จี๋อิ๋งไม่ตอบอะไร
โจวเสาจิ่นเบิกตาโตอย่างตกใจ
หรือว่าแม้แต่เขียนจดหมายก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ
นั่นไม่เท่ากับว่าเป็นการกักขังไปแล้วหรือไร
เหตุใดท่านน้าฉือต้องปฏิบัติกับครอบครัวของจี๋อิ๋งเช่นนี้ด้วย
นางรู้สึกได้รางๆ ว่าคำตอบนี้อาจกระทบต่อมิตรภาพระหว่างนางกับจี๋อิ๋งได้ จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา กล่าวขึ้นว่า “ข้าหมักเหล้าดอกกุ้ยฮวาเอาไว้หลายไห หลังวันที่เก้าเป็นต้นไปก็เปิดฝาดื่มได้แล้ว เจ้าเอากลับไปสักหน่อยดีหรือไม่ ฝังเอาไว้ใต้ต้นไม้ ช่วงรับประทานปูจะได้เอาออกมาดื่ม ช่างเข้ากันยิ่งนัก”
จี๋อิ๋งไม่ได้เกรงใจอีก นางนำกลับไปด้วยสองไห
โจวเสาจิ่นสนทนาเรื่องโน้นเรื่องนี้กับจี๋อิ๋งอยู่พักใหญ่ อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาก กระทั่งไปที่เรือนหานปี้ซาน เห็นปี้อวี้กำลังคอยกำกับสั่งการบ่าวรับใช้หลายคนให้ช่วยกันเปลี่ยนของตกแต่งต่างๆ ของห้องโถงหลักอยู่ นางจึงวิ่งเข้าไปดูด้วยสักหน่อย
ห้องโถงกลางที่เดิมทีแขวนคำว่า ‘ทวยเทพชี้ทาง’ เอาไว้ก็เปลี่ยนเป็นแขวน ‘สุขสันต์วันคล้ายวันเกิด’ แทน บนโต๊ะวางดอกไม้ที่เดิมทีวางเฟิร์นหน่อไม้ฝรั่งประดับเอาไว้ก็เปลี่ยนเป็นวางต้นว่านเขียวหมื่นปีแทน เบาะรองนั่งลายเมฆมงคลก็ถูกแทนที่ด้วยเบาะรองนั่งลายตัวอักษรความสุขและอายุยืนยาวทั้งห้า…กล่าวคือ เครื่องตกแต่งทุกอย่างล้วนถูกเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความหมายของ ‘การมีอายุยืนยาว’ ทั้งสิ้น
โจวเสาจิ่นยิ้มพลางถามปี้อวี้ว่า “ถึงเวลานั้นจะใช้ที่แห่งนี้เป็นสถานที่กล่าวคำอวยพรแด่ฮูหยินผู้เฒ่าหรือ”
“อื้อ!” ปี้อวี้กล่าวยิ้มๆ “ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่านางอายุมากแล้ว หากต้องไปๆ มาๆ ไม่เพียงสร้างความลำบากกายให้กับตัวนางเองแต่ยังสร้างความลำบากกายให้คนที่มาอวยพรนางด้วย ยังบอกอีกว่าเป็นเพียงวันเกิดธรรมดาไม่ใช่วันครบรอบมหาวันเกิด[1] จึงยังไม่เชิญนายท่านผู้เฒ่าที่ยังมีชีวิตอยู่ของครอบครัวลูกศิษย์ลูกหาหรือสหายเก่า แต่จะเชิญเพียงบรรดาสตรีจากไม่กี่ครอบครัวที่ไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิดในยามปกติเท่านั้น หลังจากที่ผู้อาวุโสอยู่คำนับนางที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไปกินดื่ม ชมงิ้ว และเล่นไพ่ต่างๆ ที่เรือนอวิ้นเจิน เหลือสะใภ้เอาไว้เพียงไม่กี่คนอยู่สนทนาเป็นเพื่อนนางที่นี่ก็พอเจ้าค่ะ”
“ช่างเรียบง่ายยิ่งนัก!” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ
แม้แต่ตอนงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่ากวนจวนสี่ ก็ยังคึกคักมากกว่านี้อยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำไป
ปี้อวี้กล่าวขึ้นอย่างมีความนัยว่า “เมื่อหลายปีก่อน ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้ที่เคยเข้าวังไปคำนับไทเฮาและฮองเฮามาก่อน ต่อให้เป็นงานที่หรูหรายิ่งกว่านี้ แต่จะเปรียบกับงานเลี้ยงในวังได้อย่างไร”
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ผู้ที่เคยปีนขึ้นภูเขาสูงใหญ่อย่างเขาไท่ซานมาก่อนย่อมเห็นภูเขาที่อยู่เบื้องล่างอื่นๆ กลายเป็นสิ่งเล็กน้อยใช่หรือไม่”
“เป็นไปตามหลักความจริงข้อนั้นเลยเจ้าค่ะ!” ขณะที่ปี้อวี้กับนางกำลังคุยเล่นกันอยู่นั้น หยวนซื่อก็เดินเข้ามาพร้อมกับบ่าวรับใช้หลายคนเดินห้อมล้อมตามมาด้วย
“เสาจิ่น!” หยวนซื่อกล่าวทักทายนางอย่างยิ้มแย้มมาจากไกลๆ
เนื่องจากอยู่ห่างไกล หยวนซื่อจึงให้คนนำของขวัญสำหรับใช้ในพิธีอาบน้ำครบรอบสามวันของทารกแรกเกิดไปให้เฉิงเซียวที่ถงเซียงตั้งแต่กลางเดือนแปดแล้ว เหลือเพียงรอวันให้เฉิงเซียงคลอดบุตรเท่านั้น และเช้าวันนี้นางก็ได้รับข่าวจากหมัวมัวที่มาแจ้งข่าวว่า ผ้าคลุมเด็กทารกสำหรับมอบให้บุตรของเฉิงเซียงที่ปักตามลวดลายของโจวเสาจิ่นนั้นไม่เพียงทำให้บรรดาสตรีที่ตระกูลหยวนกล่าวชื่นชมกันไม่ขาดปากเท่านั้น นอกจากนี้ในวันพิธีอาบน้ำครบรอบสามวันของทารกแรกเกิดนั้น แม่สามีของเฉิงเซียวยังเลือกผ้าผืนนั้นไปใช้สำหรับคลุมทารกด้วยตัวเอง ทำให้สิ่งของที่ตระกูลเฉิงส่งไปให้นั้นเป็นที่รู้จักและถูกกล่าวถึง
ใบหน้าของหยวนซื่อจึงยิ่งสดใสและเบิกบาน
นางหมายจะไปดึงมือของโจวเสาจิ่น
โจวเสาจิ่นกลับยกมือขึ้นสางผม
หยวนซื่อไม่ได้ใส่ใจมากนัก ยิ้มพลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นางฟัง กล่าวขึ้นว่า “ครั้งนี้ต้องขอบใจเจ้ามาก ให้พี่สาวเซียวของเจ้าได้มีหน้ามีตา พี่สาวเซียวของเจ้าตั้งใจเขียนจดหมายกลับมาให้เป็นการเฉพาะ ให้ข้ามากล่าวขอบคุณเจ้า นอกจากนี้ยังให้ป้ารับใช้ที่นำของขวัญไปมอบให้นั้นนำของประดับตกแต่งกลับมาให้เจ้าด้วย ให้เจ้าอย่าได้เกรงใจเป็นอันขาด”
ของขวัญนั้นไม่ต้องก็ได้ ขอเพียงอย่ามารบกวนข้าให้ช่วยออกแบบลวดลายให้พวกเจ้าอีกก็พอ
โจวเสาจิ่นยิ้มน้อยๆ ทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์และงดงามของนางดูประหม่าและขี้อายเล็กน้อย
หยวนซื่อหัวเราะร่า ต้องการจะดึงนางไปพบฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วย
ปี้อวี้รีบกล่าวขึ้นว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าไปหานายท่านสี่ ต้องรออีกสักครู่ถึงจะกลับมา เชิญฮูหยินเข้าไปดื่มชาสักถ้วยก่อนเจ้าค่ะ!”
หยวนซื่อยิ้มพลางพยักหน้า
โจวเสาจิ่นถือโอกาสกล่าวอำลาหยวนซื่อแล้วกลับไปที่ห้องพระ
นางถามเสี่ยวถานว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดจู่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าถึงไปที่เรือนเสี่ยวซานฉงกุ้ย”
“เป็นเพราะว่าใกล้ถึงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเจ้าค่ะ!” เสี่ยวถานกล่าวยิ้มๆ “นายท่านใหญ่และนายท่านรองล้วนไม่อยู่บ้าน ฉะนั้นในงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า จึงปรารถนาให้นายท่านสี่มาร่วมงานด้วยเจ้าค่ะ!”
“ที่ผ่านมานายท่านสี่ไม่เคยเข้าร่วมงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าเลยหรือ” โจวเสาจิ่นตกใจเป็นอย่างมาก
“ข้าได้ยินพวกพี่สาวปี้อวี้พูดกันว่า ดูเหมือนหลายปีก่อนหน้านี้ล้วนไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวถานกล่าว “กล่าวว่าเป็นเพราะมีเรื่องที่ร้านตั๋วแลกเงินอวี้ไท่ หลายปีนั้นฮูหยินผู้เฒ่าล้วนไม่มีความสุขนัก และเพราะเรื่องนี้ มีอยู่ปีหนึ่งที่นายท่านใหญ่เร่งกลับมาจากจิงเฉิงเพื่อร่วมงานวันเกิดสักครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุขได้…เป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่ไปที่เรือนเสี่ยวซานฉงกุ้ยด้วยตัวเอง นายท่านสี่ถึงได้มาร่วมงานอวยพรวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ทำให้สองปีมานี้เมื่อใกล้ถึงวันเกิด ฮูหยินผู้เฒ่าก็จะไปหานายท่านสี่เจ้าค่ะ”
นี่…นี่ออกจะแปลกเกินไปแล้ว!
แต่โจวเสาจิ่นก็ไม่กล้าแสดงความเห็นอะไร ตอนที่ไปกล่าวอำลาฮูหยินผู้เฒ่ากัว จึงลอบสังเกตสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วยความระมัดระวัง แต่น่าเสียดายที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีสีหน้าที่เคร่งขรึมยิ่งนัก นางจึงจับสังเกตอะไรไม่ได้เลย
วันต่อมานางจึงถามจี๋อิ๋งว่า “ท่านน้าฉือจะเข้าร่วมงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าหรือไม่”
“ในส่วนของงานเลี้ยงนั้นข้าก็ไม่ทราบ” จี๋อิ๋งกล่าว “แต่ต้องไปร่วมกล่าวอวยพรด้วยอย่างแน่นอน”
โจวเสาจิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “แล้วพวกเจ้าไม่รู้สึกว่ามันแปลกๆ บ้างเลยหรือ”
“มีเรื่องอะไรให้ต้องรู้สึกว่ามันแปลกๆ หรือ” จี๋อิ๋งเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ “ทั้งจวนมีแต่สตรี เขาเป็นบุรุษเพียงคนเดียว ถ้ากล่าวอวยพรเสร็จแล้วไม่กลับไป จะให้เขาอยู่ที่นั่นเพื่อสนทนากับบรรดาป้าๆ และพี่สะใภ้หรืออย่างไร”
คำพูดนี้ก็ออกจะเสียดแทงมากเกินไป
โจวเสาจิ่นตัดสินใจว่าต่อไปจะถามเรื่องเช่นนี้กับจี๋อิ๋งให้น้อยลงสักหน่อย
***
และแล้ววันที่เก้าก็มาถึง โจวเสาจิ่นติดตามฮูหยินผู้เฒ่ากวน ฮูหยินใหญ่เหมี่ยน และโจวชูจิ่นไปที่เรือนหานปี้ซานตั้งแต่เช้าตรู่
ไม่คิดว่าจะมีคนมาถึงเช้ากว่าพวกนางเสียอีก
ฮูหยินผู้เฒ่าคนหนึ่งมาพร้อมกับฮูหยินอายุประมาณสี่สิบปีสองคน สะใภ้ที่ยังอยู่ในวัยแรกแย้มอีกสี่คน และบุตรสาวอายุระหว่างสิบสองสิบสามปีถึงสิบเจ็ดสิบแปดปีอีกประมาณเจ็ดถึงแปดคน ดูจากท่าทาง สงบเสงี่ยมและสงวนท่าที ไม่ได้มาจากครอบครัวธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน แต่เมื่อดูการแต่งตัวเสื้อผ้าหน้าผมแล้ว กลับธรรมดาสามัญยิ่งนัก ดูไม่เหมือนกับบรรดาสตรีจากตระกูลผู้มีชื่อเสียงเลย


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน