็อดสบถไม่ได้
พวกโง่!
ตี้จิ้งร่วมมือกับเย่จิ้นเรียบร้อยแล้ว ขุนนางพวกนี้ยังต้องพูดอะไรอีกเหรอ
พอคิดถึงตรงนี้ ก็เห็นเย่จิ้นเดินออกมาจากในหมู่ขุนนาง
เขาค้อมตัวแล้วพูดกับตี้จิ้ง
“ฝ่าบาท ข้าเห็นด้วยกับแม่ทัพหวังพ่ะย่ะค่ะ!”
แม่ทัพหวังก็เพิ่งจะโต้เถียงกับเฉาเจียงรองเสนาบดีกรมกลาโหมอยู่เมื่อครู่
พอเย่จิ้นพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งตำหนักที่โหวกเหวกวุ่นวายก็พลันเงียบลงทันใด
เฉาเจียง
ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา
ทั้งสงสัย ทั้งตกใจ
เฉาเจียงและชุยเก๋อทำหน้าแบบคาดไม่ถึงกับเรื่องนี้
ตั้งแต่สองปีก่อนที่เริ่มมีข่าวลือ เย่จิ้นก็แทบไม่แสดงความคิดเห็นอะไรในที่ประชุม
ทำให้หลายคนลืมไปแล้วว่ามีเขาอยู่
แต่เฉาเจียงกับชุยเก๋อไม่เคยมองข้ามเย่จิ้น อีกทั้งยังพยายามดึงเย่จิ้นมาเป็นพวกอยู่หลายครั้ง
แต่เย่จิ้นหัวแข็ง ไม่เคยสนใจคำโน้มน้าวของทั้งคู่เลย
ประกอบกับที่เย่จิ้นเป็นถึงอัครเสนาบดี ตระกูลเย่ก็เป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งสองก็เลยไม่กล้าผิดใจกับเขามากนัก
ปล่อยเลยตามเลยให้เย่จิ้นเป็นคนดูข้างสนามไป
แต่ตอนนี้เย่จิ้นกลับช่วยพูดให้ฮ่องเต้ ทำให้ทั้งเฉาเจียงและชุยเก๋อประหลาดใจอย่างมาก
หรือฮ่องเต้กับเย่จิ้นจะมีความเกี่ยวพันกันโดยที่พวกเขาไม่รู้?
เย่จิ้นมองทั้งสองคนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
คิดในใจว่าพวกนี้ช่างโง่เง่านัก ฮ่องเต้แท้จริงเป็นผู้หญิงหรือเปล่าก็ยังไม่แน่นอน
แต่สองคนนั้นกลับดีใจระริ้กระรี้ ท้ายที่สุดแล้วก็คงหนีไม่พ้นถูกตามคิดบัญชีแน่
ตี้จิ้งยิ้ม “หืม ท่านอัครมหาเสนาบดีมีความเห็นอย่างไรหรือ”
แสดงละครแล้วๆ !
ซูลั่วตาเป็นประกาย คิดในใจว่าหากทั้งสองคนนี้เกิดในยุคเดียวกับเขา อาจจะได้รางวัลออสการ์ก็เป็นได้
เย่จิ้นตอบแบบไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป
“ฝ่าบาท ข้าคิดว่าเรื่องภัยพิบัติสามารถมอบหมายให้ขุนนางท้องถิ่นจัดการได้ แต่เรื่องที่พวกเชียงกู่รุกรานดินแดนไม่อาจนิ่งนอนใจได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เราควรส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามพวกเชียงกู่ ให้พวกนั้นได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเหยียนพ่ะย่ะค่ะ!”
เฉาเจียงกับชุยเก๋ออ้าปากค้าง เย่จิ้นประกาศตัวอยู่ข้างฮ่องเต้แล้ว!
เสนาบดีจากกรมอื่นๆ รวมถึงแม่ทัพใหญ่อย่างเหลยเซียวต่างก็จับจ้องไปที่เย่จิ้นด้วยความงุนงง
ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงได้เลือกยืนอยู่ฝั่งฮ่องเต้
ตี้จิ้งยิ้มพร้อมพยักหน้า แล้วหันไปมองเหล่าขุนนาง “พวกท่านมีความเห็นต่างไปจากท่านอัครมหาเสนาบดีหรือไม่”
ขุนนางจำนวนมากหันหน้าไปมองเฉาเจียงและชุยเก๋อ
เฉาเจียงและชุยเก๋อมองหน้ากันแวบหนึ่ง ต่างเงียบไม่พูดอะไร
เพราะยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมเย่จิ้นถึงไปเข้าข้างฮ่องเต้ พวกเขาจึงยังไม่กล้าเสี่ยง
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าของตี้จิ้งก็ยิ่งชัดเจนขึ้น พูดด้วยเสียงสดใส
“ในเมื่อพวกท่านไม่มีความเห็นที่ต่างออกไป งั้นก็ทำตามที่ท่านอัครมหาเสนาบดีว่าก็แล้วกัน”
พูดจบตี้จิ้งก็ค่อยๆ ลุกยืนขึ้น แล้วกล่าว “ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะบอกพวกท่าน”
“ที่ผ่านมาข้าเอาแต่ยุ่งอยู่กับงานราชการ จนละเลยวังใน การมีองค์รัชทายาทยังไงก็เป็นรากฐานของประเทศ วันนี้ข้าจะร่วมห้องกับฮองเฮา”
“ขอให้สวรรค์คุ้มครองอาณาจักรเหยียน ส่งองค์รัชทายาทมาให้แก่อาณาจักรในเร็ววัน!”
“เอาละ เลิกประชุมได้!”
คำพูดของตี้จิ้งไม่ต่างอะไรกับการทิ้งระเบิดไว้กลางที่ประชุม ทุกคนต่างนิ่งงันไปชั่วขณะ
เฉาเจียงกับชุยเก๋อมองหน้ากันเลิกลั่ก บนหน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา
ที่ผ่านมาทั้งสองคนกล้าทำอะไรตามอำเภอใจก็เพราะว่าทุกคนปักใจเชื่อว่าฮ่องเต้เป็นผู้หญิง
แต่ตอนนี้ฮ่องเต้กลับประกาศออกมาว่าจะร่วมห้องกับฮองเฮา เป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ร่วมห้องก็คือร่วมห้อง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนยุคไปเป็นสปายขันทีผู้เก่งกาจ!(จบ)
ทำไมจบที่บท 10 ละครับเนี่ย -.-"...
น่าสนุก น่าสนใจมากๆค่ะ ยังไม่เคยอ่านแนวขันทีเลย รอๆอัพเดทตอนต่อไปอีกนะคะ...