เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 148

โจวเสาจิ่นคิดไม่ออกว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีเรื่องอะไรต้องการจะพูดคุยกับตน

นางไปเรือนหานปี้ซานด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยสงบนัก

ที่เรือนหานปี้ซานกำลังทำความสะอาดกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบนทางเดิน ใต้โถงทางเดิน บริเวณด้านหน้าของหน้าต่างล้วนมีสาวใช้และป้ารับใช้ถือผ้ากำลังเช็ดถูกันอยู่ รูปร่างหน้าตาไม่คุ้นหน้ายิ่งนัก

ปี้อวี้บอกนางยิ้มๆ ว่า “เป็นคนจากเรือนอวิ้นเจิน มาช่วยทำความสะอาดเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นขานรับว่า “อ่า” เสียงหนึ่ง

ปี้อวี้เดินนำนางไปยังห้องว่างที่อยู่ทางด้านหลังของเรือนหลัก

ที่นั่นเงียบเชียบ ไม่ค่อยมีคนสักเท่าไร ฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั่งอยู่บนตั่งหลัวฮั่น กำลังเอนตัวคุยอะไรบางอย่างอยู่กับสื่อมามาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก

พอเห็นโจวเสาจิ่นเดินเข้ามา ฮูหยินผู้เฒ่าก็หันมากวักมือเรียกนางด้วยใบหน้าโอบอ้อมอารี

โจวเสาจิ่นก้าวออกไปยอบตัวทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่า ปี้อวี้ยกเก้าอี้บุผ้าสักหลาดตัวหนึ่งมาวางลงตรงข้ามกับสื่อมามา

“ได้ยินมาว่าที่บ้านเจ้าเกิดเรื่องขึ้น” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวทำท่าทางบอกให้โจวเสาจิ่นนั่งลงเพื่อสนทนากัน จากนั้นถามขึ้นว่า “บิดาของเจ้าไม่อยู่จินหลิง เรื่องที่ต้องข้องเกี่ยวกับทางการ ต้องการให้ลุงใหญ่จิงของเจ้าช่วยออกหน้าไปสอบถามดูหรือไม่”

โจวเสาจิ่นประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวขึ้นชื่อเรื่องที่ว่าไม่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น กลับปฏิบัติกับนางเช่นนี้ ทำให้นางคิดไม่ถึงจริงๆ

นางรีบกล่าวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่ากัว “…ท่านลุงใหญ่เหมี่ยนได้ไปที่ศาลาว่าการเมืองมาแล้ว บ่าวหญิงทั้งสองคนก็ได้รับการจองจำเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ต้องการความช่วยเหลือของฮูหยินผู้เฒ่ากัว

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวย่นคิ้วขึ้น มองสื่อมามาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “ช่างเป็นเด็กสาวที่ซื่อจริงๆ”

นี่เป็นคำชมหรือคำหลอกด่ากันนะ?

โจวเสาจิ่นไม่ค่อยแน่ใจนัก

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหยิบถุงใส่เงินสีแดงใบใหญ่ปักลายเมฆมงคลใบหนึ่งออกมาจากกล่องสีดำสลักลายเส้นสีทองที่อยู่ข้างกายแล้วยื่นให้นาง “รับเอาไว้ ให้เจ้าเอาไว้ใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่”

โจวเสาจิ่นตะลึงงัน

นี่ยังไม่ถึงเทศกาลปีใหม่เลยนี่นา!

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงหัวเราะขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “ส่วนของปีใหม่ก็ส่วนของปีใหม่ นี่ให้เจ้าเอาไว้ไปซื้อขนมขบเคี้ยว”

ผู้ใหญ่ให้ของ นางจึงไม่กล้าปฏิเสธ

โจวเสาจิ่นกล่าวขอบคุณไม่หยุด ตอนที่รับถุงเงินมาเกือบจะทำหลุดมือเนื่องด้วยความหนักของถุงเงินนั้น

กระทั่งพอเปิดออกมาดูยามกลับถึงเรือนหว่านเซียง ก็พบว่าในถุงเงินเต็มไปด้วยก้อนทองเม็ดถั่ว

โจวเสาจิ่นรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่เล็กน้อย

เหตุใดฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงไม่ให้รางวัลนางเป็นเงินสักยี่สิบเหลี่ยงเหมือนท่านยายนะ?

หากเป็นเงินเวลาจะใช้ก็ไม่ต้องกังวลอะไร แต่ก้อนทองเม็ดถั่วพวกนี้จะให้นางนำไปใช้อย่างไรดีเล่า

หลังจากที่ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนทราบเรื่องแล้วก็จิ้มหน้าผากของโจวเสาจิ่นพลางกล่าว “เจ้านี่น้า ช่างเป็นอย่างที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวเอาไว้ยิ่งนัก เป็นเด็กสาวที่ซื่อเสียจริงๆ ชื่อเสียงของท่านลุงใหญ่เหมี่ยนของเจ้าจะเทียบได้กับชื่อเสียงของท่านลุงใหญ่จิงของเจ้าได้อย่างไร น้ำใจของฮูหยินผู้เฒ่ากัว เจ้ารับป้ายชื่อชิ้นนั้นเอาไว้ในมือก่อนก็ได้ ต่อให้ครั้งนี้ไม่ได้ใช้ ภายหน้ามีเรื่องอะไรก็ยังใช้ได้!”

“ป้ายชื่อนั้นนำไปใช้เช่นนั้นได้ด้วยหรือเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นประหลาดใจอย่างยิ่ง

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนหัวเราะพลางกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากวนว่า “ท่านฟังสิเจ้าคะๆ ว่ากล่าวอะไรออกมา เหตุใดถึงเลี้ยงนางให้เติบโตมาโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลยเช่นนี้ไปได้!”

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหัวเราะร่า สวมกอดโจวเสาจิ่นเอาไว้พลางกล่าวขึ้นว่า “อย่าไปฟังป้าของเจ้า เจ้าทำถูกต้องแล้ว ถึงแม้พวกเราจะเป็นสตรี แต่จะทำอะไรก็ต้องเปิดเผยและจริงใจ ไม่ว่าจะต้องแหงนหน้าขึ้นฟ้าหรือก้มลงมองพื้นดิน ก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกละอายใจกับคำพูดหรือการกระทำของตัวเอง”

โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกๆ

นางเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน

อะไรที่เป็นของข้าข้าก็จะไม่ปล่อยมือยอมแพ้ แต่อะไรที่ไม่ใช่ของข้าข้าก็ไม่คิดจะไปอยากได้มา เช่นนี้เวลานอนหลับก็หลับได้อย่างสงบสุข

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนได้ยินแล้วก็ประท้วงไม่ยินยอม กล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าพูดไปเพียงหนึ่งประโยค ท่านกลับตอบกลับข้ามาสิบประโยค นี่หากว่าข้าตำหนิเสาจิ่นต่อหน้าท่านไปสักครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าท่านจะสั่งลงโทษให้ข้าไปนั่งคุกเข่าสำนึกผิดที่ห้องบรรพชนแล้วหรือ ท่านช่างลำเอียงเกินไปแล้ว”

ผู้คนในห้องต่างก็หัวเราะขึ้นมา

โจวเสาจิ่นเองก็คล้องแขนของโจวชูจิ่นเอาไว้แล้วหัวเราะด้วยเช่นเดียวกัน

นัยน์ตาของนางมีน้ำตาเล็ดออกมาเล็กน้อย

นางชอบท่านยายและท่านป้าใหญ่ที่เป็นเช่นนี้

ทุกคนเหมือนกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน พูดคุยกันได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องระแวดระวัง หัวเราะได้อย่างเบิกบานและอิ่มเอมใจ

เฉิงเหมี่ยนกับฮูหยินผู้เฒ่ากวนปรึกษากันถึงเรื่องของวันปีใหม่ขึ้นมา “…ตั้งแต่วันปีใหม่เล็กในวันที่ยี่สิบสี่เดือนสิบสองถึงวันที่สี่เดือนหนึ่งล้วนกระทำกันเช่นเดิม จากนั้นวันที่ห้าเกรงว่าเหอซื่อจะต้องพาคุณชายใหญ่กับคุณชายรองกลับผูโข่วสักครั้งหนึ่ง เห็นว่าปีนี้สะใภ้ใหญ่ของตระกูลเหอจวนสามพาหลานชายสองสามคนมาฉลองปีใหม่ที่ผูโข่วด้วย หลังจากที่ฉลองเทศกาลโคมไฟ[1]แล้วก็จะเดินทางกลับจิงเฉิงเลยขอรับ”

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนเป็นหญิงสาวจากตระกูลเหอที่ผูโข่ว เมื่อนานมาแล้วก็เป็นตระกูลที่รุ่งโรจน์ แต่ช่วงหลายปีมานี้นอกจากเหอเหมี่ยนจือผู้ดำรงตำแหน่งขุนนางฝ่ายซ้ายของสำนักสารบรรณกลางจากจวนสามแล้ว ก็ไม่มีบุคคลผู้มีความสามารถยอดเยี่ยมปรากฏขึ้นมาอีก ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเท่ากับเวลาในตอนนั้นอีก ส่วน ‘สะใภ้ใหญ่ของจวนสาม’ ที่เฉิงเหมี่ยนกล่าวถึงก็คือภรรยาของเหอเหมี่ยนจือนั่นเอง

ก่อนที่โจวเสาจิ่นจะย้อนเวลากลับมานั้น เหอเหมี่ยนจือได้เป็นถึงขุนผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ ข่าวคราวเรื่องที่ตระกูลเฉิงจะถูกตรวจสอบ ก็เป็นเขาที่เป็นคนบอกพี่เขยให้ทราบ

นอกจากนี้นางยังรู้อีกว่า ที่ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนพาเฉิงเก้ากับเฉิงอี้ไปด้วยในครั้งนี้ ก็เพื่อไปสู่ขอเหอเฟิงผิงผู้เป็นบุตรสาวคนโตของเหอเหมี่ยนจือให้เฉิงเก้า

ชาติก่อน กว่านางจะทราบเรื่องนี้ก็เป็นตอนที่เฉิงเก้ากับเหอเฟิงผิงหมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว

แต่ชาตินี้…นางมองไปที่เฉิงเก้าพลางกลั้นยิ้ม

เฉิงเก้างุนงง

เฉิงอี้กลับดึงแขนเสื้อของนาง กระซิบเสียงเบาว่า “น้องสาวรอง คนที่มาเป็นแขกที่เรือนของเจ้าในวันนั้นเป็นผู้ใดหรือ หน้าตางดงามยิ่งนัก! ใช่คุณหนูสิบเจ็ดของตระกูลกู้หรือไม่ ข้าได้ยินพี่สาวเจียกล่าวว่า พวกเจ้าเคยไปลอยโคมไฟลอยน้ำด้วยกันเมื่อคราวเทศกาลวันสารทจีน”

ตอนที่ 148 โต้เถียง 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน