ครั้งนี้อย่างนั้นหรือ
แสดงว่ายังมี ครั้งก่อน ด้วยใช่หรือไม่
โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นว่า “เจ้าเดินออกมาเช่นนี้ ทางด้านท่านน้าฉือจะไม่เป็นอะไรแน่หรือ”
“มีอะไรให้ต้องกังวลด้วยหรือ” จี๋อิ๋งไม่ค่อยยินดีนัก กล่าวขึ้นว่า “เขาเป็นถึงเฉิงจื่อชวนมิใช่หรือ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้เขาลำบากได้อย่างไร” จากนั้นไปดึงโจวเสาจิ่นเอาไว้ “ไปกันเถอะๆ! จะมัวยืนอยู่ที่นี่ไปทำไมกัน”
โจวเสาจิ่นลังเลเล็กน้อย
จี๋อิ๋งกล่าว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจู่ๆ ก็เกิดอยากไปร่วมงานแต่งที่บ้านของสหายเก่าร่วมสำนักผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่เมืองไหลอันของนายท่านผู้เฒ่าที่เสียชีวิตไปนานแล้ว ยังบอกด้วยว่าเป็นการเดินทางไกล ไม่สะดวกสบายนัก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ท่านน้าฉือของเจ้าไปส่งนางให้ได้ ท่านน้าฉือของเจ้าเองก็รับปาก แต่ก่อนออกเดินทางเพียงไม่นานก็บอกว่าต้องการพาข้าไปด้วยอย่างกะทันหัน ในตอนนั้นข้ายังไม่รู้จักท่านน้าฉือของเจ้าดีเท่าตอนนี้ ยังคิดไปว่าท่านน้าฉือของเจ้าคงจะเปลี่ยนใจ ด้วยเห็นว่าข้าถูกขังอยู่ในบ้านจนตะไคร่ขึ้นหมดแล้ว ก็เลยใจอ่อน จึงตัดสินใจพาข้าออกไปข้างนอกบ้าง ตอนนั้นข้าดีใจเป็นอย่างมาก ยังทำชุดใหม่เสียหลายชุด และติดตามเขาไปที่ไหลอันด้วยอย่างดีอกดีใจ…”
นางกล่าวถึงตรงนี้ ก็โมโหจนหน้าอกหอบหายใจขึ้นๆ ลงๆ
โจวเสาจิ่นรีบถามขึ้นว่า “แล้วหลังจากนั้นเป็นอย่างไรบ้าง มีใครรังแกเจ้าหรือไม่”
“ใครจะกล้ารังแกข้า!” จี๋อิ๋งสบถออกมาเสียงหนึ่ง พร้อมพ่นคำผรุสวาทออกมาด้วยอีกชุดหนึ่ง กล่าวเสียงรอดไรฟันว่า “ผู้คนต่างคิดว่าข้าเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของท่านน้าฉือของเจ้า!”
แล้วเจ้าไม่ใช่หรือ
โจวเสาจิ่นเกือบจะโพล่งออกไป
นางรีบระงับปากเอาไว้
นึกถึงที่เคยเคลือบแคลงสงสัยในตัวจี๋อิ๋งเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ก็อดละอายใจขึ้นมาไม่ได้
จี๋อิ๋งเข้าใจไปว่าโจวเสาจิ่นคงจะตกใจมากเกินไป ก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร กล่าวต่อไปว่า “เจ้าว่าที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวต้องการให้ท่านน้าฉือของเจ้าเดินทางไปไหลอันให้ได้นั้นเพื่ออะไรหรือ ก็เพื่อไปดูตัวอย่างไรเล่า ท่านน้าฉือของเจ้ารู้แจ้งอยู่แก่ใจ กลับปิดบังข้าไว้แต่เพียงผู้เดียว ข้าเปรียบดังคนโง่ผู้หนึ่งก็ไม่ปาน ถูกเขาปั่นจนหัวหมุน รู้ว่าผู้อื่นเข้าใจข้าผิดก็ไม่ช่วยอธิบายแก้ไขให้กระจ่าง ข้าช่างโชคร้ายไม่มีที่สิ้นสุดเสียจริงๆ ที่ต้องมาเป็นสาวใช้ของเฉิงจื่อชวน…”
โจวเสาจิ่นไม่สบายใจนัก
จี๋อิ๋งเห็นแล้วรู้สึกขอลุแก่โทษเล็กน้อย
การที่ตนมาต่อว่าน้าของนางต่อหน้าโจวเสาจิ่นเช่นนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก
นางรีบตัดจบหัวข้อสนทนา กล่าวขึ้นว่า “พวกเราไปที่ห้องน้ำชากันเถิด”
