เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 150

ย้ายบ้านด้วยตัวเอง!

โจวเสาจิ่นเบิกดวงตากว้างอย่างตกตะลึง เห็นจี๋อิ๋งกำลังคุยอยู่กับบุรุษที่อยู่ตรงหน้า นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองบุรุษผู้นั้น

บุรุษผู้นั้นสวมชุดเผาจื่อผ้าไหมลู่สีน้ำตาลตัวหนึ่ง อายุประมาณยี่สิบสองถึงยี่สิบสามปี รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาวเนียนละเอียด ดูไปแล้วองคาพยพทั้งห้ามีความคล้ายคลึงกับฉินจื่ออันอยู่หกถึงเจ็ดส่วน ใบหน้าแต้มรอยยิ้มแม้นไม่พูด ไม่เพียงดูอ่อนโยนและสุภาพเรียบร้อยกว่าฉินจื่ออันเท่านั้น ยังดูเป็นมิตรกว่าฉินจื่ออันอีกด้วย

หรือว่าเขาคือฉินจื่อผิงที่จี๋อิ๋งชอบกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ ผู้นั้น

ขณะที่โจวเสาจิ่นกำลังคาดเดาอยู่นั้น

บุรุษผู้นั้นก็ราวกับรู้สึกได้ถึงการมาถึงของนาง จึงหันมามองโจวเสาจิ่น

สายตาของคนทั้งสองสบประสานกันพอดี

นอกจากจะลอบสำรวจผู้อื่นอย่างไร้มารยาทเช่นนี้แล้ว ยังถูกผู้อื่นจับได้คาหนังคาเขาอีกด้วย ใบหน้าของโจวเสาจิ่นจึงขึ้นสีแดงเรื่อ รีบหันไปพยักหน้าให้บุรุษผู้นั้น และยิ้มออกมาอย่างขัดเขิน

บุรุษผู้นั้นประหลาดใจเล็กน้อย กำลังจะกล่าวอะไรสักอย่าง ทว่าจี๋อิ๋งเดินเข้ามาหาเสียก่อนด้วยอาการดีใจ “คุณหนูรอง เจ้ามาได้อย่างไร เหตุใดถึงไม่ให้สาวใช้มาบอกก่อน ที่นี่ข้าวของรกรุงรังยิ่งนัก…” ขณะที่นางกล่าว ก็ย่นคิ้วขึ้น แล้วกล่าวกับบุรุษชุดน้ำตาลผู้นั้นอย่างไม่เกรงใจว่า “ฉินจื่อผิง เจ้าไปหาชากับของกินเล่นมาให้ข้าสักหน่อย ตอนที่ขนย้ายข้าวของมาเมื่อครู่ ไม่รู้ว่าเอาใบชาไปวางที่ใดเสียแล้ว”

ฉินจื่อผิงขาน “อืม” ออกมาเสียงหนึ่ง แล้วก็เดินออกไปอย่างเชื่อฟัง

จี๋อิ๋งจึงดึงโจวเสาจิ่นไปนั่งด้านในห้อง

ตอนที่เดินผ่านห้องโถงนั้น โจวเสาจิ่นถึงได้เห็นว่ามีบ่าวรับใช้สองคนกำลังช่วยกันจัดเก็บข้าวของกันอยู่

นางถามขึ้นว่า “นี่มันอะไรกันหรือ การย้ายบ้านเป็นเรื่องใหญ่ แต่เหตุใดถึงจัดคนมาช่วยเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ข้าฟังจากน้ำเสียงของเจ้าแล้ว นี่คงเป็นความตั้งใจของท่านน้าฉือ ท่านน้าฉือตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รับคนเพิ่มใช่หรือไม่ หากไม่ไหวข้าจะให้คนจากเรือนหว่านเซียงมาช่วยเจ้าขนย้ายของ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่คุ้มค่ากับการต้องบันดาลโทสะหรอก”

เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ทำให้จี๋อิ๋งหัวเสียเป็นอย่างมาก นางดูผ่อนคลายลงราวกับได้ปลดภาระอันหนักอึ้งลง จับมือของโจวเสาจิ่นเอาไว้พลางกล่าวว่า “ไอโหยว ยังดีที่เจ้ามาหา ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ เสียแล้ว ประเดี๋ยวพอฉินจื่อผิงเข้ามาแล้วข้าจะถามฉินจื่อผิง ไม่ให้จ้างคนจากข้านอก แต่บ่าวรับใช้ของพวกเจ้าคงใช้ได้กระมัง ถ้าหากแม้แต่คนเหล่านี้ก็ยังเชื่อถือไม่ได้ ข้าก็อับจนหนทางแล้ว คงทำได้แต่ขนย้ายวันนี้สักหน่อยแล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยขนย้ายอีกสักหน่อย ขนถึงเมื่อไรก็เมื่อนั้น จะคอยดูว่าเขาจะว่าอย่างไร”

โจวเสาจิ่นหัวเราะพลางพยักหน้า

ฉินจื่อผิงกลับเข้ามา เขาไม่เพียงนำใบชาเข้ามาให้พวกนางเท่านั้น ยังนำอุปกรณ์ชงชาศิลาดลมาให้ด้วย

โจวเสาจิ่นจึงเชิญฉินจื่อผิงดื่มชาด้วยกัน

แต่ยังไม่ทันที่ฉินจื่อผิงจะได้เอ่ยปาก จี๋อิ๋งก็กล่าวขึ้นมาเสียก่อนว่า “เขาไหนเลยจะมีเวลามานั่งดื่มชา ท่านน้าฉือของเจ้าต้องการให้พวกเราทั้งหมดย้ายเข้าไปอยู่ที่เรือนลี่เสวี่ยก่อนวันที่ยี่สิบสอง ส่วนของข้าทางนี้ยังดีหน่อย นอกจากดาบเล่มนั้นแล้ว ก็ไม่มีของมีค่าอะไรแล้ว ที่แตกได้ก็แตกไปแล้ว ที่หยิบฉวยได้ก็หยิบฉวยไปแล้ว แต่ทางด้านของหนานผิงนั้นน่าเป็นห่วงกว่ามาก นอกจากซุ้มดอกไม้แล้วยังมีโต๊ะตัดเย็บเสื้อผ้า กระดาษ สีวาดภาพ เศษผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่างๆ…และอีกมากมายนัก แค่**บใส่ของก็บรรจุไปแล้วกว่ายี่สิบถึงสามสิบ**บ เขาต้องไปช่วยหนานผิงขนของอีก”

โจวเสาจิ่นจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นพวกเราไม่รั้งเจ้าเอาไว้แล้ว”

ฉินจื่อผิงมองจี๋อิ๋งครั้งหนึ่ง ประสานมือคำนับแล้วเดินจากไป

โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นว่า “พ่อบ้านฉิน โกรธแล้วใช่หรือไม่”

“โกรธหรือ” จี๋อิ๋งกล่าวขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดเขาต้องโกรธด้วยเล่า” กล่าวจบ นางก็กล่าวขึ้นอีกครั้งราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า “หรือว่าเป็นเพราะเมื่อครู่ข้าชี้นิ้วสั่งเขาต่อหน้าเจ้า เขาก็เลยโกรธอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่หรอกมั้ง…เมื่อก่อนข้าก็มักจะชี้นิ้วสั่งเขาต่อหน้าหนานผิงกับไหวซานอยู่บ่อยๆ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา…” นางคิดไม่ออก จึงไม่เสียเวลาคิดอีก กล่าวขึ้นว่า “พวกเราอย่าสนใจเรื่องของเขาเลย เขาผู้นี้เป็นคนไม่เลวนัก ต่อให้โมโห แต่คาดว่าประเดี๋ยวก็คลายลงแล้ว” จากนั้นก็รินน้ำชาให้โจวเสาจิ่นด้วยตัวเองหนึ่งจอก กล่าวขึ้นว่า “เจ้ามาหาข้า คงมีเรื่องอะไรกระมัง”

“ก็ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร…” เนื่องจากเฉิงอี้เป็นญาติผู้พี่ของตน โจวเสาจิ่นจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “ในวันเทศกาลล่าปาวันนั้น ข้าเชิญเจ้ากับพี่สาวเจียไปรับประทานโจ๊กล่าปาด้วยใช่หรือไม่ วันนั้นพี่ชายอี้ก็อยู่ด้วย…”

นางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จี๋อิ๋งฟังอย่างอึกๆ อักๆ

จี๋อิ๋งประหนึ่งถูกก้อนหินทุบตรงหลังศีรษะก็ไม่ปาน ครู่ใหญ่แล้วก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด จนกระทั่งได้สติกลับมา ก็โกรธจนกระโดดตัวโหยงขึ้นมา “สารเลว เขาใช้ตาข้างไหนมองว่าข้าเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของเฉิงจื่อชวนอย่างนั้นหรือ” ขณะที่กล่าว ก็หมุนตัวหมายจะไปหยิบดาบที่แขวนอยู่บนผนังบ้านเล่มนั้น

โจวเสาจิ่นตกใจจนใบหน้าซีดเผือด

หากปล่อยให้จี๋อิ๋งถือดาบแล้วพุ่งออกไปเช่นนี้ ต่อให้มีท่านน้าฉือคอยปกป้อง ก็เกรงว่าอาจจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้เสียแล้ว!

หากเกิดไปทำร้ายเฉิงอี้จนบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ…นางกับพี่สาวคงไม่มีหน้าไปเจอท่านยายกับท่านป้าใหญ่แล้ว

โจวเสาจิ่นจึงกอดเอวของจี๋อิ๋งเอาไว้แน่นโดยไม่คิด และกล่าวขึ้นอย่างร้อนรนว่า “จี๋อิ๋ง ข้ารู้ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของพี่ชายอี้ของข้า แต่ขอให้เจ้าเห็นแก่หน้าของข้า อย่าไปมีเรื่องกับเขาเลย ท่านยายกับท่านป้าใหญ่ของข้าไม่ใช่คนประเภทที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ตราบใดที่เจ้าไม่ยินยอม ย่อมไม่มีทางบีบบังคับเจ้าให้ไปติดตามอยู่กับพี่ชายอี้ของข้า เจ้าวางใจได้เลย…”

จี๋อิ๋งสลัดตัวหนีจนโจวเสาจิ่นถูกทิ้งค้างเติ่งเอาไว้กลางอากาศ

โจวเสาจิ่นตะลึงงัน

ตอนที่ 150 แก้ไข 1

ตอนที่ 150 แก้ไข 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน