เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 102

เฉิงสวี่เดินทางไปเมืองหังโจว เฉิงลู่ก็เดินทางไปสำนักศึกษาเย่ว์ลู่แล้วเช่นกัน โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสขึ้นอยู่หลายส่วน

นางฮัมเพลงที่ไม่รู้จักชื่อเป็นพักๆ พลางเร่งทำชุดให้กับบิดาและหลี่ซื่อผู้เป็นมารดาเลี้ยงไปด้วย

ชุนหว่านวิ่งพรวดเข้ามา “คุณหนูรองเจ้าคะคุณหนูรอง มีคนจากนายท่านมาแจ้งว่านายท่านกับฮูหยินจะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้านี้เจ้าค่ะ”

“จริงหรือ!” โจวเสาจิ่นปีติยินดียิ่ง วางเข็มและด้ายในมือลง เอ่ยถามว่า “ผู้ที่มาเป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วท่านพี่ทราบเรื่องหรือยัง”

“ผู้ที่มาเป็นบริวารข้างกายผู้หนึ่งของนายท่าน ชื่อหลี่ฉางกุ้ยอะไรทำนองนี้เจ้าค่ะ นายท่านใหญ่กำลังซักถามเขาอยู่ในห้องหนังสือ! นายท่านใหญ่ให้คนไปแจ้งนายหญิงผู้เฒ่าแล้ว กล่าวว่าประเดี๋ยวจะไปคารวะนายหญิงผู้เฒ่า ส่วนทางด้านฮูหยินใหญ่ก็ส่งคนไปรายงานแล้ว เช่นนั้นคุณหนูใหญ่ก็น่าจะทราบเรื่องแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ”

“ไปกันเถอะ” โจวเสาจิ่นรีบจัดปกเสื้อให้เรียบร้อย พลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราก็ไปดูด้วยสักหน่อย”

ชุนหว่านขานรับ “อ่า” เสียงหนึ่ง แล้วติดสอยห้อยตามโจวเสาจิ่นไปที่เรือนเจียซู่

โจวชูจิ่นกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยนยังมาไม่ถึง ส่วนฮูหยินผู้เฒ่ากวนกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ พอเห็นโจวเสาจิ่นก็ยิ้มพลางกล่าวขึ้นว่า “เจ้ามาพอดีเลย ข้ากำลังคิดจะส่งคนไปตามเจ้าอยู่พอดี บิดาของเจ้าจะมาถึงเมืองจินหลิงในอีกสองวัน ส่วนรายละเอียดเรื่องกำหนดการจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น รอท่านลุงใหญ่ของเจ้ามาถึงก็คงจะได้ทราบกัน”

โจวเสาจิ่นยิ้มพลางตอบรับ แล้วก้าวออกไปช่วยสาวใช้เปลี่ยนชุดให้ท่านยาย

ไม่นาน ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกับโจวชูจิ่นก็มาถึง

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้เอ่ยปากกล่าว ก็กล่าวขึ้นด้วยความปลาบปลื้มอย่างห้ามไม่อยู่ว่า “ได้ยินว่าอีกสองวันท่านบุตรเขยก็จะกลับมาถึงแล้วหรือเจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนสั่งให้สาวใช้ยกน้ำชาและของว่างมาขึ้นโต๊ะ ยิ้มพลางกล่าวว่า “รอให้นายท่านใหญ่มาถึงก็จะได้ทราบกัน”

ระหว่างที่กล่าวอยู่นั้นก็มีเด็กรับใช้เข้ามาแจ้งว่า “นายท่านใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ”

ทุกคนรีบไปที่ห้องรับแขก

หลี่ฉางกุ้ยคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวนอยู่ที่หน้าประตูลานสามครั้ง ถือเป็นการมาคารวะทำความเคารพ

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนให้คนนำเงินรางวัลจำนวนห้าเหลี่ยงเงินมอบให้หลี่ฉางกุ้ย จากนั้นพ่อบ้านใหญ่ของจวนสี่ส่งหลี่ฉางกุ้ยออกไป

คนในห้องรับแขกถึงได้นั่งลง

เฉิงเหมี่ยนยิ้มพลางกล่าว “น้องเขยกล่าวว่า พวกเขาจะเข้ามาถึงเมืองในช่วงเช้าของวันที่สอง หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจะมาคารวะท่าน คาดว่าจะอยู่ทานมื้อเที่ยงกับพวกเราที่นี่ จากนั้นตอนบ่ายเขาจะรับชูจิ่นสองพี่น้องกลับไปด้วย เช้าวันถัดไปจะไปกราบไหว้บรรพชน วันที่เจ็ดก็จะออกเดินทางไปยังเป่าติ้งเลยขอรับ”

ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนถามขึ้นว่า “ไม่อยู่ฉลองเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ที่บ้านก่อนหรอกหรือ ไม่ใช่กล่าวว่าไปเข้ารับตำแหน่งช่วงปลายเดือนแปดก็ได้หรอกหรือ”

“ดูเหมือนว่าที่เป่าติ้งจะเกิดเรื่องขึ้นขอรับ” เฉิงเหมี่ยนยิ้มพลางกล่าว “ส่วนรายละเอียดนั้น หลี่ฉางกุ้ยเองก็ไม่ได้บอกกล่าวแน่ชัดนัก ข้าคิดว่าอีกสองวันน้องเขยก็จะกลับมาแล้ว จึงไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรมากขอรับ”

ทุกคนต่างรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนจึงกล่าวว่า “จะดีจะร้ายอย่างไรก็ได้กลับมาพบหน้ากันครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ข้ายังเป็นกังวลว่าจะไม่ได้กลับมาเลย ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ร่วมฉลองเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ก็ไม่เป็นไร คราวหน้าก็ยังมีโอกาสอีก” ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งเฉิงเหมี่ยนกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยนว่า “มื้อเที่ยงในวันที่สองนี้ พวกเจ้าจงจัดเตรียมเอาไว้ให้ดี” แล้วกล่าวอีกว่า “ได้สอบถามหลี่ฉางกุ้ยหรือไม่ว่า บุตรเขยต้องการมาทานข้าวด้วยกันอย่างเรียบง่ายเพียงสักมื้อหนึ่ง หรือว่าต้องการมาเยี่ยมตระกูลเฉิงด้วย หากว่าเพียงแค่มาทานข้าวด้วยกันอย่างเรียบง่ายมื้อหนึ่งเท่านั้น เช่นนั้นทางด้านของจวนหลัก จวนรอง จวนสามและจวนห้า คาดว่าบุตรเขยคงจะตระเตรียมของฝากเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พวกเราเพียงล่วงหน้าไปแจ้งให้ทราบเอาไว้ก่อนก็พอ แต่ถ้าหากต้องการมาเยี่ยมตระกูลเฉิงด้วย เกรงว่าจะต้องเชิญนายท่านทั้งหลายของจวนต่างๆ มาร่วมต้อนรับด้วย”

เฉิงเหมี่ยนยิ้มพลางกล่าว “สอบถามแล้วขอรับ หลี่ฉางกุ้ยกล่าวว่า ความตั้งใจของน้องเขยคือ เนื่องจากไม่ได้เจอชูจิ่นสองพี่น้องมานานแล้ว ท่านช่วยเลี้ยงดูฟูมฟักพวกนางสองพี่น้องแทนเขามาหลายปี มีพระคุณใหญ่หลวงดั่งภูผา ดังนั้นเหตุผลที่เขามาก็เพื่อมาโขกศีรษะให้ท่านเป็นหลัก รอให้ทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว เขาค่อยไปเยี่ยมเยียนท่านผู้นำตระกูลและบรรดานายท่านทั้งหลายก็ยังไม่สาย”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จัดเตรียมมื้อเย็นเอาไว้ด้วยเถอะ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนพึมพำกล่าว “ให้พวกเขาทานมื้อเย็นเสร็จแล้วค่อยกลับไป”

เฉิงเหมี่ยนยิ้มพลางรับคำ

โจวเสาจิ่นกับพี่สาวจับมือกันไว้และยิ้มออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนจึงกล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “เจ้าเด็กโง่สองคนนี้ ยังไม่รีบไปเก็บข้าวเก็บของอีก จะรอให้บิดาของเจ้ามาถึงแล้วค่อยจัดเก็บ**บสัมภาระหรืออย่างไร” ขณะที่กล่าว ขอบตาก็รื้นไปด้วยหยาดน้ำตาระยิบระยับ

ยามความสุขมาเยือนหัวสมองก็ทำงานได้อย่างปราดเปรื่อง อยู่ๆ โจวเสาจิ่นก็ฉลาดเฉลียวขึ้นมาในทันใด กล่าวยิ้มๆ ว่า “อย่างไรเสียพวกเราก็อยู่ที่บ้านเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ประเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว จึงไม่ต้องจัดเก็บข้าวของมากมายขนาดนั้น อีกสองวันค่อยมาจัดเก็บก็ได้ มีอะไรให้ต้องรีบร้อนกันเจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนชอบฟังถ้อยคำนี้ยิ่งนัก โอบกอดโจวเสาจิ่นเอาไว้ในอ้อมอกแล้วเอ่ยคำว่า “ทูนหัว” ออกมาเสียงหนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “ไม่แปลกใจที่ผู้คนจะกล่าวกันว่าบุตรสาวคือความอบอุ่นใจประดุจเสื้อกันหนาวเหมียนเอ่าของมารดา ข้านี้แม้จะแก่ชราแล้ว ก็ยังมีเสื้อกันหนาวเหมียนเอ่าอยู่อีกตั้งสองตัว”

ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมา

แต่เมื่อกลับมาถึงเรือนหว่านเซียงแล้ว โจวเสาจิ่นและโจวชูจิ่นต่างก็เริ่มจัดเก็บกระเป๋าเดินทางกันอย่างทนรอไม่ไหว

สบู่หอมสกัดที่ตนทำขึ้นเอง ชาดจากร้านอวี๋จี้กับแป้งทาหน้าของร้านเซี่ยฟู่เซียง…ไม่ว่าอะไรก็อยากจะขนเอาไปด้วยทุกอย่าง แล้วก็คิดได้ว่าไม่จำเป็นต้องขนเอาทุกอย่างกลับไปด้วยก็ได้ ถึงตอนนี้โจวเสาจิ่นถึงได้สังเกตพบว่าตนได้ทิ้งร่องรอยต่างๆ มากมายไว้ภายในห้องเล็กๆ นี้จนนับไม่ถ้วน

ไม่แปลกใจเลยที่ในชาติก่อนหลินซื่อเซิ่งจะว่านางว่า ทุกๆ ครั้งที่นางหวนรำลึกถึงอดีต ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิงทั้งสิ้น วันเวลาที่อาศัยอยู่ในตระกูลเฉิงเหล่านั้น เป็นช่วงเวลาที่นางมีความสุขมากที่สุด

โจวเสาจิ่นลูบไล้ตลับแป้งหอมเคลือบเงาของร้านเซี่ยฟู่เซียง สักพักใหญ่ถึงได้ให้บ่าวรับใช้นำ**บที่นางเก็บงานเย็บปักเอาไว้ออกมาเปิด

นางหยิบเสื้อผ้าสำหรับเด็กออกมาจากข้างในนั้นสองสามชุด ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเสื้อผ้า ถุงเท้ารองเท้า ผ้าอ้อมเด็กทารก และผ้าคลุมที่ทำจากผ้าแพรและผ้าไหมชั้นดี…แต่ละชิ้นล้วนปักเอาไว้ด้วยลายเมฆ หรือไม่ก็ลายดอกเซวียนเฉ่า หรือไม่ก็ลายเด็กน้อยวิ่งเล่น ล้วนวิจิตรงดงามเป็นอย่างยิ่ง

ในความทรงจำของนาง โจวโย่วจิ่นผู้เป็นน้องสาวจะเกิดในช่วงสิ้นปีนี้

ในเวลานี้ หลี่ซื่อน่าจะตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว

บิดาผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งถึงเดือนสามถึงได้เขียนจดหมายกลับมาแจ้งให้ทราบอย่างเฉยชาเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น

นางกับพี่สาวต่างไม่มีวาสนาได้เจอกับน้องสาวผู้นี้

ครั้งนี้ นางหวังว่าจะสามารถรักษาชีวิตของน้องสาวผู้นี้เอาไว้ได้

บางทีบิดาอาจจะไม่ได้ยอมรับหลานทิงง่ายดายขนาดนั้น หลี่ซื่อเองก็อาจจะไม่ต้องใช้วิธีการที่โกรธเกรี้ยวมากขนาดนั้น จนไปกระตุ้นให้บิดาบังเกิดความรังเกียจ สุดท้ายก็ทะเลาะกับหลี่ซื่อจนกลายเป็นความบาดหมางไปในที่สุด

ซือเซียงเห็นนางหยิบเสื้อผ้าสำหรับเด็กมายืนดูอยู่ข้างๆ **บก็เอ่ยถามด้วยความฉงนว่า “เสื้อผ้าเหล่านี้ไม่ใช่ว่าเย็บให้กูไหน่ไนคนรองของจวนหลักหรือเจ้าคะ อยากจะส่งไปให้ตอนนี้เลยหรือเจ้าคะ”

โจวเสาจิ่นยิ้มกล่าวว่า “นางขอให้ปักผ้าคลุมสำหรับทารกให้พี่สาวเซียวเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ส่วนพวกนี้ข้าจะใช้เพื่อการอื่น”

ตอนที่ 102 บิดา 1

ตอนที่ 102 บิดา 2

ตอนที่ 102 บิดา 3

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน