ซูลั่วร่างสั่นระริกเมื่อได้ยินเสียงร้องครางนั้น ไม่เสียเที่ยวที่ได้ข้ามมิติมา
หญิงสาวคนแรกที่เขาได้หลับนอนด้วยวิเศษถึงเพียงนี้ สุดยอดไปเลย!
เขายื่นมือไปช้อนตัวเย่กูหลานขึ้นมาอุ้ม แล้วเดินตรงไปที่เตียง
“อ๊ะ ฝ่าบาทป่าเถื่อนจังเลยเพคะ…”
“แล้วเจ้าไม่ชอบหรือ”
“ไม่…หม่อมฉันชอบเหลือเกิน…”
ไม่ช้า ในห้องก็มีเสียงร้องดังออกมาเป็นจังหวะ
ตี้จิ้งเห็นทุกอย่างกับตาตัวเอง ทั้งโกรธทั้งสงสัยใคร่รู้ในคราวเดียวกัน
นางอดไม่ได้ที่จะลอบมองดูทั้งสองคน
พอได้เห็นว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น คิ้วของตี้จิ้งก็ขมวดเข้าหากันแน่น
ในใจรู้สึกขยะแขยงและเขินอายไปพร้อมกัน
หน้าไม่อายจริงๆ !
แต่ว่า…เรื่องอย่างว่านี้เป็นแบบที่เขาพูดกันจริงๆ หรือ?
จนกระทั่งม่านที่เตียงถูกปิดลง ตี้จิ้งถึงได้สติคืนกลับมา
ตี้จิ้งสงบจิตสงบใจ เบือนหน้าหนีแล้วร้องหึออกมา คิดในใจว่าเย่กูหลานไม่ใช่ผู้หญิงประเสริฐเลิศเลออย่างที่คิดจริงๆ
ตอนนี้ซูลั่วกำลังมัวเมาอยู่ในความหวานหอมยั่วยวนของเย่กูหลาน
โชคดีที่ตี้จิ้งเป็นผู้หญิง หากเป็นผู้ชายแล้วมีของดีเช่นนี้อยู่กับตัวละก็คงไม่เป็นอันทำงานบ้านงานเมืองพอดี!
อีกอย่างถ้าตี้จิ้งไม่ใช่ผู้หญิง เรื่องวิเศษแบบนี้ก็คงไม่ตกถึงมือซูลั่วหรอก!
คำกล่าวที่ว่า วังในมีหญิงงามถึงสามพันคน นี่แค่คนแรกเท่านั้น!
……
ครู่ต่อมา
ความว่างเปล่าในจิตใจของเย่กูหลานถูกเติมเต็มในที่สุด
นางมองโครงร่างแข็งแรงกำยำของซูลั่วใต้แสงจันทร์สลัว
แม้จะมองใบหน้าของฝ่าบาทได้ไม่ชัด แต่ก็รู้สึกถึงความไม่ชัดเจนที่แสนพิเศษ
ตี้จิ้งยืนรออยู่ด้วยใบหน้าแดงก่ำถึงหู
สุดท้ายก็หลับตาลงเพ่งจิตไปที่พลังภายใน
แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจสลัดภาพของซูลั่วกับเย่กูหลานออกไปจากหัวได้
นางหันกลับไปมองทั้งคู่อีกครั้ง
เสียงในห้องค่อยๆ เงียบลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนยุคไปเป็นสปายขันทีผู้เก่งกาจ!(จบ)
ทำไมจบที่บท 10 ละครับเนี่ย -.-"...
น่าสนุก น่าสนใจมากๆค่ะ ยังไม่เคยอ่านแนวขันทีเลย รอๆอัพเดทตอนต่อไปอีกนะคะ...