โจวเสาจิ่นเองก็ไม่อยากรั้งอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าจะไปบอกสหายของข้าสักหน่อย พวกนางจะได้ไม่ต้องไปตามหาข้าเสียทั่วตอนที่ไม่พบข้า”
จี๋อิ๋งพยักหน้า
ทางด้านเวทีแสดงงิ้วก็มีเสียงดังเกรียวกราว การแสดงงิ้วเริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว
โชคดีที่ช่วงนี้โจวเสาจิ่นได้คลุกคลีกับบ่าวรับใช้ของเรือนหานปี้ซานจนคุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี เพียงนางหมุนกายไปก็หาคนให้ช่วยนำความไปแจ้งแก่เฉิงเจียและกูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้ได้แล้ว จากนั้นก็ไปที่ห้องน้ำชาพร้อมกับจี๋อิ๋ง
ในห้องน้ำชามีป้ารับใช้สองคนกำลังดูแลไฟบนเตา ถึงแม้ว่าป้ารับใช้สองคนนี้จะไม่รู้จักจี๋อิ๋งแต่ก็รู้จักโจวเสาจิ่นดี จึงพากันก้าวออกมาทำความเคารพโจวเสาจิ่นอย่างกระตือรือร้น
โจวเสาจิ่นตกรางวัลให้ทั้งสองเป็นเงินหลายร้อยเหรียญทองแดง ให้พวกนางช่วยต้มชามาให้ตนกับจี๋อิ๋งสักถ้วยหนึ่ง
ป้ารับใช้ทั้งสองคนคุ้นเคยกับการปฏิบัติหน้าที่ตามสถานการณ์เป็นอย่างดี ทราบว่าวันนี้มีคุณหนูมาที่จวนมากมาย อีกทั้งยังเห็นว่าการแต่งตัวของจี๋อิ๋งนั้นไม่ธรรมดาสามัญ ยังเข้าใจไปว่าโจวเสาจิ่นกับจี๋อิ๋งต้องการหาสถานที่หนึ่งสำหรับหลบผู้คนเพื่อมาพูดคุยกัน จึงกล่าวขอบคุณพลางยิ้มตาหยี หลังจากที่ชงชาสองถ้วยและนำของทานเล่นสองจานมาขึ้นโต๊ะให้แล้ว ก็เอ่ยขอตัวไปดูว่าทางด้านเวทีแสดงงิ้วมีผู้ใดต้องการเติมน้ำร้อนบ้างหรือไม่ แล้วก็เดินออกไปพร้อมถือกาน้ำขนาดใหญ่ไปด้วยสองกา
พอเข้ามาในห้องน้ำชา เสียงฆ้องและกลองพลันเปลี่ยนเป็นเบาลงมาก แก้วหูของโจวเสาจิ่นพลันเงียบสงบลง รู้สึกสบายใจขึ้นมาหลายส่วน
นางนั่งลงและดื่มชา
จี๋อิ๋งกลับนั่งไม่ติดที่เล็กน้อย เดินไปเดินมาอยู่ในห้องน้ำชา มองสำรวจไปทั่วทั้งสี่ด้าน แล้วดึงถั่วปากอ้าถ้วยเล็กๆ ออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าเอามาจากที่ไหน
นางกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “คุณหนูรอง พวกเรามาอบถั่วปากอ้ากินกันดีหรือไม่”
โจวเสาจิ่นเห็นว่าถั่วปากอ้านั้นจะต้มด้วยเครื่องเทศห้าชนิด จึงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ถั่วปากอ้านี้นำไปอบได้ด้วยหรือ”
“ทำไมจะไม่ได้” จี๋อิ๋งกล่าวยิ้มๆ “ตอนที่พวกข้าเป็นเด็ก ท่านพ่อมักจะนำถั่วปากอ้าพร้อมด้วยเครื่องเทศห้าชนิดไปอบในเตาไฟให้พวกข้ากิน รสชาติดีกว่าถั่วปากอ้าทั่วไปมากนัก เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่ถั่วปากอ้าอยู่ในเตาไฟ พอมันสุกได้ที่ก็มักจะแตกเสียงดังเป๊าะแป๊ะอยู่ในเตาและกระเด็นกระดอนออกมาจนทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยขี้เถ้า ต้องใช้เวลาและแรงไปมากกับการทำความสะอาด ทำให้ท่านแม่ของข้าโกรธเป็นอย่างมาก ไม่อนุญาตให้พวกข้าอบอะไรในเตาไฟกินอีก ทุกครั้งพ่อของข้าต้องแอบทำลับหลังแม่ของข้าถึงจะทำได้”
นางคงอยากจะหวนกลับไปหาความรู้สึกในตอนนั้นมากกว่าเพียงแค่จะอบถั่วปากอ้าเครื่องเทศห้าชนิดกินกระมัง
โจวเสาจิ่นยิ้ม
จี๋อิ๋งยกหม้อทองแดงที่อยู่บนเตาลงมา ใช้ที่คีบคีบถ่านออกมาเล็กน้อย จากนั้นนำถั่วปากอ้าไปฝังเอาไว้ในขี้เถ้า ปัดขี้เถ้าในมือไปด้วยพลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “เสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกครู่เดียวพวกเราก็จะมีถั่วปากอ้ากินกันแล้ว”
โจวเสาจิ่นนึกถึงคำพูดของจี๋อิ๋งเมื่อครู่นี้ จึงเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากัวตั้งใจพาท่านน้าฉือไปดูตัวเป็นการเฉพาะ แล้วเหตุใดถึงไม่สำเร็จหรือ”
จากมุมมองของนางแล้ว เฉิงฉือรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา นิสัยอบอุ่น อีกทั้งยังมียศถาบรรดาศักดิ์อยู่กับตัว หากคิดจะแต่งงาน ย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
จี๋อิ๋งบุ้ยปาก กล่าวขึ้นอย่างดูแคลนว่า “ในเวลานั้นท่านน้าฉือของเจ้าอายุขนาดนั้นแล้วแต่ยังเป็นเพียงซิ่วไฉผู้หนึ่งเท่านั้น อีกทั้งผู้อื่นเห็นว่าข้างกายเขายังมี สาวใช้อุ่นเตียง เช่นข้าอยู่อีกผู้หนึ่ง บิดามารดาที่รักบุตรสาวเหล่านั้นยังจะให้บุตรสาวของพวกเขาแต่งกับท่านน้าของเจ้าอยู่อีกหรือ”
โจวเสาจิ่นยิ้มแห้งไปสองครั้ง
“ถึงได้บอกว่าท่านน้าฉือของเจ้าผู้นี้เป็นคนเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก” ขณะที่จี๋อิ๋งกล่าว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเหม่อลอยขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวขึ้นมาอย่างหัวเสียว่า “และในครั้งนั้น ข้ายังได้พบกับเจียวจื่อหยางโดยบังเอิญอีกด้วย…”
เจียวจื่อหยาง…แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเป็นชื่อของบุรุษ
โจวเสาจิ่นบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา รีบกล่าวขึ้นว่า “เจียวจื่อหยางคือผู้ใดหรือ เป็นผู้ที่เจ้ารู้จักตั้งแต่ตอนอยู่ที่บ้านหรือ”
จี๋อิ๋งเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วค่อยๆ พยักหน้าเบาๆ
น่าสนใจยิ่งนัก!
โจวเสาจิ่นลองหยั่งเชิงถามขึ้นว่า “หรือว่าจะเป็นว่าที่สามีที่เจ้าไม่ได้แต่งงานด้วยผู้นั้น?”
จี๋อิ๋งไม่กล่าวอะไร
โจวเสาจิ่นพลันร้อนรนขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “เจ้าไม่ได้อธิบายให้เขาฟังเลยหรือ”
“จะอธิบายได้อย่างไร” ขณะที่จี๋อิ๋งกล่าว ขอบตาพลันแดงขึ้นมา เอ่ยขึ้นว่า “ในตอนนั้นแค่เขาเห็นข้าก็วิ่งหนีไปเสียแล้ว ข้าไล่ตามไปหาทั้งสองฝั่งถนนแต่ก็ตามหาเขาไม่เจอ” ขณะที่นางกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ ก็ปล่อยโฮออกมา “ไอ้สารเลวเฉิงจื่อชวน ข้าให้เขาช่วยอธิบายให้ข้า แต่เขากลับไม่เอ่ยอะไรเลยสักคำ…ชาตินี้ทั้งชาติข้าจะจำเอาไว้ว่าเขา ดี กับข้าอย่างไรบ้าง…”
โจวเสาจิ่นไม่เชื่อว่าท่านน้าฉือจะเป็นคนเช่นนั้น
แม้แต่คนแปลกหน้าอย่างนางเขาก็ยังให้ความช่วยเหลือเลย แล้วจะตั้งใจทำร้ายจิตใจของจี๋อิ๋งได้อย่างไร



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน