โจวเสาจิ่นเหงื่อตก
เฉิงเจียเอนตัวพิงอยู่บนหัวไหล่ของพวกนางพลางส่งเสียง ชิ และกล่าวเหน็บแนมกูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้ว่า “เด็กที่รู้จักแต่มองคนที่ภายนอก!”
“เพราะในตัวมีความรู้ภายนอกถึงได้ดูโดดเด่นขึ้นมาได้” กูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้กล่าวแย้ง “สิ่งที่เห็นภายนอกไม่ใช่ว่าตัดสินใจกระทำออกมาจากภายในหรอกหรือ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังปะทะฝีปากกันอยู่นั้น โจวเสาจิ่นกลับรู้สึกเหมือนกับว่าเฉิงฉือเหลือบตามองมาทางนี้ครั้งหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
นางอดไม่ได้เบิกตากว้างเพื่อมองให้ชัดขึ้น
อิริยาบถของเฉิงฉือดูสบายๆ ได้ปี้อวี้ช่วยเลิกผ้าม่านขึ้นและเดินเข้าห้องโถงหลักไปโดยที่สายตาไม่วอกแวกเลย
โจวเสาจิ่นถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
อาจเป็นตนที่มองผิดไปกระมัง
เฉิงเจียเอ่ยถามขึ้นว่า “คงใกล้จะได้เวลากล่าวคำอวยพรแล้วกระมัง พวกเราควรจะไปรออยู่ที่ห้องข้างหรือไม่”
กูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้กล่าว “รอให้ท่านอาสี่ฉือกับเฉิงเจียซ่านออกไปก่อนแล้วพวกเราค่อยออกไปดีกว่า จะได้ไม่ต้องบังเอิญเจอกัน”
โจวเสาจิ่นเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง กล่าวขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ปี้อวี้ก็เคยบอกเอาไว้ว่า หลังจากที่พวกท่านน้าฉือกล่าวอวยพรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงจะถึงคราวของพวกเรา”
ทั้งสามคนจึงนั่งรออยู่ที่ด้านหลังของป่าไผ่
ทว่ากลับมีเด็กสาวสองคนเดินออกมาจากทางด้านห้องข้าง ทั้งสองล้วนมีอายุประมาณสิบห้าถึงสิบหกปี คนหนึ่งสวมชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมหังโจวสีเขียวน้ำทะเลสาบ หวีผมขึ้นเป็นมวยกาบหอยคู่หนึ่ง ประดับด้วยกิ๊บติดผมไข่มุกทรงดอกไม้ ส่วนอีกคนสวมชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมหังโจวสีถั่วเขียว หวีผมขึ้นเป็นมวยกลมคู่หนึ่ง ประดับด้วยปิ่นปักผมทองดอกติงเซียง ทั้งสองมีคิ้วโก่งโค้งประดุจขุนเขาที่เห็นไกลๆ นัยน์ตากระจ่างใสดั่งน้ำในฤดูใบไม้ร่วง มีความละม้ายคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วน งดงามยิ่งนัก
เฉิงเจียถามขึ้นว่า “นั่นคือผู้ใดหรือ”
โจวเสาจิ่นเองก็ไม่มีภาพจำเกี่ยวกับคนทั้งสองเช่นกัน
กูที่สิบเจ็บครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า “น่าจะเป็นหลานสาวจากตระกูลเดิมของฮูหยินรองเจ้ากรมซุน แต่ชื่ออะไรนั้นข้าก็จำไม่ได้แล้วเช่นกัน ครั้งก่อนตอนงานหมั้นหมายของพี่สิบหกของข้า ฮูหยินซุนพาพวกนางมาร่วมงานเลี้ยงด้วย ทั้งสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เป็นคนหูโจว ปู่ของพวกนางเพิ่งจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองเจ้ากรมยุติธรรม”
ในวันนั้นคนที่ตระกูลกู้มีมากมายยิ่งนัก โจวเสาจิ่นเองก็จำไม่ได้ว่าตนเคยเจอพวกนางมาก่อนหรือไม่
ขณะที่พวกนางกำลังคุยกันอยู่นั้น สาวใช้ที่ยืนเฝ้าอยู่นอกห้องข้างก็เดินไปถึงด้านหน้าของคนทั้งสอง หลังจากที่พูดอะไรกันเบาๆ ครู่หนึ่งแล้ว สาวใช้ก็เดินนำพวกนางมุ่งไปทางห้องทางการ[1]
โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นว่า “แล้วเหตุใดถึงไม่เห็นคุณหนูตระกูลซุนเล่า”
กูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าคุณหนูตระกูลซุนหมั้นหมายกับคุณชายเจ็ดตระกูลหลิวของจวนดอกเหมยแล้ว เกรงว่าคงถูกกักตัวให้เรียนเรื่องขนบธรรมเนียมและมารยาทอยู่ในบ้าน”
เฉิงเจียบุ้ยปากกล่าวขึ้นว่า “การเรียนเรื่องขนบธรรมเนียมและมารยาทพวกนี้ ทำให้คนต้องลำบากเสียจริงๆ หากข้าจะแต่งกับใครในภายภาคหน้า ต้องหาแม่สามีที่รักใคร่บุตรสะใภ้ จะได้ไม่ต้องสร้างกฎระเบียบมากมายนัก”
กูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นยิ้ม
มีคนเดินออกมาจากทางห้องข้างอีกแล้ว
คนที่เดินออกมาในครั้งนี้เป็นฮูหยินสาวผู้หนึ่งกับเด็กสาวอายุประมาณสิบห้าสิบหกปีอีกผู้หนึ่ง ฮูหยินสาวกระซิบคุยกับเด็กสาวพลางเดินมาทางที่พวกโจวเสาจิ่นนั่งอยู่
โจวเสาจิ่นและทุกคนต่างตกใจ
ทว่าฮูหยินกับเด็กสาวผู้นั้นยิ่งเดินก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
โจวเสาจิ่นถึงได้พบว่าที่แท้ฮูหยินสาวผู้นั้นก็คือฮูหยินของหลิวหมิงจวี่ผู้เป็นนายอำเภอของเจียงหนิงนั่นเอง
ส่วนเด็กสาวผู้นั้นนางไม่รู้จัก เด็กสาวสวมชุดเพ่ยจื่อสีชมพู คิ้วโก่งโค้งดั่งพระจันทร์เสี้ยว ใบหน้างดงามสดใสดุจดอกท้อ อ่อนโยนและน่ารัก ประหนึ่งดอกไม้ดอกหนึ่งก็ไม่ปาน รูปร่างหน้าตาโดดเด่นยิ่งนัก
โจวเสาจิ่นตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ฮูหยินหลิว…ต้องการทำอะไรกันแน่
พวกนางต้องออกไปกล่าวทักทายหรือไม่
สีหน้าของทั้งสองคนก็ดูไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก
ขณะที่พวกนางกำลังลังเลกันอยู่นั้น ฮูหยินหลิวกับเด็กสาวผู้นั้นก็เดินเข้ามาใกล้ จนพวกนางได้ยินที่ฮูหยินหลิวกล่าวกับเด็กสาวผู้นั้นว่า “…ในเมื่อเจ้าติดตามมากับพี่สะใภ้ มีพี่สะใภ้เป็นผู้ตัดสินใจแทนเจ้า ต่อให้เรื่องไปถึงนายหญิงผู้เฒ่า ก็มีพี่สะใภ้ช่วยอธิบายให้เจ้าได้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าเลย!” ยังไม่ทันที่เสียงพูดจะจบลง ฮูหยินหลิวก็หันมา สายตาตกอยู่บนร่างของพวกนางทั้งสามคน เผยท่าทางตกใจออกมา จากนั้นเสียงพูดก็หยุดลงไปด้วยโดยปริยาย
ทั้งสามคนรีบก้าวออกไปทำความเคารพฮูหยินหลิว
ครู่ใหญ่กว่าที่ฮูหยินหลิวจะได้สติกลับคืนมา ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไรแนะนำเด็กสาวข้างกายให้พวกนางรู้จัก “นี่เป็นน้องสาวของสามีข้า เป็นหญิงสาวลำดับที่เก้าของตระกูล” จากนั้นก็แนะนำโจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ ให้คุณหนูหลิวที่เก้ารู้จัก
เด็กสาวทั้งหลายทำความเคารพกัน
ฮูหยินหลิวกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเจ้าไม่อยู่ที่ห้องข้าง มายืนทำอะไรที่นี่หรือ เมื่อครู่ทำให้ข้าตกใจเสียแทบแย่”
นางดูเป็นธรรมชาติและเป็นกันเอง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าร่างกายของนางดูเกร็งและเคร่งเครียดเล็กน้อย
หรือว่าคำพูดที่นางพูดกับคุณหนูหลิวที่เก้าเมื่อสักครู่นี้จะมีอะไรแอบแฝงอยู่
ขณะที่โจวเสาจิ่นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น กูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้ก็ก้าวออกไปกล่าวยิ้มๆ ว่า “ก่อนหน้านี้พวกข้านั่งคุยกันอยู่ในสวน ต่อมาพวกท่านอาเฉิงที่สี่เดินเข้ามา ชั่วขณะนั้นหลบไม่ทัน ก็เลยซ่อนตัวอยู่ในนี้ก่อนเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” ฮูหยินหลิวยิ้ม นัยน์ตามีความงุนงงสายหนึ่งวาบผ่าน
ส่วนคุณหนูหลิวที่เก้าผู้นั้นก้มหน้าลง ท่าทางขี้อายยิ่งนัก
เฉิงเจียกระซิบที่ข้างหูของนางว่า “เจ้าว่าคุณหนูหลิวที่เก้ากับเจ้า เหมือนกันหรือไม่”
โจวเสาจิ่นลอบมองอย่างละเอียด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เห็นมีตรงไหนที่เหมือนกันเลย
“คุณหนูหลิวที่เก้างดงามยิ่ง” นางกระซิบตอบ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน