เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 14

ตอนที่ 14 ตั้งปณิธาน
“เด็กที่ไหน เด็กของตระกูลใด” มือของโจวชูจิ่นบีบไหล่ของโจวเสาจิ่นเอาไว้แน่น สีหน้าซีดเผือด “เจ้าพูดให้ชัดเจน เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ไหล่ของโจวเสาจิ่นเจ็บอย่างรุนแรงจนปวดร้อน นางพลันตื่นจากความทรงจำในอดีต ในใจรู้สึกหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้

เรื่องเหล่านั้นทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องราวในชาติที่แล้ว ตนเองไม่อาจปล่อยให้เรื่องราวในชาติที่แล้วส่งผลกระทบต่อความรู้สึกนึกคิด แยกไม่ออกระหว่างชาติที่แล้วกับชาตินี้ ทำเรื่องที่ทำร้ายผู้อื่นและตัวเองออกมา!

นางสบงสติอารมณ์ลง กล่าวว่า “ท่านพี่ ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ข้าเพียงอารมณ์ไม่ดี อยากจะร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของท่านพี่สักหน่อยเจ้าค่ะ”

“จริงหรือ” โจวชูจิ่นติดใจสงสัย

“ข้าไม่ได้หลอกท่านพี่จริงๆ เจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นแสดงท่าทีแง่งอน ใช้อุบายที่นางมักใช้บ่อยๆ หวังจะเบี่ยงเบนความสนใจของพี่สาว “ข้า ข้าเกิดความกลัวอยู่ในใจเจ้าค่ะ!”

ได้ยินน้องสาวพูดเช่นนี้ ความสงสัยที่อยู่ในใจของโจวชูจิ่นยิ่งมีมากยิ่งขึ้น

เมื่อกี้ตอนที่น้องสาวพิงอยู่ตรงหัวไหล่ของนาง แล้วพูดอะไรบางอย่างนั้น นางได้ยินอย่างชัดเจน น้ำเสียงนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นของหญิงสาวแต่งงานแล้วที่มีความขมขื่นซ่อนอยู่ผู้หนึ่งเพราะได้รับความเจ็บปวดมามากจากความไม่ยุติธรรม แต่ว่าน้องสาวเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่ได้รับการเลี้ยงดูให้อยู่แต่ในห้องหอและยังไม่พ้นวัยสิบสองปี…หรือว่าสิ่งที่รบกวนเสาจิ่นยังไม่ไปไหน?”

นางมองโจวเสาจิ่นขึ้นลงอย่างละเอียด ก็เห็นเพียงโจวเสาจิ่นที่แววตาสุกใส ท่าทางสงบ อากัปกิริยาก็ปกติ ไม่เหมือนลักษณะของคนที่ถูกของไม่ดีมารบกวน…หรือว่าน้ำมนต์ศักดิ์สิทธ์ของแม่ชีจิ้งฟางได้ผลขึ้นแล้ว? เพราะฉะนั้นของไม่ดีนั้นเลยแสดงอาการออกมาบ้างไม่แสดงอาการบ้าง?

ในใจของโจวชูจิ่นมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง คิดกับตัวเองว่าตนเองควรจะไปที่วัดฮุ่ยจี้อีกครั้งดีหรือไม่ สาวใช้วิ่งเข้ามากล่าวรายงาน “ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนมาเจ้าค่ะ!”

ฝานหลิวซื่อที่ยังคงไม่วางใจ ให้คนไปแจ้งข่าวให้กับฮูหยินใหญ่เหมี่ยน

นางเพียงม้วนผมขึ้นเป็นมวยอย่างง่ายมวยหนึ่ง หน้าไร้เครื่องสำอาง เครื่องประดับใดๆ ก็ไม่ได้สวม เห็นได้ชัดว่าพอได้รับข่าวแล้วก็รีบลุกขึ้นจากเตียงรุดมาที่นี่

โจวชูจิ่นกลัวว่าคนอื่นจะรู้เรื่องที่โจวเสาจิ่นถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงเป็นที่สุด เรื่องที่ไม่ระวังเพียงเรื่องหนึ่งก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเรื่องแต่งงานของโจวเสาจิ่นได้

นางรีบกระซิบเรื่องหนึ่งที่ข้างหูของฮูหยินใหญ่เหมี่ยน

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง หัวเราะพลางกล่าว “พวกเจ้าสองพี่น้องทำให้ข้าตกใจแทบแย่จริงเชียว” ขณะที่พูดก็กอดโจวเสาจิ่นเอาไว้ กล่าวขึ้น “จากนี้ไปก็โตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว” จากนั้นพูดเรื่องที่ควรระวังเกี่ยวกับระดูของผู้หญิงอีกต่างๆ มากมาย

โจวเสาจิ่นไม่ได้คุยกับใครเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว นางหน้าแดงไปหมด

