เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 127

มามาผู้เป็นแม่บ้านเตือนพวกนางอย่างสุภาพว่าใกล้จะถึงเวลาอวยพรวันเกิดแล้ว ขอให้พวกนางอย่าวิ่งเพ่นพ่านไปทั่ว ให้รีบไปนั่งที่ห้องข้างให้เรียบร้อย

พวกโจวเสาจิ่นทั้งสามคนได้ยินแล้วก็รับทราบ ยิ้มพลางตอบรับ แล้วเดินไปที่ห้องข้าง

ภายในห้องข้างขนาดสามห้องกั้น บรรดาฮูหยินและสะใภ้นั่งอยู่ในห้องฝั่งตะวันออก ส่วนคุณหนูที่ค่อนข้างเรียบร้อยและชอบเก็บตัวบางส่วนนั่งอยู่ในห้องฝั่งตะวันตก ยังมีหญิงสาวที่มีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงบางส่วน บ้างก็ยืน บ้างก็นั่งพูดคุยกันเป็นกลุ่มสองถึงสามคนอยู่ตรงบริเวณกลางห้อง แต่ละคนแต่งหน้าแต่งตัวเพริศพริ้งยิ่งนัก บรรยากาศครื้นเครงเป็นอย่างมาก

กูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้เม้มปากกลั้นยิ้ม พลางกระซิบกล่าวกับโจวเสาจิ่นและเฉิงเจียอย่างเย้ยหยันว่า “พวกเจ้าดูสิ พวกฮูหยินและสะใภ้ต่างก็พาคุณหนูมาด้วย”

นอกจากนี้ผู้ที่มาร่วมงานยังมีจำนวนมากกว่าที่โจวเสาจิ่นเห็นในงานหมั้นของคุณหนูที่สิบหกของตระกูลกู้เสียอีก

ทั้งๆ ที่งานหมั้นของคุณหนูที่สิบหกของตระกูลกู้ในตอนนั้นจัดโต๊ะเอาไว้ถึงสามสิบโต๊ะ ส่วนงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่ากัวเชิญมาเพียงแค่ยี่สิบโต๊ะเท่านั้น

หรือว่าหญิงสาวเหล่านี้ต่างก็ ‘เตรียมตัว’ เพื่อมางานนี้โดยเฉพาะกันแน่

โจวเสาจิ่นรู้สึกเคลือบแคลงใจเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าตนเองคิดมากเกินไป ขณะที่นางอยากจะกล่าวเรื่องนี้กับกูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้ ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งมองเห็นกูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้พอดี และกล่าวทักทายนางอย่างกระตือรือร้นว่า “เจ้าไปอยู่ที่ใดมา เมื่อครู่ข้าหาไปทั่วทุกที่แล้วก็หาเจ้าไม่เจอ”

เด็กสาวผู้นั้นอายุไล่เลี่ยกับเฉิงเจีย รูปร่างสูงปานกลาง ใบหน้าทรงลูกท้อ แก้มยังยุ้ยเหมือนเด็กอยู่หลายส่วน คิ้วสวยนัยน์ตาโต ผิวขาวเนียนละเอียด สวมชุดเพ่ยจื่อลายเถาองุ่นสีแดงชาด เมื่อเอ่ยปากพูดดวงตาก็หรี่เป็นเส้นโค้ง ราวกับตุ๊กตานำโชคก็ไม่ปาน ดูสดใสร่าเริงยิ่งนัก เป็นรูปลักษณ์อันเป็นสิริมงคลที่ผู้อาวุโสเหล่านั้นมักจะกล่าวถึงกัน

กูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้กล่าวแนะนำนางให้โจวเสาจิ่นกับเฉิงเจียว่า “นี่คือคุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวแห่งจวนดอกเหมย”

พวกนางทำความเคารพซึ่งกันและกัน

จากนั้นก็มีเด็กสาวอีกสี่ถึงห้าคนมาทักทายกูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้

ทุกคนล้วนเคยพบหน้ากันแล้ว จึงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของกันและกัน

กูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้รู้จักคนมากมายยิ่งนัก!

โจวเสาจิ่นรู้สึกชื่นชมอยู่เล็กน้อย

ทว่าคุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวกลับปฏิบัติกับโจวเสาจิ่นอย่างสนิทสนมเป็นพิเศษ

โจวเสาจิ่นไม่ค่อยเข้าใจนัก

คุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวยิ้มพลางกล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าได้พบพี่สาวของเจ้า ตระกูลฝั่งมารดาของข้าเป็นตระกูลสายรองของตระกูลเลี่ยวแห่งเจิ้นเจียง”

ในชั่วพริบตา โจวเสาจิ่นมองคุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวแล้วก็พลันรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมขึ้นมาอยู่หลายส่วน

คุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวผู้นั้นเห็นแล้ว ก็ดึงนางไปที่โต๊ะดอกไม้ข้างๆ แล้วกระซิบกล่าวว่า “เมื่อครู่เจ้าไม่อยู่ คุณหนูที่สิบแปดกับคุณหนูที่ยี่สิบของตระกูลกู้ คุณหนูที่สามกับคุณหนูที่สี่ของตระกูลกัว คุณหนูสองท่านจากจวนของรองเจ้ากรมซุน และคุณหนูผู้เป็นหลานของหลินเจี้ยวอวี้…ต่างถูกเรียกตัวไปที่ห้องโถงหลัก” นางกล่าวไปด้วย พลางสังเกตการเคลื่อนไหวรอบๆ ไปด้วย “คุณหนูอีกสองสามท่านต่างก็ไปด้วยเช่นเดียวกัน ทว่าคุณหนูสองท่านจากจวนของรองเจ้ากรมซุนกลับบอกว่าต้องการไปห้องทางการ[1] รอจนกระทั่งมามาผู้ดูแลแขกเดินนำไปแล้ว ทั้งสองคนกลับบอกว่าไม่ไปแล้ว ผ่านไปสักพัก ก็บอกว่าอยากจะไปอีก เจ้าว่าอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ตอนที่เดินกลับมาได้พบกับนายท่านสี่ของตระกูลเฉิงกับคุณชายใหญ่สวี่ของจวนหลักเข้าพอดี…หากว่าพวกนางไม่มีแผนการลับแอบแฝงอยู่ล่ะก็ ข้ายอมเสียเงินให้เจ้าสองเหลี่ยงเงินเลย!”

เข้ามาทำตัวสนิทสนมด้วยตัวเองเช่นนี้ โจวเสาจิ่นไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรดีไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ชำเลืองมองคนอื่นๆ ภายในห้องอย่างอดไม่ได้

พี่สาวกับท่านป้าใหญ่กำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินใหญ่ของตระกูลกู้ และดูเหมือนว่าในบรรดาคุณหนูหลายท่านของตระกูลกู้นั้นจะหายไปสองคนจริงๆ…

คุณหนูที่สิบเก้าเห็นแล้วก็รีบกล่าวขึ้นว่า “ข้าไม่ได้โกหกเจ้าใช่หรือไม่ คุณหนูสองท่านของตระกูลซุนต่างไปที่ห้องโถงหลักแล้ว พวกนางได้ปรากฏตัวต่อหน้าคุณชายใหญ่สวี่เรียบร้อยแล้ว ยังจะรั้งอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร จริงๆ เลย…ช่างไม่รู้จักอาย!” นางกล่าวอย่างมีน้ำโห ประหนึ่งว่าตัวนางเองถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมก็ไม่ปาน ยังกล่าวอีกว่า “ได้ยินว่าบุตรสาวของใต้เท้าหูผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแห่งเจ้อเจียง น้องสาวของใต้เท้าหลิวผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอแห่งเจียงหนิง บุตรสาวของใต้เท้าอู๋ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองจินหลิง และน้องสาวของเซินชิงอวิ๋นผู้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าเมืองจินหลิง…ล้วนอยู่ในห้องโถงหลักทุกคน!”

โจวเสาจิ่นตกใจเป็นอย่างมากไปครั้งหนึ่ง

ทว่าคุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวกลับเข้าใจผิด จึงอธิบายไปอีกทางว่า “เนื่องจากมารดาของเซินชิงอวิ๋นเป็นบุตรสาวของหลี่ซื่อแห่งหลูเจียง ดังนั้นน้องสาวของเซินชิงอวิ๋นก็เลยได้อยู่ที่ห้องโถงหลักด้วยเช่นกัน”

แต่สิ่งที่โจวเสาจิ่นให้ความสนใจกลับเป็นคำกล่าวที่ว่า บุตรสาวของใต้เท้าอู๋ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองจินหลิง ต่างหาก

อู๋เป่าหวาอายุมากกว่านางหนึ่งปี ส่วนอู๋เป่าจืออ่อนกว่านางหนึ่งปี นอกจากนี้คุณธรรมทั้งสี่ที่สตรีพึงมี[2] ของทั้งสองก็ไม่ได้โดดเด่นแต่อย่างใด…หรือว่าผู้ที่มาร่วมงานจะเป็นอู๋เป่าจาง

แต่ว่าเหตุใดฮูหยินอู๋ถึงพาอู๋เป่าจางไปที่ห้องโถงหลักด้วย

แล้วเหตุใดฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงได้อนุญาตให้อู๋เป่าจางไปที่ห้องโถงหลักด้วย

นางถามคุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวอย่างห้ามไม่อยู่ว่า “เจ้าเมืองอู๋มีบุตรสาวสามคน ผู้ที่เจ้ากล่าวถึงนั้นเป็นบุตรสาวคนใดของตระกูลพวกเขาหรือ”

“ยังจะเป็นผู้ใดได้อีก” คุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวตอบอย่างไม่เห็นด้วย “แน่นอนว่าย่อมเป็นบุตรสาวที่มีปานแดงระหว่างคิ้วเหมือนดังพระโพธิสัตว์กวนอิมผู้นั้น! ช่วงนี้ในเมืองจินหลินต่างลือกันว่า คุณหนูใหญ่ของตระกูลอู๋เป็นบุตรสาวข้างกายขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่กลับชาติมาเกิด เป็นผู้มีชะตาชีวิตที่จะนำความปรองดองมาสู่ครอบครัว และนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้แก่สามีและบุตร…เพียงแค่มีปานแดงดวงหนึ่งก็นำความปรองดองมาสู่ครอบครัว นำความเจริญรุ่งเรืองมาให้แก่สามีและบุตร ข่าวลือเหล่านี้เป็นเพียงความเชื่องมงายของพวกผู้หญิงในท้องตลาดที่ไร้ความรู้ ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมเมื่อเห็นแล้วย่อมมองออกว่าบุตรสาวของตระกูลอู๋มีจิตใจเช่นไร…”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็เชื่อข่าวลือพวกนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ

โจวเสาจิ่นเงียบงัน

กูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้โบกมือเรียกพวกนางจากฝั่งโน้น กล่าวขึ้นว่า “คุณหนูรองตระกูลโจว คุณหนูที่สิบเก้าตระกูลหลิว พวกเจ้ามาทางนี้เร็ว ข้าจะแนะนำเจ้าให้รู้จักกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลฟางแห่งเจียซิ่ง!”

ตระกูลฟางแห่งเจียซิ่ง คือตระกูลของฟางซินถง

ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดของตระกูลฟางซินถง

โจวเสาจิ่นกับคุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวจึงเดินเข้าไปหา

คุณหนูใหญ่ตระกูลฟางอายุราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี รูปร่างสูงเพรียว รูปโฉมสะคราญยิ่ง สิ่งที่หาได้ยากคือนางมีท่วงท่าและอิริยาบถที่สง่างามดั่งผู้มีความรู้ เมื่อมองดูเป็นครั้งแรกรู้สึกเพียงว่านางมีมารยาทสุภาพเรียบร้อยและท่วงท่าสงบนิ่งอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เมื่อยิ่งมองกลับยิ่งรู้สึกว่านางงดงามยิ่งนัก และยังเป็นความงดงามพิลาสที่ไม่เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ อีกด้วย

คุณหนูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้กล่าวว่า “พี่ชายของคุณหนูใหญ่ตระกูลฟางคือฟางซินถงผู้ร่ำรวยที่สุดในเจียซิ่ง แต่ก่อนเคยศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาของตระกูลพวกข้า”

“ข้าถึงว่าทำไมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาขนาดนี้!” คุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวยิ้มพลางกล่าว “ข้ามีพี่สาวคนหนึ่งที่แต่งงานไปอยู่ที่เมืองเจียซิ่ง ได้ยินพี่เขยของข้ากล่าวว่า ตระกูลฝั่งมารดาของเขาคือตระกูลฟางแห่งฮวาซี คงจะเป็นตระกูลของพี่สาวแล้ว…”

นางสนทนากับคุณหนูใหญ่ตระกูลฟางอย่างปากหวาน

กูที่สิบเจ็ดมองคุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวแล้วหันไปขยิบตาให้โจวเสาจิ่น พลางกระซิบกล่าวว่า “เจ้าอย่าไปสนใจนางเลย นางก็เป็นคนเช่นนี้ ปากสว่างยิ่งนัก เรื่องที่เจ้าพูดคุยกับนางประเดี๋ยวเดียว ไม่นานนักทุกคนก็รู้กันถ้วนหน้าแล้ว”

มองไม่ออกเลยจริงๆ!

โจวเสาจิ่นมองคุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวที่กำลังคุยจ้ออยู่ แล้วรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

เมื่อเปรียบเทียบกับกูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้ผู้ที่พูดจาคล่องแคล่ว หรือคุณหนูที่สิบเก้าของตระกูลหลิวผู้เปรียบดั่งปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ หรือคุณหนูใหญ่ตระกูลฟางผู้วางตัวสงบเสงี่ยมอย่างเหมาะสม แม้กระทั่งเฉิงเจียผู้มีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงแล้ว เห็นได้ชัดว่าตัวนางไม่เหมาะสมกับสถานที่หรือสถานการณ์เช่นนี้เลย

ตอนที่ 127 วิพากษ์วิจารณ์ 1

ตอนที่ 127 วิพากษ์วิจารณ์ 2

ตอนที่ 127 วิพากษ์วิจารณ์ 3

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน