ในช่วงปลายฤดูร้อนต้นฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้ ดอกบัวที่เรือนหานชิวได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เบ่งบานไปแล้ว แต่ต้นกุ้ยฮวาสีเขียวเข้มมันวาวนั้นมีดอกสีเหลืองแรกแย้มมันวาวขึ้นแซมอยู่ตามใบไม้ ทำให้คนรู้สึกได้ถึงฤดูกาลที่เปลี่ยนผ่าน และความรู้สึกของการเบ่งบานอย่างเฟื่องฟูและเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่ยอมแพ้
หลี่ซื่อกล่าวชื่นชมไม่หยุด
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าอยู่อีกสักหลายๆ วันดีหรือไม่ รออีกสักสองสามวัน ดอกกุ้ยฮวาเหล่านี้ก็จะบานสะพรั่ง จะกล่าวว่ากลิ่นหอมไกลไปถึงสิบหลี่ก็ไม่ถือว่าเกินจริงนัก”
หลี่ซื่อกล่าวอย่างเสียดายว่า “ข้าก็อยากให้เป็นเช่นนั้น ทว่าเจ้าเมืองเป่าติ้งเกิดคดีทุจริต และได้ถูกส่งตัวไปที่เมืองหลวงแล้ว ตอนนี้เรื่องต่างๆ ของเมืองเป่าติ้งไม่ว่าใหญ่หรือเล็กล้วนอาศัยท่านรองเจ้าเมืองเป็นผู้จัดการดูแล…” กล่าวถึงตรงนี้ สายตาของนางมอบไปรอบๆ เล็กน้อย เห็นว่าบรรดาสาวรับใช้และป้าแม่บ้านที่ให้การรับใช้ต่างติดตามอยู่ห่างๆ มีเพียงโจวเสาจิ่นสองพี่น้องเท่านั้นที่อยู่ข้างๆ พวกนาง นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นลดเสียงลงและกล่าวขึ้นว่า “กล่าวกันว่าเรื่องราวเหล่านี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายหลายพระองค์ ราชสำนักจะส่งทูตพิเศษเข้าไปในไม่ช้านี้ พระประสงค์ขององค์ฮ่องเต้ก็คือ ที่เมืองเป่าติ้งยังคงมีคนที่สมรู้ร่วมคิดกับท่านเจ้าเมืองคนก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่ จึงให้นายท่านเร่งไปให้ไวขึ้นสักหน่อย จะได้ประสานงานกับทูตพิเศษเพื่อควบคุมสถานการณ์และเก็บกวาดเรื่องนี้ให้เรียบร้อย นายท่านของพวกข้าเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกันเจ้าค่ะ”
เรื่องที่เกี่ยวพันกันนี้อยู่ในระดับที่สูงเกินไป ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนเองก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรดี
คนทั้งกลุ่มเดินมาถึงเรือนรับรองแขก
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนยิ้มพลางกล่าว “เจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่เถิด รอให้นายท่านเสร็จธุระแล้ว ข้าค่อยมาเรียกเจ้า” กล่าวจบ สายตาของนางก็ตกไปอยู่ที่ร่างของโจวชูจิ่นและโจวเสาจิ่น ชั่วขณะหนึ่งก็เกิดความลังเลขึ้นมา
ตามหลักแล้ว หลี่ซื่อได้ชื่อว่าเป็นมารดาของโจวชูจิ่นและโจวเสาจิ่น พวกนางสองพี่น้องจึงควรจะคอยให้การรับใช้หลี่ซื่ออยู่ที่นี่ถึงจะถูก แต่หลี่ซื่อเป็นภรรยาใหม่ ทั้งยังมาจากตระกูลพ่อค้า และอายุน้อยขนาดนี้ ซึ่งอายุมากกว่าโจวชูจิ่นไปไม่กี่ปีเท่านั้น นางเลื้ยงดูโจวชูจิ่นและโจวเสาจิ่นให้เติบโตมาอย่างทะนุถนอมอยู่ในอุ้งมือ จึงทนไม่ได้จริงๆ ที่จะให้โจวชูจิ่นที่สง่างามและโจวเสาจิ่นที่น่ารักอ่อนหวานต้องทำตัวเป็นผู้น้อยต่อหน้าหลี่ซื่อ
โชคดีที่หลี่ซื่อเองก็เป็นคนฉลาดผู้หนึ่ง รีบกล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองก็ไปพักผ่อนด้วยเช่นกันเถิด ข้ามีหลี่มามาคอยรับใช้อยู่ที่นี่ด้วยก็พอแล้ว” นางถามฮูหยินใหญ่เหมี่ยนว่า “อีกประเดี๋ยวคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองจะไปเยี่ยมเยียนนายหญิงผู้เฒ่า ฮูหยินและฮูหยินน้อยด้วยหรือไม่เจ้าคะ”
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนไม่คิดจะให้โจวชูจิ่นกับโจวเสาจิ่นตามไปรับใช้หลี่ซื่อด้วย แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากวนเคยกล่าวเอาไว้ว่า นี่เป็นเรื่องของมารยาท ไม่อาจเสียมารยาทจนเป็นช่องโหว่ให้ผู้อื่นมาตำหนิพวกนางสองพี่น้องได้ นางจำต้องกล่าวออกไปว่า “ย่อมต้องไปด้วยอยู่แล้ว จะได้ช่วยแนะนำเจ้าให้รู้จักผู้คนด้วยไปในตัว”
หลี่ซื่อยิ้มพลางกล่าว “ข้าคิดว่าข้าไปเองก็ได้เจ้าค่ะ ช่วงกลางวันก็อยู่เป็นเพื่อนข้ามาโดยตลอดแล้ว ตอนเย็นยังมีเรื่องงานเลี้ยงให้ต้องจัดเตรียมอีก ทางด้านของฮูหยินใหญ่ทางนี้น่าจะต้องการคนอยู่ช่วยเตรียมงาน!”
ความมีไหวพริบและรู้ความของนางทำให้รอยยิ้มของฮูหยินใหญ่เหมี่ยนเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น “เช่นนั้นข้าก็จะรั้งพวกนางสองพี่น้องเอาไว้ที่นี่เลยก็แล้วกัน!”
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วกลับมีความคิดอื่นขึ้นมา กล่าวยิ้มๆ ว่า “แต่ก็ไม่อาจให้มารดาไปเพียงผู้เดียวได้ ข้าเห็นว่าให้พี่สาวรั้งอยู่ที่นี่ ส่วนข้าไปคารวะเยี่ยมเยียนแต่ละจวนเป็นเพื่อนมารดาก็แล้วกันเจ้าค่ะ”
เช่นนี้โจวเจิ้นจะคิดว่าจวนสี่ลำเอียงหรือไม่
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนยังคงลังเลใจเล็กน้อย
หลี่ซื่อยิ้มพลางกล่าว “เช่นนั้นก็ได้ รบกวนคุณหนูรองไปคารวะเยี่ยมเยียนแต่ละจวนเป็นเพื่อนข้าด้วยก็แล้วกัน”
โจวเสาจิ่นเห็นท่าทีไม่ยินยอมของท่านป้าใหญ่ จึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าอายุน้อยที่สุด หากไม่ให้ข้าช่วยวิ่งไปทำธุระให้แล้วจะให้ผู้ใดทำเจ้าคะ ให้พี่สาวรั้งอยู่ที่บ้านดีแล้วเจ้าค่ะ ส่วนข้าจะติดตามท่านป้าใหญ่กับมารดาไปคารวะเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสของแต่ละจวน” ยังกล่าวอีกว่า “ข้าอยากกินรากบัวปั้นทอด ท่านพี่อย่าลืมให้ห้องครัวทำให้ข้าสักจานนะเจ้าคะ”
เป็นท่าทางของเด็กที่อยากติดตามออกไปเที่ยวเล่นกับผู้ใหญ่ด้วย
ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมา
โจวชูจิ่นรับปาก “เจ้าวางใจ ต่อให้ลืมอะไรก็จะไม่มีทางลืมรากบัวปั้นทอดของเจ้าเป็นอันขาด”
ทุกคนสนทนากันอีกครู่หนึ่ง จากนั้นโจวชูจิ่นติดตามฮูหยินใหญ่ขึ้นไปบนเรือน ส่วนโจวเสาจิ่นพักผ่อนอยู่ข้างๆ ห้องที่อยู่ถัดจากห้องของหลี่ซื่อ
หลี่มามานำของทานเล่นมาให้อย่างกระตือรือร้น “นี่คือขนมพุทราป่าแห่งฉีอวิ๋น เป็นของทานเล่นขึ้นชื่อของเจียงซี ฮูหยินเอาไว้ทานเล่นระหว่างเดินทาง รสชาติดียิ่ง ฮูหยินตั้งใจให้บ่าวนำให้คุณหนูรองลองชิมดูเจ้าค่ะ หากว่าชื่นชอบ ฮูหยินจะให้ทางบ้านนำมามอบให้ท่านอีก คุณหนูรองสามารถนำไปแบ่งให้กับฮูหยินและคุณหนูของแต่ละจวนได้ด้วยเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อเป็นชาวเมืองหนานชาง
โจวเสาจิ่นยิ้มพลางกล่าวขอบคุณ รู้สึกว่าหลี่มามาผู้นี้ปฏิบัติกับนางค่อนข้างจะกระตือรือร้นมากเกินไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ หลังจากที่ส่งหลี่มามาออกไปแล้ว ก็นอนกลางวันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ติดตามหลี่ซื่อกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยนไปรวมตัวกับโจวเจิ้นและเฉิงเหมี่ยน
โจวเจิ้นเห็นโจวเสาจิ่นแล้วก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลี่ซื่อกลัวว่าโจวเจิ้นจะเข้าใจผิด จึงรีบกล่าวขึ้นว่า “คุณหนูใหญ่เรียนการปกครองเรือนจากฮูหยินใหญ่ จนตอนนี้สามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตนเองแล้ว อีกสักครู่ฮูหยินใหญ่ต้องไปเป็นเพื่อนข้า ดังนั้นก็เลยขอให้คุณหนูใหญ่รั้งอยู่เป็นแม่งานจัดเตรียมงานเลี้ยงสำหรับเย็นนี้เจ้าค่ะ”
โจวเจิ้นผ่อนคลายลง พยักหน้าอย่างยินดี แล้วถามโจวเสาจิ่นว่า “ประเดี๋ยวเจ้าคิดจะไปเที่ยวเล่นที่ใดหรือ”
ดูเหมือนว่าการที่นางติดตามหลี่ซื่อมานี้เป็นเพราะคิดอยากจะไปเที่ยวเล่นอย่างไรอย่างนั้น
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านพ่อ คำพูดนี้ช่างน่าประหลาดนัก ข้าย่อมต้องติดตามท่านป้าใหญ่กับมารดาอยู่แล้วเจ้าค่ะ!”
โจวเจิ้นถึงได้ค้นพบว่าตนพูดบางอย่างผิดไป เขาหัวเราะร่า แล้วก็เดินนำไปที่จวนหลักก่อน
นายท่านใหญ่และนายท่านรองของจวนหลัก หรือแม้แต่เฉิงสวี่ก็ไม่อยู่บ้าน ดังนั้นจึงเป็นเฉิงฉือที่ออกมาต้อนรับโจวเจิ้น
สถานการณ์การพบหน้าของทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างนั้นโจวเสาจิ่นไม่ทราบเลย เนื่องจากนางติดตามฮูหยินใหญ่เหมี่ยนและมารดาเลี้ยงเข้าไปหาหยวนซื่อเสียก่อน
หยวนซื่อกล่าวชื่นชมนางไปครู่หนึ่ง จากนั้นพาพวกนางไปที่เรือนหานปี้ซาน
พอเดินเข้ามาภายในลาน เสี่ยวถานที่กำลังเล่นเตะลูกขนไก่อยู่กับบ่าวเด็กอีกหลายคนก็ผละออกจากคนอื่นๆ และวิ่งเข้ามาหา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน