เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 103

ภาพจำของบิดาที่โจวเสาจิ่นมีอยู่นั้น ยังคงหยุดค้างเอาไว้เมื่อครั้งที่นางเห็นหน้าบิดาเป็นครั้งสุดท้าย

ในตอนนั้น บิดาเลิกสนใจเกี่ยวกับนางไปแล้ว แต่ทว่าทุกครั้งเมื่อถึงช่วงตรวจสอบใหญ่ประจำปีของของราชสำนัก นางมักจะสนใจอ่านราชกิจจานุเบกษาของราชสำนักเป็นพิเศษ มีอยู่ปีหนึ่ง นางได้ยินข่าวคราวว่าบิดาจะเข้ามารายงานผลการดำเนินงานที่เมืองหลวง นางรออยู่ที่ถงโจวถึงสี่วัน ถึงได้พบบิดา นางซ่อนตัวอยู่ในรถม้า มองดูบิดาที่ถูกบริวารล้อมหน้าล้อมหลังขึ้นรถม้าไป บิดาผู้เพิ่งจะเข้าสู่วัยสี่สิบปี ไว้หนวดเครา ร่างกายผ่ายผอม สีหน้าเหนื่อยล้า ตรงระหว่างคิ้วแต้มเอาไว้ด้วยความทุกข์ระทมหลายส่วน แม้จะอยู่ท่ามกลางมวลชน ทว่ากลับดูโดดเดี่ยวและเหงาหงอยยิ่งนัก

นางเพิ่งจะทราบเรื่องกำจัดมารดาเก็บบุตรเอาไว้ของหลี่ซื่อผู้เป็นมารดาเลี้ยง ทราบเรื่องบาดหมางของบิดากับหลี่ซื่อ และทราบว่าน้องชายต่างมารดาผู้นั้นมีชื่อว่าโจวจยาจิ่น…

แต่พอได้พบหน้ากันอีกครั้งในวันนี้ บิดากลับกลายเป็นผู้ที่มีกิริยาของบัณฑิตผู้ทรงความรู้ ดูเยาว์วัยเสมือนกับว่าแก่กว่าเฉิงสือไปเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

ความแตกต่างนี้ช่างมากมายนัก!

โจวเสาจิ่นรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่

ทว่าชายผู้นั้นกลับมองมาที่นางกับโจวชูจิ่น

“ชูจิ่น เสาจิ่น” เขาตะโกนเรียกชื่อของพวกนางสองพี่น้อง รอยยิ้มเอ่อล้นออกมาจากนัยน์ตาของเขาอย่างห้ามไม่อยู่

เป็นท่านพ่อ!

มีเพียงบิดาเท่านั้นที่พอเห็นพวกนางก็จะยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเช่นนั้นได้

แต่โจวเสาจิ่น…ยังคงรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง

น้ำตาของโจวชูจิ่นพลันไหลพรั่งพรูออกมา

นางสะอึกสะอื้นกล่าวออกไปว่า “ท่านพ่อ”

โจวเสาจิ่นรู้สึกลังเลใจอย่างช่วยไม่ได้

ตนควรจะกล่าวอะไรออกมาด้วยหรือไม่

ใครจะรู้ว่าขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น โจวเจิ้นก้าวออกมาข้างหน้าสองสามก้าว เลิกชุดขึ้นแล้วหันไปคุกเข่าให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวน

“นี่เจ้าทำอะไร” เฉิงเหมี่ยนรีบก้าวออกไปดึงโจวเจิ้นเอาไว้ “รีบลุกขึ้นมาๆ!”

โจวเจิ้งคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้นมา กล่าวว่า “ชูจิ่นกับเสาจิ่นมีวันนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะได้รับการดูแลอย่างทุ่มเทของท่านแม่ยาย พี่เขย และพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่อาจตอบแทนบุญคุณได้ทั้งหมด จึงขอโขกศีรษะให้ท่านแม่ยายสักสองสามครั้งแทนขอรับ!”

“อย่าเลยๆ” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนได้ยินแล้ว ก็รีบเอียงกายหลบหลีก พลางกล่าว “หัวเข่าของบุตรชายมีค่าดั่งทองคำ ความตั้งใจดีของเจ้าข้ารับเอาไว้แล้ว เจ้ายังไม่รีบพยุงบุตรเขยขึ้นมาอีก!” ประโยคสุดท้ายกลับเป็นการหันไปกล่าวกับเฉิงเหมี่ยน

โจวเจิ้นยืนกรานจะโขกศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวน “หัวเข่าของบุตรชายมีค่าดั่งทองคำ ทว่าก็ยังต้องคุกเข่าให้ฟ้าดิน คุกเข่าให้บุพการีและครูบาอาจารย์ด้วยเช่นกัน สำหรับข้าแล้ว ท่านแม่ยายก็เปรียบเสมือนกับบิดามารดาผู้ให้กำเนิดอีกผู้หนึ่งของข้า” กล่าวเสร็จ โดยไม่สนใจฝุ่นต่างๆ บนพื้นดิน ก้มลงโขกศีรษะตึงๆๆ สามครั้งให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวนอยู่บนทางเดินที่ปูไว้ด้วยหินสีคราม

“ไอ้โหยวๆ!” ขอบตาของฮูหยินผู้เฒ่ากวนแดงก่ำไปหมด

ฮูหยินผู้เฒ่าลำบากตรากตรำมาช่วงเวลาหนึ่ง แม้นจะไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แต่เมื่อได้รับการแสดงความกตัญญูอย่างจริงใจ มีใครบ้างไม่รู้สึกปลาบปลื้มยินดี!

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนก้าวออกมาประคองโจวเจิ้นให้ลุกขึ้นด้วยตนเอง เมื่อเห็นหน้าผากของเขาเป็นรอยแดง ยังเปื้อนไปด้วยฝุ่น ปลอกเข่าสีขาวดั่งหิมะก็เปรอะเปื้อนไปด้วย จึงสั่งการฮูหยินใหญ่เหมี่ยนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ยังไม่รีบให้สาวใช้ไปตักน้ำมาให้บุตรเขยเปลี่ยนชุดอีก”

ท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนของโจวเจิ้น ทำให้ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนค่อยๆ ทวีความรู้สึกดีที่มีต่อเขามากขึ้น ยังไม่ทันที่เสียงของฮูหยินผู้เฒ่ากวนจะได้สั่งการลงมา นางก็สั่งสาวใช้ไปตักน้ำมาแล้ว ยังกำชับกับสาวใช้ผู้นั้นอย่างละเอียดด้วยว่า “หยิบปลอกเข่าอันใหม่ที่เพิ่งตัดเย็บให้นายท่านเมื่อหลายวันก่อนคู่นั้นมาด้วย”

สาวใช้ยิ้มพลางรับคำแล้วออกไป

โจวเจิ้นเอี้ยวตัวกลับไป หันไปกวักมือไปทางด้านนอกประตู

สตรีสาวสะพรั่งผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับป้ารับใช้หนึ่งคน

นางมีรูปร่างสูงโปร่ง ดูแล้วเตี้ยกว่าโจวเจิ้นไปเพียงไม่กี่ส่วนเท่านั้น เสื้อคอตั้งผ้าไหมหูโจวสีขาวคลุมทับชั้นนอกเอาไว้ด้วยเสื้อกั๊กปี๋เจี่ยผ้าฝ้ายทอสีแดงขับเงินไร้ลวดลายตัวหนึ่ง สวมเครื่องประดับไข่มุกจากทางใต้ หน้าตางดงาม ท่วงท่าสุภาพอ่อนโยน

ป้ารับใช้ผู้นั้นดูแล้วน่าจะมีอายุประมาณสี่สิบกว่าปี รูปร่างค่อนข้างอวบอ้วน ใบหน้าแต้มรอยยิ้ม สวมชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมดิบสีม่วงอ่อนของดอกติงเซียงตัวหนึ่ง สวมเครื่องประดับทอง ดูเป็นมิตร สะอาดและเรียบร้อยยิ่งนัก

โจวเจิ้นชี้ไปยังสตรีผู้นั้นพลางกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากวนว่า “นี่คือหลี่ซื่อภรรยาของข้าขอรับ”

ป้าผู้เป็นบ่าวคนนั้นจึงประคองหลี่ซื่อเพื่อโขกศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวน

แค่มองฮูหยินผู้เฒ่ากวนก็ดูออกแล้วว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ จึงก้าวออกมาประคองหลี่ซื่อเอาไว้โดยทันที กล่าวกับโจวเจิ้นอย่างขุ่นเคืองว่า “ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน จะพูดจาเกรงใจให้มากพิธีไปเพื่ออะไร เจ้ามีบุตรชายสืบสกุลยากยิ่ง ทุกครั้งที่ข้านึกถึงก็รู้สึกปวดใจนัก ข้าดูท่าทางของฮูหยินแล้ว น่าจะเพิ่งตั้งครรภ์ได้สามถึงสี่เดือนเท่านั้น เจ้าพาฮูหยินกลับมาอย่างเร่งรีบเช่นนี้ได้อย่างไร” จากนั้นก็กล่าวกับหลี่ซื่อว่า “ไม่ต้องมากพิธีขนาดนี้หรอก! เดินทางมาไกล คงจะเหนื่อยแล้วกระมัง เจ้ารีบตามข้ากลับไปพักผ่อนในเรือนเถิด หากจะหวังให้บุรุษเหล่านี้เห็นใจเจ้าล่ะก็ เจ้าคงได้แต่อดทนไปโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น”

แววตาของฮูหยินผู้เฒ่าเปี่ยมไปด้วยความเมตตา น้ำเสียงจริงใจและเอื้ออาทร ทำให้จิตใจของหลี่ซื่อที่แขวนอยู่อย่างเป็นกังวลนั้นพลันวางลงได้อย่างสงบในชั่วพริบตา

นางยิ้มพลางกล่าว “นายท่านของพวกเรามักจะรำลึกถึงพระคุณของท่านกับท่านพี่สะใภ้ใหญ่อยู่เสมอ ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องคารวะท่านสักครั้ง จิตใจของข้าถึงจะสงบลงได้เจ้าค่ะ”

เมื่ออายุล่วงเลยมาถึงวัยเท่าฮูหยินผู้เฒ่ากวนนี้แล้ว ต่างก็ชอบเปลี่ยนเรื่องยุ่งยากให้เป็นเรื่องง่าย นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็เพียงคำนับข้าสักครั้งหนึ่งก็พอ เจ้าจะได้ไม่ต้องรู้สึกไม่สบายใจ”

หลี่ซื่อจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากอย่างอดไม่ได้

นางรู้ดีว่าสามีให้ความเคารพนับถือคนจากตระกูลของภรรยาคนแรกยิ่งนัก และยิ่งเคารพท่านแม่ยายผู้ที่ช่วยให้การเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนบุตรสาวทั้งสองคนแทนเขาเป็นอย่างมาก หากสามารถผูกมิตรกับคนจากตระกูลของภรรยาคนแรกได้ สามีก็อาจจะให้ความสำคัญกับนางมากยิ่งขึ้นไปด้วย

หลี่ซื่อจึงคำนับฮูหยินผู้เฒ่ากวนอย่างตั้งอกตั้งใจ

เมื่อถึงคราวของฮูหยินใหญ่เหมี่ยน ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องคำนับข้าหรอก รอให้เจ้าคลอดคุณชายน้อยในท้องแล้ว ตอนที่พาคุณชายน้อยกลับมากราบไหว้บรรพชน ค่อยมาคารวะพวกข้าอีกครั้งก็ยังไม่สาย ครั้งนี้ ข้าจะบันทึกลงบัญชีเอาไว้ก่อน”

หลี่ซื่ออิ่มเอมไปด้วยความสุขความยินดี รู้สึกดีกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยนยิ่งนัก

ตอนที่ 103 พบหน้ากันอีกครั้ง 1

ตอนที่ 103 พบหน้ากันอีกครั้ง 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน