เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 121

ชาติก่อนดูเหมือนกับว่าจวนหลักกับจวนรองจะไม่ได้ตาต่อตาฟันต่อฟันกันขนาดนี้…หรือบางทีอาจจะมี แต่เพราะตนไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยไม่รู้ก็เป็นได้

โจวเสาจิ่นยิ้มน้อยๆ ไม่รู้เพราะเหตุใด รู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง วันต่อมายามเจอจี๋อิ๋ง จึงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายนางขึ้นมาก่อน ถามนางว่า “ทานมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง วันนี้ห้องครัวของพวกข้าทำขนมวุ้นใสกับเต้าฮวยทรงเครื่อง ทั้งสองอย่างล้วนเป็นเมนูที่ข้าชอบทาน เจ้าอยากทานอะไรเพิ่มสักหน่อยหรือไม่”

“ก็ดีเหมือนกัน!” จี๋อิ๋งกล่าว “เจ้าให้คนนำขนมวุ้นใสสองชิ้นกับเต้าฮวยทรงเครื่องอีกครึ่งถ้วยมาให้ข้าก็พอ เพราะข้าทานข้าวมาแล้ว” ยังบ่นงึมงำอีกว่า “หากรู้เช่นนี้แต่แรกจะไม่อยู่ทานมื้อเช้าที่เรือนเสี่ยวซานฉงกุ้ย” ขณะที่นางกล่าว ก็ชี้กล่องกระดาษที่อยู่ในมือพลางกล่าว “นี่คือขนมปุยเมฆแผ่นกับขนมกรุบกรอบจากเมืองจิงโจว เจ้าลองชิมดูว่าถูกปากหรือไม่”

ซือเซียงยิ้มตาหยีพลางรับของมา จากนั้นไปยกขนมวุ้นใสกับเต้าฮวยทรงเครื่องมาให้จี๋อิ๋ง

จี๋อิ๋งหยิบถุงเท้าที่ตนทำออกมา

ทำเพิ่มจากเมื่อวานไปเพียงไม่กี่ฝีเข็มเท่านั้น นอกจากนี้รอยตะเข็บยังพันกันยุ่งเหยิงไปหมด แล้วตะเข็บที่เย็บก็ไม่ใช่ตะเข็บกากบาทอีกด้วย

ชาติก่อน โจวเสาจิ่นเองก็เคยสอนเด็กสาวในหมู่บ้านจับเข็มและด้ายมาก่อนเหมือนกัน มีเด็กสาวบางคนไม่รู้วิธีจับเข็มและด้ายจริงๆ ต้องสอนเป็นเวลานานถึงจะได้ผลบ้างเล็กน้อย และก็มีเด็กสาวบางคนที่ไม่ว่าจะสอนอย่างไรก็ไม่สอนไม่ได้เลย แต่เด็กสาวเหล่านี้กลับทำเรื่องอื่นๆ ได้อย่างเชี่ยวชาญและดีเยี่ยม

บางทีจี๋อิ๋งก็อาจจะเป็นคนประเภทนั้นเหมือนกัน

จี๋อิ๋งเฉลียวฉลาดขนาดนี้ หากรู้ว่าตัวเองเป็นคนประเภทดังกล่าว ย่อมต้องรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกระมัง

โจวเสาจิ่นจึงไม่อาจต่อว่านางได้ กล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่เป็นไรๆ ข้าค่อยสอนเจ้าใหม่ก็แล้วกัน เจ้าค่อยๆ เรียนรู้ไป อีกไม่นานก็คงจะฝึกจนทำได้เอง”

จี๋อิ๋งพยักหน้า

โจวเสาจิ่นค่อยๆ รื้อส่วนที่นางเย็บมาก่อนหน้านี้ออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นสอนนางใหม่อีกครั้งอย่างใกล้ชิด นั่งมองนางเย็บต่อไปอีกหลายฝีเข็ม

จี๋อิ๋งกล่าว “ข้ารู้สึกอยู่ตลอดว่าเจ้าเย็บได้ดีกว่าข้า เช่นนั้นเจ้าคอยกำกับดูข้าเย็บอีกสักหลายๆ ฝีเข็มได้หรือไม่!”

โจวเสาจิ่นยิ้มให้นางอย่างใจดี หยิบถุงเท้าที่ตัดเรียบร้อยแล้วขึ้นมา จากนั้นคอยกำกับจี๋อิ๋งไปอีกหลายฝีเข็ม

จี๋อิ๋งมองดูอย่างเอาใจใส่

โจวเสาจิ่นคิดว่าไหนๆ ก็สนเข็มกับด้ายเอาไว้แล้ว เช่นนั้นก็เย็บให้หมดด้ายเส้นนี้ไปเลยก็แล้วกัน

เข็มและด้ายในมือของนางโบยบินและกวัดแกว่งอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็เย็บถุงเท้าส่วนพื้นจนเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว

ส่วนจี๋อิ๋งก็นั่งอยู่ตรงนั้นค่อยๆ เย็บตามที่นางบอก

ซือเซียงยกขนมวุ้นใสกับเต้าฮวยทรงเครื่องเข้ามา

โจวเสาจิ่นบอกให้จี๋อิ๋งทานอาหารก่อน

จี๋อิ๋งเองก็ไม่ได้เกรงใจ ยิ้มพลางกล่าวขอบคุณ จากนั้นนั่งลงมาทานอาหาร

โจวเสาจิ่นนั่งเอ้อระเหยอยู่ข้างๆ จนเย็บถุงเท้าข้างนั้นเสร็จเรียบร้อย

จี๋อิ๋งวางชามลง กล่าวขึ้นว่า “ไอโหยว ทานมากเกินไปแล้ว ข้าต้องไปย่อยอาหารเสียหน่อย”

โจวเสาจิ่นยิ้มพลางหยิบผ้าโพกศีรษะขึ้นมาปัก

ส่วนจี๋อิ๋งเดินย่อยอาหารอยู่ในห้อง

ชุนหว่านวิ่งเข้ามา กล่าวขึ้นว่า “คุณหนูรอง คุณหนูเจียมาเจ้าค่ะ”

เฉิงเจียมาที่นี่เกือบจะทุกวัน โจวเสาจิ่นจึงชินเสียแล้วกับการมาโดยไม่ได้เชิญของนาง กล่าวกับชุนหว่านว่า “เชิญนางเข้ามาเถิด!”

ชุนหว่านขานตอบแล้วเดินออกไป

จี๋อิ๋งยกคิ้วขึ้น ถามโจวเสาจิ่นว่า “คุณหนูเจียจากจวนสามหรือ”

“ใช่!” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้ารู้จักนางด้วยหรือ”

“ไม่รู้จัก!” จี๋อิ๋งรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว “แต่เคยได้ยินเกี่ยวกับคนผู้นี้มาบ้าง” กล่าวด้วยท่าทางดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง

โจวเสาจิ่นไม่ได้กล่าวอะไร นึกถึงภาพตอนที่จี๋อิ๋งพบตนเป็นครั้งแรก

จี๋อิ๋งล้วนปฏิบัติต่อคนส่วนใหญ่ด้วยท่าทางดูแคลนเช่นนี้อยู่แล้วหรือว่าเป็นเพราะว่าเฉิงเจียเป็นคนจากจวนสามก็เลยแสดงท่าทางดูแคลนกันแน่

แต่เมื่อเฉิงเจียได้พบกับจี๋อิ๋งกลับประหลาดใจเป็นอย่างมาก รีบกล่าวขึ้นว่า “นี่คือผู้ใดหรือ ทำไมถึงได้งดงามขนาดนี้”

สีหน้าของจี๋อิ๋งเคร่งขึ้น คิ้วขมวดมุ่น

โจวเสาจิ่นรีบแนะนำจี๋อิ๋งให้เฉิงเจียรู้จัก

จี๋อิ๋งหันไปพยักหน้าให้เฉิงเจียอย่างถือตัวเล็กน้อย

เฉิงเจียไม่ถือสาอะไร

นางมองสำรวจจี๋อิ๋งขึ้นๆ ลงๆ สำรวจไปด้วย กล่าวไปด้วยว่า “ที่แท้เจ้าก็เป็นคนจากเรือนของท่านอาฉือ แต่เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่เคยเห็นเข้ามาก่อน แล้วเจ้ามาเรียนทำงานเย็บปักกับเสาจิ่นได้อย่างไร สร้อยข้อมือเส้นนี้ของเจ้างดงามยิ่งนัก เป็นหินโมราใช่หรือไม่ สร้อยข้อมือหินโมราที่น้ำงามขนาดนี้พบเห็นได้น้อยยิ่งนัก!”

มีด้วยหรือที่พบหน้ากันเป็นครั้งแรกแต่กลับพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเองและไม่ระวังเช่นนี้?

โจวเสาจิ่นหวังให้ตนสามารถไปปิดปากเฉิงเจียเอาไว้ จึงรีบกล่าวขึ้นว่า “เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ”

เฉิงเจียงเปล่งเสียง “อา” ออกมาเสียงหนึ่ง แล้วดึงโจวเสาจิ่นไปนั่งลงบนเก้าอี้มีเท้าแขนที่อยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นว่า “หลังจากผ่านพ้นวันที่เก้าเดือนเก้าไปแล้ว ท่านแม่ของข้าอยากให้ข้าไปเรียนที่ห้องศึกษาจิ้งอัน ข้าอยากมาถามว่าเจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้าง”

ปัจจุบันที่ห้องศึกษาจิ้งอันมีนักเรียนเพียงสองคนคือนางกับโจวเสาจิ่น หากโจวเสาจิ่นไม่ไป นางเพียงคนเดียวจะไปสนุกอะไร

โจวเสาจิ่นกล่าว “เรื่องนี้ข้าต้องไปปรึกษาท่านยายและท่านป้าใหญ่ดูก่อน”

เฉิงเจียพยักหน้า ถอนหายใจกล่าวขึ้นว่า “ข้าอยากแต่งงานออกเรือนไปเสีย จะได้ไม่ต้องถูกท่านแม่ของข้าคอยมาบงการซ้ายขวาอยู่ทุกวันเช่นนี้”

นี่มันคำพูดไร้สาระอะไรกัน

โจวเสาจิ่นจ้องนางเขม็งไปครั้งหนึ่ง

เฉิงเจียกลับไม่ใส่ใจ พลิกของที่อยู่บนโต๊ะของโจวเสาจิ่นที่อยู่ใกล้มือไปมา พลางกล่าวขึ้นว่า “นี่เจ้ากำลังทำถุงเท้าให้ผู้ใดอยู่หรือ เหตุใดถึงทำมากมายขนาดนี้” ขณะที่นางกล่าว ยังหยิบถุงเท้าที่โจวเสาจิ่นเพิ่งทำเสร็จข้างนั้นขึ้นมาดูครั้งแล้วครั้งเล่า

โจวเสาจิ่นตกใจ เอามือทาบอกแล้วหายใจเข้าลึกๆ อยู่สองสามลมหายใจ

เฉิงเจียกล่าวขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “เจ้าเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”

“ข้าไม่เป็นไร” โจวเสาจิ่นกล่าว “จี๋อิ๋งนำขนมปุยเมฆแผ่นกับขนมกรุบกรอบจากเมืองจิงโจวมาให้ เจ้าอยากชิมดูหรือไม่”

ตอนที่ 121 ทะเลาะ 1

ตอนที่ 121 ทะเลาะ 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน