เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 107

ห้องหนังสือของโจวเจิ้นไม่ใหญ่มากนัก เป็นห้องโล่งที่กั้นเป็นสองห้องด้วยฉากกั้นลวดลายรอยน้ำแข็งร้าว ทางด้านทิศตะวันตกเป็นห้องชั้นใน วางเตียงเคลือบเงาขนาดเล็กตัวหนึ่ง โต๊ะเก้าอี้สองสามตัว และที่วางเท้า ทั้งหมดล้วนแต่เป็นพื้นที่สำหรับพักแรมเป็นการชั่วคราวของโจวเจิ้น ทางด้านทิศตะวันออกเป็นพื้นที่สำหรับอ่านเขียนหนังสือ มีโต๊ะเขียนหนังสือขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ต้นสาลี่ทั้งชิ้นวางเอาไว้อยู่กลางห้อง รอบๆ ห้องวางชั้นหนังสือที่สูงถึงเพดาน ข้างหน้าต่างวางตั่งหลัวฮั่นเอาไว้ตัวหนึ่ง

ตอนที่โจวเสาจิ่นเดินเข้าไป โจวเจิ้นกำลังนั่งนั่งชงชาอยู่บนตั่งหลัวฮั่น

“เจ้ามาแล้ว!” เขายิ้มพลางส่งเสียงทักทายบุตรสาว แล้วชี้ไปยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงกันข้ามตนเองพลางเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือชาหลูซานอวิ๋นหลินที่ข้านำมาจากเจียงซี เจ้าลองชิมดู!”

โจวเสาจิ่นครุ่นคิด ยิ้มพลางโค้งคำนับให้บิดา แล้วนั่งลงตรงข้ามกับบิดา

โจวเจิ้นยื่นจอกจื่อซา จอกหนึ่งให้แก่นาง

โจวเสาจิ่นมองดูน้ำชาสีใส สูดกลิ่นอันหอมตลบอบอวลราวกับดอกหลานเข้าไป แล้วลองจิบชิมดูหนึ่งคำ กลิ่นหอมหวานของชาที่อบอวลอยู่ในปากช่างละมุนยิ่งนัก จนอดชื่นชมไม่ได้ว่า “ชาดีเจ้าค่ะ”

โจวเจิ้นยิ้มออกมา แล้วรินชาอีกจอกให้แก่นาง

โจวเสาจิ่นถึงได้รู้สึกว่าไม่ถูกต้องเท่าใดนัก รีบเดินไปหยิบกาต้มน้ำ พลางกล่าวว่า “ให้ข้ารินให้เถิดเจ้าค่ะ!”

“ไม่ต้องๆ” โจวเจิ้นยิ้มตาหยีพลางกล่าวว่า “ในห้องนี้ไม่มีผู้อื่น ข้าเป็นบิดาของเจ้า ระหว่างพวกเราพ่อลูกไม่จำเป็นต้องถือสาเรื่องพวกนี้”

ทว่าโจวเสาจิ่นกลับยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย

โจวเจิ้นจึงยอมให้นางรินน้ำชาให้

โจวเสาจิ่นรินน้ำชาให้บิดาไปสองสามจอก

โจวเจิ้นเอ่ยชมว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าก็ชงชาด้วย” เข้าใจว่าบุตรสาวคนเล็กคงฝึกมาจากตระกูลเฉิง จึงไม่ได้สนใจเท่าใดนัก

โจวเสาจิ่นเองก็ไม่อาจอธิบายให้ฟังได้เช่นกัน

หลังจากดื่มชาไปสองสามจอก โจวเจิ้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “จดหมายที่เจ้าเขียนมาหาข้าฉบับนั้น เป็นเพราะค้นพบว่าแม่ของเจ้าเคยหมั้นหมายกับตระกูลเฉิงใช่หรือไม่”

โจวเสาจิ่นตกใจกลัวจนมือสั่น น้ำชาเกือบจะหกกระเซ็นลงบนมือ

โจวเจิ้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าอย่ากลัวเลย ข้าไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวโทษเจ้า เจ้าทำได้ดีมาก เมื่อมีเรื่องอะไร ก็ไม่หลงเชื่อคำพูดของผู้อื่นอย่างงมงาย หรือซักไซ้ไถ่ถามไปทั่ว แต่เขียนจดหมายมาถามข้าแทน”

โจวเสาจิ่นหน้าแดงเรื่อ

หากว่าไม่ได้ใช้ชีวิตมาสองชาติ นางจะต้องหลงเชื่อถ้อยคำบอกเล่าของเฉิงลู่แล้วเป็นแน่

โจวเจิ้นกล่าวว่า “กล่าวไปกล่าวมา เรื่องนี้ก็ล้วนแต่เป็นข้าที่ไม่ดีเอง ปล่อยให้พวกเจ้าพี่น้องรั้งอยู่ในตระกูลเฉิงตั้งแต่เล็กจนโต คงได้รับความทุกข์ใจมาไม่น้อยอย่างแน่นอน แต่ข้าไม่มีกำลังพอที่จะดูแลพวกเจ้าพี่น้องได้จริงๆ และก็ไม่อยากแต่งหญิงสาวสักคนเข้าบ้านมาแบบส่งๆ ถ้าหากนางเพิกเฉยต่อการอบรมสั่งสอนพวกเจ้า ต่อให้ข้าเสียใจไปก็คงจะทำอะไรไม่ทันเสียแล้ว ขอเพียงเจ้าไม่โกรธแค้นข้าอยู่ในใจก็พอแล้ว!”

“ไม่เลยเจ้าค่ะๆ” โจวเสาจิ่นรีบเอ่ยแย้ง “ข้าไม่เคยโกรธแค้นท่านพ่อเลยสักครั้ง ข้ารู้ดีว่าท่านพ่อฝากฝังพวกเราให้ท่านยายเลี้ยงดูก็เป็นการดีสำหรับพวกเราเจ้าค่ะ”

แม้นเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในชาติก่อน นางก็ไม่เคยโกรธแค้นที่บิดาทิ้งนางไว้กับตระกูลเฉิงจนโตเลย

นางรู้ดีถึงความทุกข์ยากลำบากของบิดา ทั้งยังเข้าใจความรู้สึกของบิดาด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่ทุกคนที่จะปฏิบัติต่อบุตรสาวที่ภรรยาคนก่อนทิ้งเอาไว้อย่างดีเช่นที่มารดาผู้ให้กำเนิดนางกระทำได้ หากบิดาแต่งงานใหม่ ฮูหยินคนใหม่ก็จะเป็นผู้ดูแลเรื่องต่างๆ ที่เป็นหน้าที่ของภรรยาภายในเรือน เขาไม่สามารถเฝ้าดูภรรยาคนใหม่ได้ตลอดเวลา อายุของพวกนางก็ยังน้อย หากว่ามารดาเลี้ยงมีจิตใจบิดเบี้ยว ก็ง่ายที่จะเลี้ยงดูพวกนางอย่างไม่เป็นธรรม ซ้ำยังสามารถปิดบังทำให้เขาจับผิดไม่ได้ ดังนั้นบิดาจึงยินดีให้พวกนางสองพี่น้องต้องทนทุกข์สักหน่อยดีกว่ายอมให้พวกนางสองพี่น้องไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินลึกและอ่อนต่อโลก หลังจากแต่งงานไปแล้วก็ถูกผู้คนเหยียบย่ำ

ดังนั้นตอนที่นางกล่าวว่า อยู่บ้านนี่ดีจริงๆ นั้น พี่สาวถึงได้กล่าวว่า นานๆ ทีนอนตื่นสายบ้างก็พอได้ แต่หากเป็นเช่นนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน เกรงว่าจะถูกให้ท้ายจนกลายเป็นคนไม่มีระเบียบวินัยได้ ขึ้นมา

โจวเสาจิ่นเล่าเรื่องที่พูดคุยกับพี่สาวในช่วงเช้าให้บิดาฟัง ยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านดูสิเจ้าคะ ท่านพี่เองก็เข้าใจความทุกข์ใจของท่านเช่นกันเจ้าค่ะ”

การที่พวกบุตรสาวเข้าอกเข้าใจทำให้โจวเจิ้นรู้สึกปวดแปลบอยู่ในใจ สักพักใหญ่ถึงจะเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ กล่าวขึ้นว่า “อันที่จริงที่ข้ากลับมาคราวนี้ หลักๆ คือปรารถนาจะคุยกับเจ้าเรื่องแม่ของเจ้า”

โจวเสาจิ่นประหลาดใจ

โจวเจิ้นพยักหน้าพลางกล่าว “ข้ารู้ หากว่าไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าคงจะไม่เขียนจดหมายถึงข้าเป็นการเฉพาะเป็นแน่ และคงไม่กล่าวถึงบ้านหลังเก่าของตระกูลจวงที่ตั้งอยู่ที่ถนนกวนเจียขึ้นมา หลังจากนั้นข้าก็ได้ส่งคนไปสอบถามหม่าฟู่ซานเช่นกัน เขาเล่าทุกอย่างให้ข้าฟังหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่ว่าเจ้าทราบเกี่ยวกับบ้านหลังเก่าที่ถนนกวนเจียได้อย่างไร รวมถึงเรื่องที่ว่าเจ้าใช้เขาไปสืบเรื่องของตระกูลเฉิงได้อย่างไร และเรื่องที่เจ้าใช้กล ‘ซื้อกระดูกด้วยทองพันชั่ง’ จนสามารถตามหาบ่าวที่เคยรับใช้ท่านตาของเจ้าจนพบ…”

โจวเสาจิ่นรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว

นางคิดว่าตนลอบกระทำการอย่างเป็นความลับดีแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าหม่าฟู่ซานกลับนำเรื่องที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ล้วนเล่าให้บิดาฟังทั้งหมดแล้ว

“ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ…” นางกล่าวพึมพำ

“ข้ารู้” น้ำเสียงของโจวเจิ้นเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนยิ่งขึ้น กล่าวว่า “เรื่องราวในปีนั้น ข้าทราบเป็นอย่างดี หลังจากที่ท่านตาของเจ้าให้แม่ของเจ้าหมั้นหมายกับข้าแล้ว แม่ของเจ้าเขียนจดหมายมาให้ข้าฉบับหนึ่ง เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปีนั้นทั้งหมดให้ข้าฟัง นางยังกล่าวเอาไว้ในจดหมายอีกว่า นางคิดว่าตัวเองไม่ผิด หากว่าข้ารับไม่ได้ ก็ใช้โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้แต่งงานกันนี้ ยกเลิกการหมั้นหมายเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า ตอนนั้นพี่สาวของเจ้าก็ยังเล็กอยู่ ข้าไม่คิดจะแต่งงานใหม่เร็วขนาดนี้ พอได้ยินท่านแม่ของเจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้ากลับรู้สึกสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาเล็กน้อย จึงหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนตระกูลกู้ และได้พบแม่ของเจ้า…”

อยู่ๆ เขาก็ชะงักงัน แววตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

บิดาคงจะนึกถึงภาพความทรงจำตอนที่ได้เจอมารดาเป็นครั้งแรกขึ้นมากระมัง

โจวเสาจิ่นทั้งเห็นใจและอิจฉา

เห็นใจที่มารดาจากโลกนี้เร็วเกินไป และอิจฉามารดาที่ต่อให้ไม่อยู่แล้ว แต่ในใจของบิดาก็ยังคงมีนางอยู่ไม่เสื่อมคลาย

นางไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา ด้วยเกรงว่าจะรบกวนความทรงจำของบิดา

ผ่านไปสักพัก โจวเจิ้นถึงได้สติกลับมา มองไปยังโจวเสาจิ่นยิ้มๆ อย่างเขินอายเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นว่า “แม่ของเจ้าเป็นผู้ที่มีจิตใจงดงาม ซื่อสัตย์ และจริงใจ แต่ก็เป็นผู้ที่ไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองอีกเช่นกัน เรื่องที่ขอทานชราผู้นั้นกล่าวมาส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริง แต่แม่ของเจ้าไม่เคยกระทำผิดต่อผู้ใดเลย หากว่าในภายหลังมีคนกล่าวหาว่าแม่ของเจ้าเป็นคนผิด เจ้าอย่าได้รู้สึกเกรงกลัว เพียงยืดหลังตรงและโต้แย้งกลับไปอย่างมั่นใจก็พอ”

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน