เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 169

โจวเสาจิ่นนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้เหมยกุยภายในห้องรับรองของเรือนเจียซู่ ใบหน้าที่ยิ้มน้อยๆ นั้นดูเสมือนกับว่ากำลังตั้งใจฟังฮูหยินผู้เฒ่ากวนกับฮูหยินอู๋สนทนากันอยู่ ทว่าความจริงแล้วสายตากลับมองไปยังต้นทับทิมที่กำลังแตกยอดอ่อนอยู่ภายนอกหน้าต่าง

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนที่เดิมทีบอกว่าจะเดินทางกลับมาหลังเทศกาลโคมไฟก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก กระทั่งวันนี้เข้ากลางเดือนสี่แล้วก็ยังคงไม่เห็นแม้แต่เงาอยู่เช่นเดิม ถ้าฮูหยินใหญ่เหมี่ยนอยู่บ้าน นางก็คงไม่จำเป็นต้องมาออกมารับรองแขกเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากวนเช่นนี้

นางจำได้ว่าชาติก่อนฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกลับมาหลังเทศกาลโคมไฟ ต่อมาค่อยเดินทางไปผูโข่วอีกครั้งในช่วงเดือนสี่ แล้วงานแต่งของพี่ชายเก้ากับคุณหนูใหญ่ตระกูลเหอถึงจะถูกกำหนดออกมา

หรือว่าครั้งนี้จะมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น?

นางยกย่องนับถือสะใภ้ผู้พี่ผู้นี้ยิ่งนัก

ไม่เพียงมีหน้าตางดงาม อุปนิสัยอ่อนโยนโอบอ้อมอารีเท่านั้น แต่ยังดีกับพี่ชายเก้าเป็นอย่างมาก

หลังจากที่จวนสี่ได้รับผลกระทบเนื่องด้วยเรื่องของนางแล้ว เรื่องราวภายในบ้านต้องขอบคุณที่มีนางเป็นผู้ออกหน้าจัดการให้ ไม่อย่างนั้นสถานการณ์ของจวนสี่คงจะยากลำบากมากกว่านั้นเป็นแน่

ขณะที่โจวเสาจิ่นกำลังครุ่นคิดว่าควรจะเขียนจดหมายไปหยั่งเชิงสถานการณ์กับท่านป้าใหญ่ดีหรือไม่อยู่นั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่ามีคนสะกิดนางเบาๆ มาจากด้านหลัง นางเก็บอารมณ์เล็กน้อย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าคนในห้องรับรองต่างก็กำลังมองนางด้วยรอยยิ้ม

เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ

นางกลั้นหายใจด้วยความหวั่นวิตกอย่างห้ามไม่อยู่ มีเสียงหึ่งๆ ราวเสียงยุงของชุนหว่านดังมาจากข้างหูว่า “คุณหนูใหญ่ตระกูลอู๋ชวนท่านไปชมดอกไม้ที่จวนตระกูลอู๋เจ้าค่ะ”

ในใจของโจวเสาจิ่นพลันรู้สึกร้อนระอุขึ้นมา

ชาติก่อน อู๋เป่าจางก็เคยชวนนางไปชมดอกไม้ที่จวนในช่วงเวลาเดียวกันนี้เช่นกัน ตอนนั้นนางมีความสัมพันธ์ที่ดียิ่งกับอู๋เป่าจาง และเฉิงเจียเองก็ชื่นชอบการได้ออกไปโน่นมานี่ยิ่งนัก อู๋เป่าจางจึงได้โอกาสประจบประแจงเฉิงเจียพอดี ด้วยเหตุนี้พวกนางลูกพี่ลูกน้องสองคนจึงไปจวนตระกูลอู๋ด้วยกัน ปรากฏว่า ณ จวนตระกูลอู๋ พวกนางได้พบกับอู๋ไท่เฉิงผู้เป็นพี่ชายของอู๋เป่าจาง ซึ่งเขาก็ได้ชวนเฉิงอี้และเฉิงนั่วกับเฉิงจวี่ของจวนห้ามาชมดอกไม้ที่จวนตระกูลอู๋ด้วยเช่นกัน อู๋เป่าจางพูดอะไรทำนองว่าทุกคนต่างก็เป็นญาติสนิทมิตรสหายกัน รวมถึงอากาศของฤดูใบไม้ผลิก็กำลังดีซึ่งหาได้ยากยิ่ง ฉะนั้นจึงอย่าได้เข้มงวดกับพิธีรีตองมากขนาดนั้น ให้ทุกคนไปเดินเล่นพร้อมกันก็แล้วกัน

ถึงแม้นางจะรู้สึกว่าไม่เหมาะสมสักเท่าไร แต่ไม่อาจขัดเฉิงเจียที่เห็นด้วยไปแล้ว จึงได้แต่ตามพวกเขาไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง

อู๋ไท่เฉิงนั้นจ้องนางตาไม่กระพริบ แต่กลับต้อนรับขับสู้เฉิงเจียอย่างกระตือรือร้น จากนั้นก็ยังมีเฉิงจวี่อีกผู้หนึ่ง ที่ทางซ้ายก็เรียกคำหนึ่งว่า ‘น้องสาว’ ทางขวาก็เรียกคำหนึ่งว่า ‘น้องสาว’ ชมตลอดว่านางมีหน้าตาที่งดงาม ส่วนเฉิงอี้ผู้โง่เขลาผู้นั้นก็เอาแต่สนใจเรื่องตกปลากับเฉิงนั่วอยู่ข้างๆ โดยไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น…นางทั้งอับอายและกรุ่นโกรธ จึงสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

เฉิงเจียไล่ตามมา

แต่ทั้งสองคนก็จากกันไม่ดีสักเท่าไร

ถึงแม้สุดท้ายแล้วเฉิงเจียจะกลับซอยจิ่วหรูกับนาง แต่ก็ไม่ให้ความสนใจนางเป็นเวลานานอยู่ช่วงหนึ่ง ทอดทิ้งนางแล้วไปเล่นกับอู๋เป่าจางแทน ในเวลานั้นเองที่อู๋เป่าจางได้รับความโปรดปรานจากสะใภ้ใหญ่สือของจวนรอง และก็เป็นเวลานั้นเช่นเดียวกันที่อู๋ไท่เฉิงเริ่มไปมาหาสู่กับเฉิงฉือและเฉิงเจิ้ง

“ข้าไม่ว่าง” โจวเสาจิ่นปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด

สีหน้าของฮูหยินอู๋เปลี่ยนไปจนไม่น่ามองเล็กน้อย

อู๋เป่าหวาเองก็ขมวดคิ้วมุ่นเป็นปม

ส่วนฮูหยินผู้เฒ่ากวนกลับรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

ปีที่ผ่านมานี้ โจวเสาจิ่นแทบจะไม่พูดจาแข็งกระด้างอย่างเช่นเมื่อก่อนอีกเลย แล้วเหตุใดจู่ๆ ถึงได้…

นางอดไม่ได้ลอบสงสัยอยู่ในใจ

ชั่วขณะนั้นโจวเสาจิ่นก็เข้าใจเรื่องราวขึ้นมา ลอบตำหนิความหยาบคายของตัวเองอยู่ในใจ กล่าวยิ้มๆ ด้วยสีหน้าอ่อนโยนว่า “ข้าต้องไปคัดพระธรรมที่เรือนหานปี้ซานทุกวัน รู้สึกอิจฉาคุณหนูใหญ่อู๋จริงๆ ที่ออกไปเป็นแขกด้านนอกได้”

สีหน้าของฮูหยินอู๋ผ่อนคลายลงเล็กน้อย กล่าวยิ้มๆ ว่า “พระธรรมของคุณหนูรองคัดไปถึงไหนแล้ว นี่ก็เกือบจะครบหนึ่งปีแล้ว เหตุใดถึงยังคัดไม่เสร็จอีกเล่า”

“เดือนเก้าก็น่าจะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “คงต้องรอให้ข้าคัดพระธรรมให้เสร็จแล้วค่อยเป็นเจ้าภาพเชิญคุณหนูอู๋ทั้งสามท่านมานั่งเล่นที่บ้านแล้วเจ้าค่ะ”

ความจริงแล้วนางคัดให้เสร็จเร็วกว่านี้ได้ แต่หลังจากที่เฉิงฉือย้ายเข้าไปอยู่ที่เรือนหานปี้ซานแล้ว นางจึงเปลี่ยนความตั้งใจเสียใหม่

แต่ถ้าเดือนเก้าแล้วนางก็ยังสร้างบทสนทนากับเฉิงฉือไม่ได้ นางเกรงว่านางคงไม่อาจสร้างบทสนทนากับเฉิงฉือได้อีกต่อไปแล้ว ถึงเวลานั้นคงได้แต่ต้องคิดหาวิธีอื่นต่อไป

ถึงเวลานั้นรั้งอยู่ที่เรือนหานปี้ซานต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปแล้ว!

ฮูหยินอู๋ทอดถอนหายใจพลางกล่าว “คุณหนูรองช่างมีจิตใจที่แน่วแน่ยิ่งนัก หากว่าเปลี่ยนเป็นผู้อื่น เกรงว่าพระธรรมนี้คงต้องเปลี่ยนคนคัดใหม่เสียแล้ว!”

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนยิ้มพลางพยักหน้า ดูออกว่ากำลังมีความสุขยิ่งนัก

ฮูหยินอู๋จึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ ว่า “ข้ากับท่านเอาแต่พูดถึงเรื่องเก่าเรื่องแก่ในอดีต เกรงว่าพวกเด็กๆ คงนั่งไม่ติดที่กันแล้ว ข้าว่าให้คุณหนูรองพาพวกนางไปเดินเล่นในสวนสักหน่อยก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

นี่หมายความว่ามีเรื่องต้องการคุยกับฮูหยินผู้เฒ่ากวน

โจวเสาจิ่นจึงพาอู๋เป่าจางสามพี่น้องตรงไปยังสวนดอกไม้

ระหว่างทาง นางหันไปยิ้มกับอู๋เป่าหวา กระซิบถามอู๋เป่าหวาเสียงเบาว่า “คราวก่อนได้ยินว่าพี่สาวของเจ้ากำลังจะหมั้นหมายกับนายท่านสามของจวนตระกูลหลิว เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ยังไม่ได้กำหนดวันแต่งงานออกมาอีกหรือ ข้าเห็นว่าพี่สาวของเจ้ายังคงตามฮูหยินอู๋ออกมาเป็นแขกอยู่ แสดงว่ายังอีกไกลกว่าจะถึงวันแต่งงานใช่หรือไม่”

บนทางเดินเล็กๆ ท่ามกลางสวนป่าในฤดูใบไม้ผลิ เสียงวิหคร้องย่อมกำจรออกไปได้ไกล

พี่น้องตระกูลอู๋ต่างก็ตะลึงงัน

ถึงแม้เรื่องนี้จะถูกตระกูลหลิวและตระกูลอู๋ทั้งสองตระกูลปิดข่าวได้แล้วอย่างรวดเร็ว แต่คนที่มาจากตระกูลที่พอจะมีหน้ามีตาในเมืองจินหลิงต่างก็ทราบเรื่องนี้ดี การที่โจวเสาจิ่นถามออกมาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ เป็นเพราะคนในห้องหอที่เล่าเรื่องพวกนี้ให้นางฟังไม่ทราบเรื่อง หรือเป็นเพราะนางต้องการหมิ่นเกียรติของตระกูลอู๋กันแน่นะ

แต่ไม่นานอู๋เป่าหวาก็ปัดสมมุติฐานข้อหลังตกไป

ด้วยความสัมพันธ์ของตระกูลเฉิงและตระกูลอู๋ทั้งสองตระกูลในตอนนี้แล้ว โจวเสาจิ่นไม่น่าจะทำเช่นนั้นถึงจะถูก นอกจากนี้ หากโจวเสาจิ่นตั้งใจหมิ่นเกียรติของตระกูลอู๋จริงๆ ล่ะก็ โจวเสาจิ่นก็น่าจะเลือกสถานที่อื่นในการถามถึงเรื่องนี้หรือไม่ก็ใช้เสียงดังถามอู๋เป่าจางไปแล้ว แต่นางกลับเลือกที่จะพูดกับตนเป็นการส่วนตัวแทน…

ทว่าอู๋เป่าจางกลับโมโหโกรธาจนเลือดเดือดปุดๆ นางอุตส่าห์เลือกที่จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในงานวันเกิดของท่านผู้นำตระกูลจวนรองเมื่อคราวก่อนไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าโจวเสาจิ่นยังจะกัดนางไม่ปล่อยอยู่อีก

นางอดไม่ได้หันไปมองรอบๆ ทั้งสี่ด้าน

อู๋เป่าจือเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของนาง ด้านหน้าเป็นโจวเสาจิ่นกับอู๋เป่าหวา ส่วนพวกบ่าวรับใช้ต่างๆ ล้วนติดตามอยู่ไกลๆ

นางพยายามข่มความโกรธเอาไว้ในใจ กล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คุณหนูรอง การแต่งงานขึ้นอยู่กับบิดามารดาเป็นผู้ตัดสินและการแนะนำของพ่อสื่อแม่สื่อ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปได้ยินข่าวลือพวกนี้มาจากที่ใด แต่บิดามารดาไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้กับข้ามาก่อน ปากของคุณหนูรองออกจะยื่นยาวเกินไปสักหน่อยแล้วเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นดวงตาเบิกโพลง ทั้งใบหน้าแสดงความประหลาดใจชัด หมายจะกล่าวบางอย่างแต่ก็หยุดไป กว่าครู่ใหญ่ถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “เช่นนั้นพวกเราไปนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำข้างๆ ทะเลสาบกันเถิด ทิวทัศน์ทางด้านนั้นไม่เลวเลยทีเดียว”

ตั้งแต่ที่อุดรูรั่วของจวนห้าได้แล้ว รวมถึงไม่มีเฉิงสวี่อยู่ด้วย สำหรับนางแล้ว ตระกูลเฉิงก็ถือว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง

ตอนที่ 169 เข้าใจ 1

ตอนที่ 169 เข้าใจ 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน