เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 213

เฉิงฉือกับซ่งหมิ่นกำลังยืนอยู่ที่หัวเรืออูเผิงลำหนึ่งอย่างมั่นคง มองดูฉินจื่อผิงและคนอื่นๆ ที่อยู่บนเรือข้างๆ ปล่อยไม้กระดานลงบนพื้นผิวแม่น้ำตามคำสั่งของพวกเขาซ้ำไปซ้ำมา แล้วใช้นาฬิกาพกจับเวลาเพื่อเปรียบเทียบความเร็วและระยะทางที่ไม้กระดานไหลจากต้นทางไปตามสายน้ำ

หวงอี๋จวินที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาบ่นมุบมิบ “ทำเช่นนี้จะวัดความเร็วของกระแสน้ำได้หรือ แต่วัดความเร็วของกระแสน้ำไปแล้วจะได้ผลอะไรเล่า อย่างไรก็ตาม วันที่สิบแปดเดือนแปดของทุกปีเป็นช่วงที่ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงที่แม่น้ำเฉียนถังยิ่งใหญ่ที่สุด ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันก็ไม่เคยคลาดเคลื่อน ต่อให้คำนวณแล้วว่าจะเกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงก่อนสองสามวันแต่วันที่สิบแปดเดือนแปดนี้ก็ยังเกิดน้ำขึ้นน้ำลงอยู่ดี เพียงแต่มีขนาดที่แตกต่างกัน จะมีใครมาสนใจเรื่องเหล่านี้กันเล่า…”

เมื่อคืนกำลังร่ำสุรากันอยู่ดีๆ จู่ๆ ผู้เฒ่าซ่งกับเฉิงจื่อชวนก็ตัดสินใจไปดูแม่น้ำเฉียนถังที่อ่าวหังโจว พี่เขยได้ฝากฝังเขาไว้ว่าให้ ‘เชิญ’ ซ่งหมิ่นไปให้ถึงจิงเฉิงโดยสวัสดิภาพ เขาจึงได้แต่วางตะเกียบลง แล้วตามพวกเขาไปที่อ่าวหังโจวด้วย

ผู้เฒ่าซ่งกับเฉิงจื่อชวนเดินวนรอบอ่าวหังโจวกว่าครึ่งค่อนคืน เขานั่งดูอยู่ที่ริมแม่น้ำจนเปลือกตาบนต่อสู้ดิ้นรนกับเปลือกตาล่างไม่ไหว ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปเมื่อใด กระทั่งยามที่ผู้ติดตามของเฉิงจื่อชวนมาสะกิดปลุก ท้องฟ้าก็สว่างเสียแล้ว ผู้เฒ่าซ่งกับเฉิงจื่อชวนรีบรุดกลับไปที่หมู่บ้านไป๋หยางทันที พ่อบ้านฉินผู้นั้นยิ่งแล้วใหญ่ไม่รู้ว่าไปหาเรืออูเผิงสองสามลำมาจากที่ใด พวกเขารับประทานมื้อเช้าอย่างเร่งรีบแล้วก็มานั่งคุดคู้อยู่บนเรืออูเผิงลำนี้ต่อ จากนั้นก็มองดูพ่อบ้านฉินผู้นั้นทำตามคำสั่งของผู้เฒ่าซ่งกับเฉิงจื่อชวน ประเดี๋ยวก็ปล่อยไม้กระดานแผ่นนั้นลอยจากเรือลำนี้ไปเรือลำนั้น ประเดี๋ยวก็ปล่อยให้ลอยจากเรือลำนั้นมาเรือลำนี้ พ่อบ้านฉินใช้นาฬิกาพกของเฉิงจื่อชวนจับเวลาอยู่ที่นั่น

ผู้เฒ่าซ่งไม่มีกิริยาท่าทางของบิดาขุนนางใหญ่ยศผิ่นขั้นหนึ่งเลยแม้แต่น้อย ราวกับเป็นตาสีตาสาจากบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกก็ไม่ปาน นับตั้งแต่ที่เฉิงจื่อชวนหยิบนาฬิกาพกฉลุลายเคลือบสีเรือนนั้นออกมาจากแขนเสื้อ สองตาของเขาก็ประหนึ่งติดหนึบอยู่บนนาฬิกาพกเรือนนั้น ยังเอ่ยถามเฉิงจื่อชวนอย่างหน้าไม่อายว่า “นาฬิกาพกเรือนนี้ได้มาจากที่ใดหรือ” โดยไม่รู้เลยว่าแม้นาฬิกาพกเช่นนี้จะหายากยิ่ง แต่ที่นอกประตูตงจื๋อเหมินที่จิงเฉิงก็มีขาย นอกจากนี้พี่เขยก็มีอยู่เรือนหนึ่ง ปกติแล้วจะเก็บเอาไว้ในห้องเก็บสมบัติ ท่าทางพี่เขยจะชื่นชอบมันมาก แต่ผู้เฒ่าซ่งเป็นบิดาของพี่เขย หากว่าเขาเอ่ยปากขอ พี่เขยจะไม่ยกให้เขาได้อย่างไรเล่า

จ้องนาฬิกาพกของผู้อื่นตาเป็นมันเช่นนี้…ช่างน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!

ไม่ต้องกล่าวถึงว่า พอเฉิงจื่อชวนบอกว่านาฬิกาพกเรือนนี้ได้มาจากชาวตะวันตก หนำซ้ำยังสัญญาว่าจะหามาให้เขาด้วยเรือนหนึ่ง สีหน้าของผู้เฒ่าซ่ง จะกล่าวว่าซาบซึ้งใจเหลือคณาก็ไม่ถือว่าเกินจริงนัก กระทั่งเรียกเฉิงจื่อชวนว่า “ท่านเฉิง” อย่างพินอบพิเทา หากว่าเรื่องนี้เข้าถึงหูของพี่เขยล่ะก็ คงไม่รู้จะเอาหน้าไปวางที่ไหนเสียแล้ว!

ไม่แปลกเลยที่ไม่ว่าอย่างไรพี่เขยก็ต้องการ ‘เชิญ’ ผู้เฒ่าซ่งมาอยู่ข้างตนให้ได้

นอกจากนี้พวกเขาก็ดูไม้กระดานชิ้นนั้นลอยไปมาอยู่อย่างนี้นานหนึ่งชั่วยามแล้ว เมื่อไรจะวัดเสร็จเสียที

ดวงอาทิตย์สาดแสงบนผิวน้ำ อากาศร้อนแผดเผาเป็นพิเศษ เขารู้สึกหน้ามืดตามัว แทบอยากจะลงจากเรือประเดี๋ยวนี้เลย

แต่ผู้เฒ่าซ่งกับเฉิงจื่อชวนกำลัง ‘เล่น’ กันอย่างสนุกสนาน เขาจะว่าอะไรได้

หวงอี๋จวินมองดูใบหน้าอ่อนเยาว์ของเฉิงฉือที่กำลังพูดสองสามประโยคด้วยเสียงบางเบา เนื่องจากเสียงเบาเกินไป ทุกคนจึงได้ยินไม่ชัดว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่

หลั่งเย่ว์ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ กลอกลูกตา

หวงอี๋จวินผู้นี้ ในตอนแรกยังแสดงท่าทีที่สุภาพนอบน้อม แต่ภายหลังเมื่อค้นพบว่านายท่านสี่อายุมากกว่าเขาเพียงห้าปี หนำซ้ำเขายังเป็นเพียงซิ่วไฉแต่นายท่านสี่กลับเป็นถึงจิ้นซื่อแล้ว เขาก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จวบจวนกระทั่งยามผู้เฒ่าซ่งต้องการคบหานายท่านสี่ประหนึ่งเป็นสหายวัยเดียวกัน เขาก็เริ่มรู้สึกวุ่นวายใจเล็กน้อย ราวกับว่าการที่ผู้เฒ่าซ่งคบหานายท่านสี่เสมือนเป็นสหายวัยเดียวกันเป็นเรื่องที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติเรื่องหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ไม่อาจตำหนิหวงอี๋จวินได้

มองดูแล้วเขาคงเป็นบัณฑิตที่เถรตรงและเคร่งครัดในกฎเกณฑ์มากเกินไป ย่อมไม่อาจเข้าใจได้ว่านายท่านสี่กับผู้เฒ่าซ่งกำลังทำอะไรกันอยู่!

หลั่งเย่ว์รู้สึกเห็นใจเขาเล็กน้อย จึงเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายหวง ท่านอยากไปนั่งรออยู่ในเรือหรือไม่ขอรับ แสงแดดข้างนอกค่อนข้างแรงไปเสียหน่อย”

ก็ดีเหมือนกัน!

หวงอี๋จวินตรึกตรองดูแล้ว ไม่ว่าอย่างไรผู้เฒ่าซ่งก็ไม่ต้องการเขา เขาอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด

“เช่นนั้นก็รบกวนน้องชายแล้ว!” เขากล่าวอย่างนอบน้อม

มีเรือเล็กลำหนึ่งแล่นเข้ามาเต็มกำลัง

เฉิงฉือกับซ่งหมิ่นย่นหัวคิ้วพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เฉิงฉือยิ่งแล้วใหญ่สั่งผู้ติดตามข้างกายว่า “นั่นเป็นเรือจากที่ใด ให้พวกเขาเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือเสีย!”

ผู้เฒ่าซ่งก็กล่าวเหมือนกันว่า “พวกเขาล่องเรือมาเช่นนี้จะส่งผลต่อระดับความเร็วในการลอยของไม้กระดาน พวกเราไม่รู้ว่ายังต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด!”

เฉิงฉือสีหน้าดำดิ่งดั่งน้ำลึก

มีผู้คุ้มกันที่อ่านสถานการณ์ออกได้อย่างว่องไวตะโกนถามเรือเล็กลำนั้นออกไปว่า “พวกเจ้ามาจากที่ใด พวกข้ามีธุระที่นี่ ช่วยล่องเรือไปตามริมฝั่งแม่น้ำได้หรือไม่”

ทว่าคนบนเรือเล็กกลับยิ้มพลางกล่าว “พ่อบ้านฉินขอรับ ผู้น้อยเป็นบ่าวที่บ้านพักของตระกูลจง ได้รับคำสั่งจากฮูหยินผู้เฒ่าให้นำน้ำชาและของว่างมาให้นายท่านเฉิงกับท่านผู้เฒ่าซ่งขอรับ”

เฉินจื่อผิงหันไปมองเฉิงฉือ

เฉิงฉือยิ้มอย่างขมขื่น

ฉินจื่อผิงรีบเก็บไม้กระดาน แล้วส่งคนไปรับของมา จากนั้นก็ส่งไปให้เฉิงฉือที่อยู่บนเรืออูเผิง

เฉิงฉือหันไปค้อมตัวท่านผู้เฒ่าซ่งน้อยๆ กล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เห็นทีว่าพวกเราคงต้องดื่มน้ำชาสักจอกแล้วค่อยวัดกระแสน้ำกันใหม่แล้วขอรับ”

ซ่งหมิ่นหัวเราะร่า พลางกล่าว “ยังคงเป็นขิงแก่ที่มากไปด้วยประสบการณ์! หากว่านางไม่ให้คนนำน้ำชาและของว่างมาส่งให้ล่ะก็ เกรงว่าเจ้ากับข้าคงจะยืนอยู่ที่หัวเรือเช่นนี้ไปตลอดจนกว่าจะกลับไปเป็นแน่” เขากล่าวพลางรู้สึกทอดถอนใจ “เจ้าก็อย่ารำคาญที่ฮูหยินผู้เฒ่ามารบกวนเลย ตอนที่ตาแก่ผู้นี้อายุเท่าเจ้า วันๆ หมายแต่จะไปท่องแม่น้ำลำคลองใหญ่ทั่วแผ่นดิน ในบ้านจะมีเรื่องอะไรก็ไม่เคยอดทนอดกลั้น รู้สึกว่าพวกเขาเป็นภาระ จวบจวนภรรยาผู้นั้นจากไป ข้างกายก็ไม่มีผู้ใดมาบ่นจุกจิกอีก และก็ไม่มีผู้ใดมาคอยกำกับดูแลข้าอีกแล้ว แต่ในทางกลับกันข้ากลับรู้สึกโหวงเหวงอยู่ในใจ ราวกับไม่มีที่ให้พักพิงเสียแล้ว กล่าวไปกล่าวมา ไม่ว่าคนเราจะเดินทางไปถึงแห่งหนใด ต่างก็ต้องการมีบ้านสักหลัง หากมีคนรอคอยเจ้าอยู่ที่บ้าน มีคนเฝ้าคะนึงหาเจ้า ผู้นั้นถึงจะมีชีวิตอยู่โดยไม่รู้สึกเดียวดาย อย่างไรก็ตาม เรื่องราวที่ข้าพูดพล่ามเหล่านี้ในเวลานี้ ต่อให้เจ้าฟังเข้าหูบ้างก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเข้าใจ ต้องรอให้เจ้ามีอายุมากขึ้นอีกสักหน่อย ผ่านประสบการณ์ต่างๆ แล้วก็จะเข้าใจเอง”

เฉิงฉือไร้เสียงเอื้อนเอ่ย

เขาหลุบตาลงมองขนมปุยเมฆแผ่น ขนมถั่วมันฮ่อ กุหลาบกวน ขนมหัวผักกาด และผลไม้แช่อิ่มนานาชนิดที่จัดเรียงเอาไว้อย่างเรียบร้อยในกล่องขนมเคลือบสีดำเลี่ยมขอบแดงประกายทองลวดลายดอกไห่ถังสีทอง…ทันใดนั้นจิตใจก็ล่องลอยไปไกล ประหนึ่งอยากจะหลีกหนีจากถ้อยคำพร่ำสอนของซ่งหมิ่น

ของว่างเหล่านี้ต้องไม่ใช่มารดาเป็นผู้ตระเตรียมให้เขาเป็นแน่

หากว่ามารดาตระเตรียมน้ำชาและของว่างให้เขา จะต้องเตรียมของที่ทำสดใหม่ ไม่จัดขนมปุยเมฆแผ่นหรือขนมถั่วมันฮ่อที่ซื้อกลับมาจากร้านข้างนอกเอาไว้ในกล่องขนมอย่างแน่นอน

ในห้วงความคิดของเฉิงฉือปรากฎดวงหน้าพริ้มเพราน้อยๆ หน้าหนึ่ง ดวงตาฉ่ำน้ำแวววาว มองเขาด้วยสายตาละห้อย เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น…ราวกับแมวน้อยตัวหนึ่งที่กระหายคำชมจากเจ้าของ ขอเพียงเขาลูบหัวของนาง นางก็จะร่าเริงยินดีไปครึ่งค่อนวัน

ตอนที่ 213 คำนวณตัวเลข 1

ตอนที่ 213 คำนวณตัวเลข 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน