ซูลั่วเดินตามขันทีหลี่มาถึงนอกตำหนักเว่ยยาง
ขันทีหลี่ยิ้มให้ซูลั่วพร้อมพูดว่า “ท่านขันทีซู รีบเข้าไปเถอะ อย่าให้ฝ่าบาทต้องรอนาน”
ซูลั่วพยักหน้า “ขอบใจมาก”
แล้วซูลั่วก็ก้าวเข้าไปในตำหนักเว่ยยาง
พอเข้าประตูมา ร่างกายของซูลั่วก็อ่อนยวบลงจนแทบล้มลงกับพื้น
อาจเป็นเพราะตอนนี้เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นสาม
เมื่อครู่ตอนที่ยืนอยู่นอกตำหนักเว่ยยาง จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องเขาอยู่ในความมืด
เป็นสายตาที่มีความอาฆาตมาดร้ายเต็มเปี่ยม
ซูลั่วคาดคะเนอยู่ในใจว่าสามคนในนั้นอย่างน้อยต้องเป็นจอมยุทธ์ราวๆ ขั้นห้า
แต่ขันทีหลี่ที่เดินมาด้วยกันกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรแม้แต่นิด
เขาก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นสามเหมือนกันนี่นา!
มีความเป็นไปได้สองอย่างคือ หนึ่ง ขันทีหลี่สัมผัสถึงสายตาที่จ้องมองมาได้ แต่เพราะเป็นพวกเดียวกันจึงไม่ต้องหวาดกลัว
สอง สัมผัสที่หกของซูลั่วนี้อาจได้รับมาจากการฝึกฝนวิชายุทธ์สวรรค์วินาศ
แต่ตอนนี้เรื่องนั้นไม่สำคัญแล้ว เขาต้องรีบนำเรื่องนี้ไปบอกตี้จิ้งโดยเร็ว
คิดได้ดังนั้น ซูลั่วก็รีบเข้าไปในตำหนักเว่ยยาง
พอเข้าไป ซูลั่วก็เห็นตี้จิ้งนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ อาศัยแสงที่เปล่งประกายจากไข่มุกมรกตอ่านสาส์นที่เหล่าขุนนางกราบทูล
ไม่รอให้เขาได้พูด ตี้จิ้งก็กล่าวขึ้นทั้งที่ก้มหน้าอยู่ว่า “มาแล้วรึ ไปอาบน้ำที่เรือนด้านหลังก่อนสิ ไม่อย่างนั้นถ้าเย่กูหลานได้กลิ่นบนตัวเจ้าที่ผิดแปลกไปจะเกิดความสงสัยเอาได้”
ซูลั่วพยักหน้า เตรียมจะเดินไปที่เรือนด้านหลัง
เดินไปได้สักพัก เขาถึงนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องจะพูดกับตี้จิ้ง
“ฝ่าบาท เรื่องอาบน้ำน่ะไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญจะกราบทูลให้ทราบ”
ตี้จิ้งวางสาส์นที่กำลังอ่านในมือลง เงยหน้ามองซูลั่ว
ซูลั่วมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง พูดด้วยเสียงเบา
“ฝ่าบาท เมื่อครู่นี้ที่ประตูทางเข้าข้าสัมผัสได้ว่ามีคนจำนวนมากกำลังลอบจับตาดูตำหนักเว่ยยาง”
ตี้จิ้งมองซูลั่วอย่างประหลาดใจ “เจ้าสัมผัสได้หรือว่ามีคนอยู่ข้างนอกนั่น เจ้าเป็นจอมยุทธ์ขั้นหกรึ”
ซูลั่วอึ้งไป
ตี้จิ้งก็รู้หรือว่าข้างนอกมีคน?
แล้วทำไมถึงได้นั่งอ่านสาส์นอย่างทองไม่รู้ร้อนอยู่แบบนี้ได้
เมื่อเห็นซูลั่วไม่ตอบ ตี้จิ้งก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
นางคิดว่าขันทีปลอมคนนี้ช่างลึกลับนัก เขารู้ทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องลับที่นางเองยังไม่อาจรู้ได้
มีฝีมือยุทธ์เก่งกาจก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ตี้จิ้งโบกมือ “พวกนั้นเป็นคนที่ขุนนางส่งมา”
“เพราะอยากรู้ว่าคืนนี้ข้าจะไปหาฮองเฮาจริงหรือเปล่า”
“ไม่ต้องไปสนใจ อยากดูก็ให้พวกเขาดูไป”
ซูลั่วพยักหน้าตอบรับ
อย่างนี้นี่เอง
ดูแล้วหลายคนคงไม่อยากยอมรับจึงอยากพิสูจน์ให้แน่ใจว่าตี้จิ้งเป็นชายหรือหญิงกันแน่
เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ ก้มตัวคำนับตี้จิ้งแล้วเดินไปเรือนด้านหลัง
ตำหนักคุนหนิง
เย่กูหลานได้ยินว่าฮ่องเต้จะมาหาตนคืนนี้ นางทั้งรู้สึกประหลาดใจและสงสัยในคราวเดียวกัน
ถ้าถามว่าในอาณาจักรเหยียนสงสัยในตัวตนของฮ่องเต้มากที่สุด จะเป็นใครไม่ได้นอกจากเย่กูหลาน
เย่กูหลานเชื่อว่าตัวเองหน้าตางดงามที่สุดในแผ่นดิน ไม่มีใครเทียบได้
แต่หลังเข้าวังมาได้สามปีกว่า ฮ่องเต้ไม่เคยแตะต้องนางเลยสักครั้ง
พอได้ยินว่าฮ่องเต้เลือกที่จะนอนกับนางคืนนี้ นางจึงคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้
หรือจริงๆ ฮ่องเต้จะไม่ใช่ผู้หญิงและที่ผ่านมาเอาแต่ง่วนอยู่กับงานมากเกินไป
แต่ยังไงข้อกังหาพวกนี้ก็ไม่สำคัญแล้ว
พ้นคืนนี้ไป ตัวตนของฮ่องเต้ก็จะถูกเปิดเผยเป็นที่กระจ่างแล้ว
เย่กูหลานส่องกระจก พยักหน้าด้วยความพอใจ
นางลุกขึ้นยืนแล้วสั่งทำความสะอาดตำหนัก ส่วนตัวเองนำนางกำนัลอีกไม่กี่คนยืนรอรับฮ่องเต้อยู่ที่ประตู
นางรู้สึกประหม่าเป็นพิเศษ
ไม่นานนัก นางก็มองเห็นชายร่างกำยำสี่คนเดินหามเกี้ยวมาทางตำหนักคุนหนิงอยู่ลิบๆ
เย่กูหลานใจเต้นระรัว
เขามาจริงๆ ด้วย!
นางเพ่งมองจึงเห็นว่าด้านหน้าของเกี้ยวมีขันทีหนุ่มคนหนึ่ง
ไม่รู้ว่าทำไม แต่เย่กูหลานรู้สึกว่าขันทีหนุ่มท่าทางดูคุ้นตา ทว่านึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
นางเงยหน้ามองเกี้ยว
ชุดคลุมมังกรสีแดง ร่างสูงโปร่ง ผมยาวปลิวสยาย มองไกลๆ รู้สึกถึงแต่ความสง่าน่าเกรงขามจนไม่กล้าเข้าใกล้
ดูสูงส่งราวกับมังกรที่ลอยอยู่บนฟ้ามองลงมายังมนุษย์โลก
ยิ่งใหญ่สมกับที่เป็นเจ้าแห่งแผ่นดินจริงๆ
น่าเสียดายที่มืดเกินไป มองหน้าของฮ่องเต้ได้ไม่ชัดนัก แต่ข่าวที่ว่าฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเหยียนรูปงามยิ่งกว่าชายใดก็เป็นที่ร่ำลือไปทั่วทุกสารทิศแล้ว
เกี้ยวมาหยุดอยู่ตรงหน้าตำหนักคุนหนิง
เย่กูหลานยิ้มพร้อมค้อมตัวลงคำนับ “หม่อมฉันขอถวายบังคมและคารวะฝ่าบาทเพคะ”
นางกำนัลด้านหลังส่งเสียงอย่างพร้อมเพรียง “ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”
ซูลั่วที่นั่งอยู่บนเกี้ยวไม่เคยพบเห็นความเอิกเกริกแบบนี้มาก่อน
เขานึกว่าตี้จิ้งแค่ส่งเขามานอนกับฮองเฮา แต่กลายเป็นว่านางให้เขาแต่งตัวเป็นฮ่องเต้ด้วย!
แต่ซูลั่วทำอะไรแบบนี้ไม่เป็น!
เขามองตี้จิ้งที่แต่งตัวเป็นขันทียืนอยู่ข้างหน้าเขาอย่างร้อนรน
แต่ตี้จิ้งเพียงแค่ยกมือขึ้นมาทำท่าปาดคอให้ซูลั่ว
ความหมายชัดเจนมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนยุคไปเป็นสปายขันทีผู้เก่งกาจ!(จบ)
ทำไมจบที่บท 10 ละครับเนี่ย -.-"...
น่าสนุก น่าสนใจมากๆค่ะ ยังไม่เคยอ่านแนวขันทีเลย รอๆอัพเดทตอนต่อไปอีกนะคะ...