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนเห็นเช่นนั้นจึงตัดจบหัวข้อสนทนา ยิ้มพลางสรุปกับโจวชูจิ่นอีกไม่กี่ประโยค ลุกขึ้นจากไป

สองพี่น้องตระกูลโจวส่งฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกลับนั้นได้พบกับซื่อเอ๋อร์ สาวใช้ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่ากวนตรงประตูใหญ่

นางยิ้มอ่อนโยนพลางย่อเข่าลงคำนับ กล่าวขึ้น “ฮูหยินผู้เฒ่าให้ข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่เรือนหว่านเซียงเจ้าค่ะ”

ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างทำอะไรไม่ถูก

ซื่อเอ๋อร์อธิบายว่า “หลายวันมานี้ฮูหยินผู้เฒ่าล้วนนอนหลับเป็นเวลาสั้น ขณะที่กำลังเตรียมตัวพักผ่อนนั้น เห็นมีคนจากเรือนหานชิวจุดโคมไฟมุ่งหน้ามาทางเรือนหว่านเซียง เลยให้ข้ามาสอบถามดูเป็นการพิเศษเจ้าค่ะ”

รู้ไปถึงท่านยายจนได้

โจวเสาจิ่นหน้าแดงด้วยความอับอาย

โจวเสาจิ่นกระซิบพูดกับซื่อเอ๋อร์สองสามประโยค สายตาของซื่อเอ๋อร์ตกอยู่ที่ร่างของโจวเสาจิ่นแล้วอมยิ้มพลางกล่าว “เช่นนั้นข้าไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่าก่อนเจ้าค่ะ”

ขายหน้าไปจนถึงเรือนเจียซู่แล้ว

ใบหน้าของโจวเสาจิ่นเห่อร้อน

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนและซื่อเอ๋อร์เดินไปทางเรือนหลัก ส่วนนางและพี่สาวกลับไปที่เรือนหว่านเซียง

ฝานหลิวซื่ออยู่ปรนนิบัติโจวเสาจิ่นเปลี่ยนเสื้อผ้าและดื่มน้ำตาลทรายแดงต้ม

โจวชูจิ่นกล่าวขึ้น “เสาจิ่น ข้ามีเรื่องอยากคุยกับเจ้าหลายอย่าง คืนนี้พวกเรานอนด้วยกันอีกก็แล้วกัน?”

โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกๆ

เห็นได้ชัดว่าพี่สาวสงสัยว่านางถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง แต่ก็ไม่เคยคิดถึงความปลอดภัยของตัวเอง ยังคงจะมานอนกับนาง สำหรับพี่สาวแล้ว ตนเองเป็นคนที่นางใส่ใจที่สุด สำคัญที่สุด และรักมากที่สุดมาโดยตลอด!

สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นหัวใจ มีความสุขของการถูกเอาอกเอาใจ

โจวเสาจิ่นตัดสินใจว่าจะใช้โอกาสนี้ยกเรื่องการกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งของตัวเองมาพูดกับพี่สาว ต้องทำให้พี่สาวเชื่อให้ได้ว่านางไม่ได้คิดเลอะเทอะไปเอง แต่เมื่อนางมองใบหน้าที่งดงามประณีตทว่ายากที่จะปิดบังความหมองหม่นของพี่สาวแล้ว นางก็เกิดความลังเลสายหนึ่ง

เมื่อชาติที่แล้วพี่สาวได้แบกรับความทุกข์ยากและความรับผิดชอบแทนนางมาแล้วมากมายยิ่ง ชาตินี้ยังจะให้พี่สาวแบกรับความทุกข์ยากและความรับผิดชอบแทนนางเหมือนอย่างชาติที่แล้วอีกอย่างนั้นหรือ นอกจากนี้ว่ากันตามจริงแล้ว อายุจริงของนางมากกว่าของพี่สาวอีก ควรจะเป็นนางที่มาดูแลพี่สาวถึงจะถูก!

นางลังเล

โจวชูจิ่นกล่าวขึ้นว่า “เสาจิ่น ข้าเห็นว่าอาการป่วยของเจ้าเกือบจะหายดีแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะพูดกับท่านยาย พวกเราสองพี่น้องไปขึ้นธูปไหว้พระที่วัดฮุ่ยจี้ด้วยกันเป็นอย่างไร?”

วัดฮุ่ยจี้ก็คือวัดเซนที่พี่สาวไปขอน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์มาให้นางเมื่อคราวก่อน

หญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานตัวคนเดียวพาสาวรับใช้ไปขึ้นธูปไหว้พระ พี่สาวต้องหาข้ออ้างเท่าไหร่ เสียชื่อเสียงไปแล้วเท่าไหร่กว่าจะสามารถโน้มน้าวท่านยายให้อนุญาตได้?

ในใจของนางปวดตุ้บๆ สำหรับเรื่องที่พี่สาวทำเพื่อนางและเรื่องที่นางเป็นสาเหตุให้พี่สาวต้องอับอาย

ชั่วขณะนั้น นางตั้งปณิธาน

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน