ย้อนยุคไปเป็นสปายขันทีผู้เก่งกาจ!(จบ) นิยาย บท 7

ณ ตำหนักจินหลวน

ตี้จิ้งนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง มองลงมายังเหล่าขุนนางที่กำลังถกเถียงกันไม่หยุดด้วยสายตาเฉื่อยฉา

ซูลั่วยืนอยู่ข้างตี้จิ้ง มองดูกลุ่มคนที่กำลังส่งเสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่แล้วก็อดสบถไม่ได้

พวกโง่!

ตี้จิ้งร่วมมือกับเย่จิ้นเรียบร้อยแล้ว ขุนนางพวกนี้ยังต้องพูดอะไรอีกเหรอ

พอคิดถึงตรงนี้ ก็เห็นเย่จิ้นเดินออกมาจากในหมู่ขุนนาง

เขาค้อมตัวแล้วพูดกับตี้จิ้ง

“ฝ่าบาท ข้าเห็นด้วยกับแม่ทัพหวังพ่ะย่ะค่ะ!”

แม่ทัพหวังก็เพิ่งจะโต้เถียงกับเฉาเจียงรองเสนาบดีกรมกลาโหมอยู่เมื่อครู่

พอเย่จิ้นพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งตำหนักที่โหวกเหวกวุ่นวายก็พลันเงียบลงทันใด

เฉาเจียง

ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา

ทั้งสงสัย ทั้งตกใจ

เฉาเจียงและชุยเก๋อทำหน้าแบบคาดไม่ถึงกับเรื่องนี้

ตั้งแต่สองปีก่อนที่เริ่มมีข่าวลือ เย่จิ้นก็แทบไม่แสดงความคิดเห็นอะไรในที่ประชุม

ทำให้หลายคนลืมไปแล้วว่ามีเขาอยู่

แต่เฉาเจียงกับชุยเก๋อไม่เคยมองข้ามเย่จิ้น อีกทั้งยังพยายามดึงเย่จิ้นมาเป็นพวกอยู่หลายครั้ง

แต่เย่จิ้นหัวแข็ง ไม่เคยสนใจคำโน้มน้าวของทั้งคู่เลย

ประกอบกับที่เย่จิ้นเป็นถึงอัครเสนาบดี ตระกูลเย่ก็เป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งสองก็เลยไม่กล้าผิดใจกับเขามากนัก

ปล่อยเลยตามเลยให้เย่จิ้นเป็นคนดูข้างสนามไป

แต่ตอนนี้เย่จิ้นกลับช่วยพูดให้ฮ่องเต้ ทำให้ทั้งเฉาเจียงและชุยเก๋อประหลาดใจอย่างมาก

หรือฮ่องเต้กับเย่จิ้นจะมีความเกี่ยวพันกันโดยที่พวกเขาไม่รู้?

เย่จิ้นมองทั้งสองคนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

คิดในใจว่าพวกนี้ช่างโง่เง่านัก ฮ่องเต้แท้จริงเป็นผู้หญิงหรือเปล่าก็ยังไม่แน่นอน

แต่สองคนนั้นกลับดีใจระริ้กระรี้ ท้ายที่สุดแล้วก็คงหนีไม่พ้นถูกตามคิดบัญชีแน่

ตี้จิ้งยิ้ม “หืม ท่านอัครมหาเสนาบดีมีความเห็นอย่างไรหรือ”

แสดงละครแล้วๆ !

ซูลั่วตาเป็นประกาย คิดในใจว่าหากทั้งสองคนนี้เกิดในยุคเดียวกับเขา อาจจะได้รางวัลออสการ์ก็เป็นได้

เย่จิ้นตอบแบบไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป

“ฝ่าบาท ข้าคิดว่าเรื่องภัยพิบัติสามารถมอบหมายให้ขุนนางท้องถิ่นจัดการได้ แต่เรื่องที่พวกเชียงกู่รุกรานดินแดนไม่อาจนิ่งนอนใจได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เราควรส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามพวกเชียงกู่ ให้พวกนั้นได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเหยียนพ่ะย่ะค่ะ!”

เฉาเจียงกับชุยเก๋ออ้าปากค้าง เย่จิ้นประกาศตัวอยู่ข้างฮ่องเต้แล้ว!

เสนาบดีจากกรมอื่นๆ รวมถึงแม่ทัพใหญ่อย่างเหลยเซียวต่างก็จับจ้องไปที่เย่จิ้นด้วยความงุนงง

ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงได้เลือกยืนอยู่ฝั่งฮ่องเต้

ตี้จิ้งยิ้มพร้อมพยักหน้า แล้วหันไปมองเหล่าขุนนาง “พวกท่านมีความเห็นต่างไปจากท่านอัครมหาเสนาบดีหรือไม่”

ขุนนางจำนวนมากหันหน้าไปมองเฉาเจียงและชุยเก๋อ

เฉาเจียงและชุยเก๋อมองหน้ากันแวบหนึ่ง ต่างเงียบไม่พูดอะไร

เพราะยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมเย่จิ้นถึงไปเข้าข้างฮ่องเต้ พวกเขาจึงยังไม่กล้าเสี่ยง

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าของตี้จิ้งก็ยิ่งชัดเจนขึ้น พูดด้วยเสียงสดใส

“ในเมื่อพวกท่านไม่มีความเห็นที่ต่างออกไป งั้นก็ทำตามที่ท่านอัครมหาเสนาบดีว่าก็แล้วกัน”

พูดจบตี้จิ้งก็ค่อยๆ ลุกยืนขึ้น แล้วกล่าว “ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะบอกพวกท่าน”

“ที่ผ่านมาข้าเอาแต่ยุ่งอยู่กับงานราชการ จนละเลยวังใน การมีองค์รัชทายาทยังไงก็เป็นรากฐานของประเทศ วันนี้ข้าจะร่วมห้องกับฮองเฮา”

“ขอให้สวรรค์คุ้มครองอาณาจักรเหยียน ส่งองค์รัชทายาทมาให้แก่อาณาจักรในเร็ววัน!”

“เอาละ เลิกประชุมได้!”

คำพูดของตี้จิ้งไม่ต่างอะไรกับการทิ้งระเบิดไว้กลางที่ประชุม ทุกคนต่างนิ่งงันไปชั่วขณะ

เฉาเจียงกับชุยเก๋อมองหน้ากันเลิกลั่ก บนหน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา

ที่ผ่านมาทั้งสองคนกล้าทำอะไรตามอำเภอใจก็เพราะว่าทุกคนปักใจเชื่อว่าฮ่องเต้เป็นผู้หญิง

แต่ตอนนี้ฮ่องเต้กลับประกาศออกมาว่าจะร่วมห้องกับฮองเฮา เป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ร่วมห้องก็คือร่วมห้อง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนยุคไปเป็นสปายขันทีผู้เก่งกาจ!(จบ)