เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 144

การที่ฝานฉีทำให้ไหวซานจดจำชื่อเขาได้ ทั้งยังทำให้เขาเอ่ยถึงประโยคหนึ่งได้ แสดงว่าบ่าวเด็กผู้นี้ย่อมต้องโดดเด่นเหนือผู้อื่นเป็นแน่

เฉิงฉือเลิกคิ้วสงสัย

ไหวซานกล่าวขึ้นว่า “ปีนี้เขาเพิ่งจะอายุสิบสองปี แต่กลับซุกซ่อนตั๋วเงินห้าร้อยเหลี่ยงเอาไว้ในอกเสื้อแล้วขอรับ”

เงินห้าร้อยเหลี่ยงนั้น ซื้อเรือนขนาดเล็กหลังหนึ่งในเมืองหลวงพร้อมกับที่นาทำเลดีขนาดสี่สิบถึงห้าสิบหมู่ ครอบครองกิจการร้านค้าสองร้านบนถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในซงเจียง ทั้งยังเข้าร่วมหุ้นส่วนการค้าทางทะเลในหนิงโป…ยิ่งกว่านั้นยังทำให้พี่น้องหมางเมิงกัน ทำให้บิดามารดากลายเป็นศัตรูได้เลยทีเดียว

แม้กระทั่งตลอดชีวิตของผู้คนมากมายก็ล้วนไม่เคยทำเงินได้มากถึงห้าร้อยเหลี่ยง

เฉิงฉือยกยิ้มพลางกล่าวว่า “ให้คนจับตาดูเขาต่อไป ดูว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่”

ไหวซานตอบรับด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างนอบน้อม แล้วเอ่ยถามอีกว่า “เช่นนั้นทางด้านคุณหนูรองตระกูลโจว…”

“ส่งคนไปเฝ้าจับตาดูเอาไว้ก่อน” เฉิงฉือกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ในเมื่อนางส่งฝานฉีไปจิงเฉิง พวกเราเพียงต้องจับตาดูฝานฉีเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็วคงจะได้รู้ว่านางตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!”

ไหวซานขานรับว่า “ขอรับ” แล้วถอยออกไป

เฉิงฉือยืนเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ พลิกหาบัญชีเล่มหนึ่งออกมา

จากนั้นก็เปิดบัญชีเล่มนั้น บรรทัดแรกสุดจดบันทึกไว้ด้วยอักษรข่ายซู[1] ว่า วันที่สิบสองเดือนสิบเอ็ด รับหนังกระรอกสี่สิบสี่แผ่น

ลายมือบรรจง เขียนด้วยรูปแบบอักษรก่วนเก๋อ[2] อันเป็นรูปแบบมาตรฐานที่สุด

แม้ว่าจะผ่านมานานหลายปี แต่ก็ยังมองเห็นความเด็ดเดี่ยวและหนักแน่นที่ผู้เขียนอักษรเหล่านี้แสดงออกมาระหว่างที่ตวัดพู่กันจนเส้นสุดท้ายได้

นิ้วมือของเฉิงฉือลูบตัวอักษรเหล่านั้นเบาๆ จากนั้นก็หยิบบัญชีเล่มนั้นขึ้นมาแล้วโยนลงไปในกระถางไฟ

สะเก็ดไฟสาดกระเซ็น กระทบชายเสื้อของเฉิงฉือจนไหม้เป็นรูๆ หนึ่ง

***

เมื่อโจวเสาจิ่นกลับมาถึงเรือนหว่านเซียง ซือเซียงก็นำทรัพย์สินที่นางสั่งสมมานานนับปีออกมา นอกจากลิ่มเงินแล้ว ยังมีลิ่มทองหลายก้อนอีกด้วย

โจวเสาจิ่นพิเคราะห์มองลิ่มเงินลิ่มทองที่กองอยู่บนถาดสลักลายดอกไห่ถังเคลือบสีชาดราวกับตกอยู่ในภวังค์

ลิ่มเงินมงคลก้อนนั้น มีอยู่ปีหนึ่งที่เฉิงอี้ไปคารวะท่านยายของเขาในช่วงปีใหม่ ท่านยายของเขาได้ตกรางวัลเป็นลิ่มเงินมงคลหกก้อนแก่เขา นางรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อผ่านพ้นช่วงปีใหม่ เฉิงอี้จึงมอบให้นางก้อนหนึ่ง และบอกกับนางอย่างขอโทษขอโพยว่า หากไม่ใช่เพราะเป็นของขวัญจากผู้ใหญ่ ข้าก็คงมอบให้เจ้าทั้งหมดแล้ว

ส่วนลิ่มเงินสมปรารถนาสองสามก้อนนั้น เป็นลิ่มเงินที่พี่สาวมอบให้ คลับคล้ายว่าพี่สาวจะไปเป็นแขกเยือนตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แล้วมีคนมอบให้ พี่สาวจึงให้นางสองสามก้อน เพียงแต่ว่านางจำไม่ได้แล้วว่าเกิดขึ้นเมื่อใด

สำหรับลิ่มทองนั้น พี่สาวเฉิงเซิงของจวนหลักเป็นผู้มอบให้ จวนหลักร่ำรวยเงินทองเสมอมา อีกทั้งเฉิงเซิงก็เปรียบประดุจอัญมณีล้ำค่าของฮูหยินผู้เฒ่ากัว ทุกๆ ปีในช่วงตรุษจีน ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะมอบลิ่มทองถุงหนึ่งแก่เฉิงเซิง นางเห็นแล้วก็ตาวาวยิ่งนัก เฉิงเซิงจึงมอบให้นางมาสองสามก้อน

ซือเซียงเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณหนูรองเจ้าคะ ทั้งหมดนี้รวมกันแล้วมูลค่าประมาณสองร้อยเหลี่ยงเงิน ต้องการแลกทั้งหมดเป็นเงินหรือไม่เจ้าคะ”

โจวเสาจิ่นนิ่งเงียบไม่ตอบ

ลิ่มเงินลิ่มทองเหล่านี้ล้วนเป็นของขวัญที่ผู้หลักผู้ใหญ่มอบให้ หรือไม่ก็พวกพี่สาวน้องสาวมอบให้ทั้งหมด…

นางครุ่นคิดแล้วก็รู้สึกเสียดายยิ่งนัก ราวกับว่าตนเองได้ทอดทิ้งคำอวยพรของพวกผู้อาวุโสและน้ำจิตน้ำใจอันดีของพวกพี่สาวน้องสาวเพื่อเงินจำนวนเล็กน้อยก็ไม่ปาน

“อย่าเพิ่งแลกเลย” โจวเสาจิ่นกล่าวกำชับว่า “รอให้ข้าขาดแคลนเงินก่อนค่อยว่ากันอีกที”

ซือเซียงไม่สงสัยแต่อย่างใด ยิ้มพลางตอบรับ แล้วเก็บลิ่มเงินรางวัลเหล่านั้นลงไปใน**บเช่นเดิม

โจวเสาจิ่นลุกขึ้นมาเดินวนอยู่ในห้อง พลางครุ่นคิดว่าไม่สู้แต่งงานเสียยังจะดีกว่า หญิงที่แต่งงานแล้วจะมีทรัพย์สินส่วนตัวของตนเอง อยากจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ไม่เหมือนเฉกเช่นยามนี้ที่ดึงแขนเสื้ออย่างไรก็มองเห็นแขนอยู่ดี[3]

ไม่รู้ว่าคนอื่นผ่านวิกฤตเช่นนี้ไปได้อย่างไร

จากนั้นนางก็ไปรับมื้อเย็นที่เรือนเจียซู่ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ฮูหยินผู้เฒ่ากวนกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยนก็ปรึกษากันถึงเรื่องของขวัญพิธีครบรอบเดือนที่จะมอบให้บุตรชายคนรองของเฉิงสือจวนรอง

นอกจากเสื้อผ้า ถุงเท้าและรองเท้าของทารกแล้ว ยังมีสร้อยแม่กุญแจอายุยืน[4] ที่ทำจากเงินและทอง กำไลข้อมือ กำไลข้อเท้า และเงินประมาณห้าสิบถึงหกสิบเหลี่ยงปะปนกัน

โจวเสาจิ่นตะลึงงัน

นี่เป็นเพียงพิธีครบรอบเดือนเท่านั้น หากถึงพิธีครบร้อยวันจะไม่ยิ่งมากกว่านี้อีกหรือ!

ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากวนย่อมไม่รู้ว่าโจวเสาจิ่นกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ จึงบอกนางกับโจวชูจิ่นว่า “พวกเจ้าเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน ส่งงานเย็บปักสักสองสามชิ้นไปให้ก็พอ”

โจวเสาจิ่นจึงรู้สึกว่าการเป็นเด็กสาวนั้นก็ไม่เลวนัก ยามที่ต้องแสดงน้ำใจต่อกันพวกนางก็เพียงแค่มอบของขวัญตามความเหมาะสม ไม่ต้องกังวลถึงมูลค่าของขวัญให้มากนัก

ทว่าปัญหาเรื่องเงินนี้จะทำอย่างไรดีนะ นางยังคิดไม่ตกเสียที

กระทั่งหลานของจวนหลักกับหลานของจวนรองทำพิธีครบรอบเดือนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงถึงพิธีแจกเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาว

ไม่ว่าจะเป็นการกราบไหว้บรรพชน ตระเตรียมของขวัญวันปีใหม่ เก็บค่าเช่าที่ ตรวจนับสมบัติ เร่งทำเสื้อผ้าผืนใหม่สำหรับปีใหม่…ทั้งในจวนและนอกจวน ต่างก็เริ่มยุ่งมากขึ้นแล้ว ทุกคนต่างก็เริ่มรอคอยปีใหม่กันอย่างแช่มชื่น

ทางด้านห้องศึกษาจิ้งอันก็กลับมาเปิดการเรียนการสอนอีกครั้ง วันเวลาของโจวเสาจิ่นจึงเงียบสงบและเป็นระเบียบเหมือนเช่นเคย ทุกๆ เช้าไปเรียนที่ห้องศึกษาจิ้งอัน ตอนบ่ายไปคัดพระธรรมที่เรือนหานปี้ซาน ตอนเย็นทำงานเย็บปักถักร้อย บางครั้งบางคราวก็ทะเลาะกับเฉิงเจีย และทุกๆ สองสามวันก็ไปเยี่ยมจี๋อิ๋ง

ในที่สุดจี๋อิ๋งก็คัด ‘บัญญัติสอนหญิง’ ครบห้าร้อยจบเสร็จก่อนที่จะถึงเทศกาลล่าปา

โจวเสาจิ่นรู้สึกไม่เชื่ออยู่บ้าง เบิกตากว้างอย่างฉงนพลางกระซิบกล่าวว่า “ตอนที่ข้ามาเยี่ยมเมื่อสองสามวันก่อน ยังเห็นแค่ห้าหกเล่มวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือของเจ้าอยู่เลย ไฉนจู่ๆ ถึงได้คัดเสร็จหมดแล้วล่ะ”

จี๋อิ๋งขึงตาใส่นาง กระซิบกลับไปว่า “เจ้าแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นบ้างไม่ได้หรือ”

โจวเสาจิ่นเข้าใจได้ในทันใด ดวงตาจึงเบิกกว้างยิ่งขึ้น

จี๋อิ๋งหัวเราะคิก

โจวเสาจิ่นเอ่ยถามว่า “ใครช่วยเจ้าคัดหรือ”

จี๋อิ๋งตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าให้เงินฉินจื่อผิงไปหนึ่งร้อยเหลี่ยง ฉินจื่อผิงจึงช่วยข้าคัด”

มีเรื่องที่ดีขนาดนี้ด้วยหรือ

โจวเสาจิ่นมองนางอย่างคลางแคลงใจ

จี๋อิ๋งร้องว่า “เฮ้” ครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “สายตาเช่นนี้ของเจ้าหมายความว่าอะไร ข้าทำไม่ถูกหรืออย่างไร ท่านพ่อของข้าบอกว่า ถ้าหากใช้เงินแก้ปัญหาได้ก็ให้ใช้เงินแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด มันไม่คุ้มค่าที่ต้องมาเจ็บเนื้อเจ็บตัว”

โจวเสาจิ่นปาดเหงื่อ

บิดาของจี๋อิ๋งมีความคิดเห็นล้ำลึกอีกแล้ว…บางครั้งก็ต้องยอมรับว่า ถ้อยคำของเขามีเหตุผลยิ่งนัก

จากนั้นโจวเสาจิ่นก็ถามนางว่า “ช่วงเทศกาลล่าปา เจ้ามีแผนการอะไรบ้าง อยากจะไปรับประทานโจ๊กกับข้าหรือไม่ พี่สาวของข้าบอกว่า ปีนี้จะสอนข้าต้มโจ๊ก”

ตอนที่ 144 เพิกเฉย 1

ตอนที่ 144 เพิกเฉย 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน