เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 149

ไหวซานเอ่ยถามอย่างประหลาดใจว่า “ในเมื่อท่านไม่ได้รับราชการ เหตุใดถึงอยากจะได้ตำแหน่งยศผิ่นขั้นสี่หรือขอรับ”

เฉิงฉือพิงพนักเก้าอี้มีเท้าแขนอย่างอิดโรยเล็กน้อย พลางตอบว่า “หลายปีมานี้เซียงจื้อหย่งผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการของไหวอันช่วยพวกเราเอาไว้ไม่น้อย ข้าจะไปแล้ว แต่ไม่อาจไม่เตรียมการเอาไว้ให้ผู้คนเหล่านี้ได้ ไหวอันนั้นสลับซับซ้อนมาแต่ไหนแต่ไร เบื้องหน้ามีจวนของผู้ว่าการขนส่งทางน้ำกับผู้ว่าการจัดการเกลือของสองฟากฝั่งแม่น้ำไหว เบื้องหลังมีเจ้าเมืองไหวอันกับนายอำเภอไหวอัน ข้าไตร่ตรองดูแล้วหากโยกย้ายเขาไปที่ซงเจียงหรือหูโจว จะดีจะร้ายก็เป็นขุนนางชั้นสูงที่ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมของกรมใดกรมหนึ่ง ไม่ต้องถูกผู้อื่นบีบคั้นมากนัก”

คำพูดที่เสมือนกับคำสั่งเสียเช่นนี้ทำให้ไหวซานรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เขาพยักหน้าตอบเบาๆ พลางกล่าวว่า “นายท่านสี่พิจารณาได้อย่างรอบคอบ เซียงจื้อหย่งผู้นี้ก็รั้งอยู่ในตำแหน่งเลขานุการของเมืองไหวอันมาเกือบสิบปีแล้ว จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการโยกย้ายสถานที่แล้วขอรับ”

เฉิงฉือพยักหน้า พลางกล่าวว่า “หลักๆ เป็นเพราะเขาพัวพันกับพวกเรามากเกินไป หลังจากที่ข้าไปแล้ว เกรงว่าวันเวลาของเขาจะไม่สู้ดี แต่ที่เจ้อเจียงมีซ่งเซียนหมิง ด้วยเห็นแก่หน้าของข้า ขอเพียงเซียงจื้อหย่งไม่กระทำความผิดใดๆ ไม่ว่าอย่างไรซ่งเซียนหมิงก็ปกป้องเขาให้อยู่รอดปลอดภัยได้ รออีกสักสองสามปี เมื่อเรื่องเงียบลงแล้ว วิหคก็จะโบยบินสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ได้อย่างอิสระ มัจฉาก็จะแหวกว่ายไปตามมหาสมุทรอันไพศาลได้อย่างเสรีแล้ว”

ไหวซานนิ่งงัน

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “จริงสิ ในเมื่อเฉิงเจียซ่านจะไม่กลับมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ด้วยอุปนิสัยของท่านแม่ของข้า ย่อมต้องให้หยวนซื่อไปร่วมฉลองกับพวกเขาพ่อลูกที่จิงเฉิงด้วยอย่างแน่นอน ตรุษจีนปีนี้ท่านแม่คงจะรู้สึกโดดเดี่ยวไม่น้อย เจ้าไปแจ้งคนที่เรือนหานปี้ซานให้ที บอกว่าปีนี้ข้าจะร่วมส่งท้ายปีกับท่านแม่ พวกเจ้าก็จัดเตรียมพลุกับดอกไม้ไฟเอาไว้สักหน่อย…ท่านแม่ชื่นชอบการจุดพลุยิ่งนัก ข้ายังจำตอนที่ท่านพ่อมีชีวิตอยู่ได้ดี ทุกๆ ปีในช่วงตรุษจีนเขาจะซื้อพลุกลับมามากมาย อ้างว่าซื้อมาเพื่อให้ข้าเล่น แต่ความจริงแล้วก็คือต้องการจะเอาใจท่านแม่…”

ขณะที่เขากล่าว ก็ค่อยๆ ดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความทรงจำ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นหม่นหมองขึ้นมา

***

ณ เรือนหว่านเซียง โจวเสาจิ่นมองซือเซียงอย่างประหลาดใจ พลางเอ่ยว่า “เจ้าว่าอะไรนะ หลี่ฉางกุ้ยกลับมาแล้ว!”

หลี่ฉางกุ้ยคือบริวารของโจวเจิ้น

“เจ้าค่ะ!” ซือเซียงตอบ “บอกว่าพอนายท่านได้รับจดหมายของคุณหนู ก็เดือดดาลยิ่งนัก และให้หลี่ฉางกุ้ยเร่งกลับมาภายในคืนนั้นเลยเจ้าค่ะ ฮูหยินได้ยินว่าหลี่ฉางกุ้ยจะกลับมา ก็คิดได้ว่าใกล้ถึงปีใหม่แล้ว จึงส่งหลี่มามาคนข้างกายเดินทางมาคารวะคุณหนูทั้งสองท่านด้วยเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นย่นคิ้ว พลางถามว่า “นับวันดูแล้ว ฮูหยินก็น่าจะใกล้คลอดแล้วกระมัง เวลาเช่นนี้ ไฉนถึงได้ส่งหลี่มามามาอีก ส่งมามาคนอื่นมาสักคนก็ได้แล้ว นี่จะไม่เป็นการสร้างความลำบากอย่างไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ”

ซือเซียงเงียบงันไม่เอ่ยคำใด ทว่ากลับขบคิดอยู่ในใจ เกรงว่าพอฮูหยินคนใหม่ได้รับข่าว แล้วทราบว่าคุณหนูทั้งสองคนจับหลานทิงเข้าคุกไปแล้ว จึงรู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ และส่งมามาคนสนิทมากล่าวขอบคุณคุณหนูทั้งสองท่านเป็นแน่

จะว่ามากล่าวขอบคุณ ก็เกรงว่ายังไม่อาจเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมาได้

เพราะไม่รู้ว่าเมื่อหลี่มามาผู้นั้นได้พบคุณหนูทั้งสองท่านแล้วจะกล่าวอะไรบ้าง

นางเอ่ยถามโจวเสาจิ่นว่า “คุณหนูใหญ่กำลังสนทนากับหลี่ฉางกุ้ยอยู่เจ้าค่ะ หลี่มามาจึงรออยู่ด้านานอก ท่านว่า…”

“เช่นนั้นก็ให้นางเข้ามาเถอะ!” โจวเสาจิ่นตอบ ครุ่นคิดว่าตนเองก็ควรจะช่วยพี่สาวดูแลจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บ้าง นอกจากนี้นางก็อยากจะทราบเหลือเกินว่าตอนนี้บิดาเป็นอย่างไรแล้ว

ซือเซียงตอบรับแล้วออกไป ไม่นานนักก็เดินนำหลี่มามาเข้ามา

หรือว่าด้วยเหตุที่เร่งเดินทางมาข้ามวันข้ามคืน หลี่มามาที่สวมชุดสีเขียวนกแก้วจึงดูซีดเซียวลงไปเล็กน้อย

ครั้นนางเดินเข้ามาก็โขกศีรษะให้โจวเสาจิ่น

โจวเสาจิ่นตกใจเล็กน้อย

แม้จะกล่าวว่ามาคารวะพวกนางพี่น้อง แต่หลี่มามาเป็นบ่าวรับใช้ของหลี่ซื่อ หลี่ซื่อเป็นมารดาเลี้ยงของพวกนาง เมื่อน้ำขึ้นเรือย่อมลอยสูงขึ้น หลี่มามาควรปฏิบัติกับพวกนางอย่างเคารพนบนอบก็จริง แต่นี่ก็ออกจะพินอบพิเทาเกินไปแล้ว!

นางบอกให้ซือเซียงยกเก้าอี้เล็กตัวหนึ่งเข้ามา

หลี่มามากล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ไม่กล้าเจ้าค่ะๆ” แล้วกล่าวอีกว่า “ตอนที่ข้าเดินทางมา ฮูหยินกำชับเอาไว้ว่า ห้ามผู้น้อยเสียกิริยายามอยู่ต่อหน้าคุณหนูทั้งสองท่านเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นจึงไม่รบเร้าอีก แล้วถามไถ่ถึงหลี่ซื่อก่อน พอทราบว่านางสบายดีทุกประการ จากนั้นจึงถามไถ่ถึงโจวเจิ้นว่า “…ท่านพ่อสบายดีหรือไม่”

“เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ นายท่านจะสบายดีได้อย่างไรเจ้าคะ!” หลี่มามาซับขอบตา “ทั้งกินไม่ได้ ดื่มไม่ลง และนอนไม่หลับเลยเจ้าค่ะ เพียงผ่านไปแค่คืนเดียว ก็เห็นได้ว่าซูบผอมลงไปมาก บุคคลที่ใจดีขนาดนั้น ที่ยามเห็นพวกข้าที่แม้จะเป็นบ่าวรับใช้ทั้งหลายก็ยังปฏิบัติด้วยอย่างเมตตาปรานี ทว่าตอนนี้แม้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเรื่องเดียวกลับบันดาลโทสะดั่งอัสนีบาต พวกข้าก็ไม่รู้ว่ากระทำผิดตรงที่ใด ทั้งๆ ที่กระทำทุกอย่างเหมือนเช่นแต่ก่อน แต่จู่ๆ กลับเปลี่ยนเป็นทำอะไรไปก็ไม่ถูกใจสักอย่างเลยเจ้าค่ะ…ฮูหยินกล่าวว่า นายท่านราวกับมีเพลิงพลุ่งพล่านอยู่ในใจก็ไม่ปาน! ปล่อยให้ระบายเพลิงโทสะนี้ออกมาให้หมดก็คงจะดีขึ้น แต่สุดท้ายฮูหยินกลับยังคงเป็นห่วงนายท่าน แม้อุ้มท้องแก่อยู่ และมองเห็นว่าใกล้คลอดเต็มที แต่ก็ยังรออยู่ในห้องน้ำชาทุกวัน ด้วยเกรงว่านายท่านจะต้องการน้ำหรือน้ำชา…ฮูหยินครุ่นคิดดูแล้วก็กลัวว่าคุณหนูทั้งสองท่านจะรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งเป็นกังวลถึงนายท่าน จึงให้ข้ากลับมาพร้อมกับหลี่ฉางกุ้ยเป็นการเฉพาะ บอกว่าเผื่อคุณหนูทั้งสองท่านมีคำถามอะไร หากข้ากลับมาด้วยก็จะมีคนตอบคำถามได้สักคนหนึ่งเจ้าค่ะ”

หลี่ซื่อขบคิดได้อย่างรอบคอบจริงๆ

โจวเสาจิ่นผ่อนลมหายใจครั้งหนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า “หลี่ฉางกุ้ยจะกลับไปเมื่อใด”

หลี่มามากัดฟันแน่นพลางตอบว่า “เขาจะรอจนกว่าหลานทิงกับซินหลานบ่าวชั่วช้าสองคนนั้นถูกตัดสินโทษก่อนถึงจะกลับไปเจ้าค่ะ แต่ข้าต้องเร่งกลับไปคืนนี้ ฮูหยินใกล้จะคลอดแล้ว ข้าไม่กล้ารั้งอยู่นานเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นพยักหน้า พลางกล่าวว่า “ทางด้านท่านพ่อ คงต้องขอให้ฮูหยินช่วยดูแลใส่ใจให้มาก ส่วนฮูหยิน เจ้าก็ต้องดูแลให้ดี”

“เป็นหน้าที่ของบ่าวเฒ่าผู้นี้อยู่แล้วเจ้าค่ะ ไม่กล้าให้คุณหนูต้องกำชับเจ้าค่ะ”

ทั้งสองคนสนทนากันอีกสองสามประโยค จากนั้นหลี่มามาก็ล้วงถุงเงินสองถุงออกจากแขนเสื้อ เป็นถุงสีแดงชาดใบหนึ่ง สีน้ำเงินไพลินใบหนึ่ง ต่างปักเอาไว้ด้วยลายดอกไม้ “เนื่องจากรีบออกเดินทาง ฮูหยินจึงหาซื้อของขวัญให้คุณหนูทั้งสองท่านไม่ทัน ทำได้เพียงมอบถุงเงินสองถุงให้ข้านำมามอบให้คุณหนูทั้งสองท่านเท่านั้น บอกว่ามอบเป็นเงินแต๊ะเอียล่วงหน้าเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นให้ซือเซียงรับมา

จากนั้นโจวชูจิ่นก็เดินเข้ามา

สีหน้าของนางเยียบเย็นเล็กน้อย พูดคุยกับหลี่มามาสองสามประโยค พอทราบว่านางเพียงแค่มาคารวะพวกนางสองพี่น้อง จึงตกรางวัลเป็นอาหารมื้อหนึ่งและเงินอีกสิบเหลี่ยงให้นาง แล้วให้ฉือเซียงติดตามนางไปรับอาหารมื้อนั้นที่เรือนหลัง

โจวเสาจิ่นรีบนั่งลงข้างพี่สาว พลางเอ่ยถามว่า “หลี่ฉางกุ้ยว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน