ตกกลางคืน ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับโจวเสาจิ่นนอนบนเตียงเคลือบเงาภายในห้อง อีกฝั่งหนึ่งของฉากกั้นห้องเป็นตั่งหลัวฮั่นที่ซ่งเซินนอน
แม่นมของซ่งเซินนั่งกล่อมเขานอนอยู่หน้าตั่ง
ทว่าเขากลับพลิกตัวไปมาไม่ยอมหลับ แล้วเกาะฉากกั้นห้องมองเข้ามาข้างใน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวย่นหัวคิ้วมุ่น
โจวเสาจิ่นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ข้าจะไปหลอกล่อเขาก็แล้วกันเจ้าค่ะ ท่านรีบพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลจงจะเข้ามาคารวะยามเช้าท่านด้วยเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นคนคิดมากมาตั้งแต่วัยสาว และนอนหลับยาก ขณะนี้ไหนเลยจะมีอารมณ์นอนแม้แต่น้อย กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เจ้าอย่าไปสนใจเขาเลย สนใจแต่เรื่องพักผ่อนของตัวเองเถิด หากเขาร้องไห้งอแงขึ้นมา ยังมีแม่นมของเขาคอยดูแลอยู่”
แม้ไม่ผิดที่กล่าวไปเช่นนี้ แต่หากซ่งเซินร้องไห้ขึ้นมาละก็ ผู้ที่นอนไม่หลับจะเป็นฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอง
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าไปดูเดี๋ยวเดียวก็มาเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้เด็กคนนี้ยังดูค่อนข้างว่าง่าย เพิ่งจะมางอแงกะทันหันตอนที่รับประทานอาหาร ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเด็กที่ต้องหลอกล่อเกลี้ยกล่อมคนหนึ่ง หากเด็กคนนี้ยอมเชื่อฟังก็แล้วไป แต่หากไม่เชื่อฟัง ข้าก็จะไม่ตามใจเขาแล้วเจ้าค่ะ”
ไม่เช่นนั้นก็เสียทีที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยายามปกป้องมิใช่หรือ
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับไม่เห็นด้วย
ปี้อวี้ที่อยู่เวรตอนกลางคืนขยิบตาให้โจวเสาจิ่นครั้งหนึ่ง
โจวเสาจิ่นทำทีว่าจะดื่มชาแล้วเดินไปหา
ปี้อวี้กระซิบเสียงเบาว่า “หากท่านหลอกล่อให้เด็กคนนั้นนอนได้ก็ลองหลอกล่อเขาเถิดเจ้าค่ะ! ฮูหยินผู้เฒ่านอนหลับยากมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
โจวเสาจิ่นเข้าใจ เมื่อดื่มน้ำชาเสร็จ ก็ห่มผ้าให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวให้เรียบร้อย แล้วยืนกรานว่าจะไปดูซ่งเซินสักหน่อย
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะห้ามปรามเอาไว้ก็ไม่ดีนัก จึงได้แต่ปล่อยนางไป
ซ่งเซินเห็นโจวเสาจิ่นเดินมา ก็ดีอกดีใจจนเกาหูกับแก้มแก้เขิน แล้วจับมือของโจวเสาจิ่นพลางกล่าวว่า “พี่สาว ท่านช่างงดงามยิ่งนัก! ท่านมีน้องสาวสักคนหรือไม่ ท่านให้น้องสาวของท่านตามกลับไปกับครอบครัวของข้าได้หรือไม่ ข้าจะดูแลนางให้เป็นอย่างดีเลยขอรับ!”
โจวเสาจิ่นยิ้มพลางลูบศีรษะของเขา ตอบว่า “ข้าไม่มีน้องสาว มีแค่พี่สาวคนเดียวเท่านั้น”
ซ่งเซินรู้สึกผิดหวังเหลือแสน เอ่ยขึ้นว่า “ข้าก็มีพี่สาวหลายคน แต่ไม่มีพี่สาวคนใดที่งดงามไปกว่าพี่สาวโจวเลยขอรับ พรุ่งนี้ท่านจะกลับจินหลิงแล้วหรือ ข้ายังต้องตามท่านปู่ของข้าไปไห่หนิง พี่สาว ในภายภาคหน้าท่านจะไปจิงเฉิงบ้างหรือไม่ บ้านของข้าคือเรือนหลังที่ห้าจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกบนถนนซื่อเถียวใกล้ๆ กับประตูตี้อันเหมิน พี่สาว หากท่านได้ไปจิงเฉิง ก็ไปเยี่ยมเยียนข้าได้ หากท่านประสบปัญหาอะไร ก็มาหาข้าได้นะขอรับ”
โจวเสาจิ่นยิ้มร่าพลางตอบรับว่า “ได้” แล้วกล่าวว่า “เจ้ารีบนอนเถอะ! วันพรุ่งนี้เจ้ายังต้องเดินทางกลับเข้าไปในเมืองอีก!”
ซ่งเซินพยักหน้ารับคำอย่างเชื่อฟัง ดูน่ารักจิ้มลิ้มราวเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่แสดงท่าทางดื้อรั้นเสียกิริยาเหมือนเมื่อครู่แม้แต่น้อย
แม่นมของซ่งเซินกระซิบกล่าวว่า “ปกติคุณชายห้าเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เขาคงชอบคุณหนูรองมากไปสักหน่อยเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นเพียงยกยิ้มแต่ไม่เอ่ยตอบคำใด
ภายในห้องเงียบสงบขึ้นมา
ตอนที่โจวเสาจิ่นนึกว่าซ่งเซินนอนหลับไปแล้วและเตรียมจะลุกออกไป ทว่าจู่ๆ ซ่งเซินก็ลืมตาโพลงขึ้นมาอีก แล้วเรียกโจวเสาจิ่นเอาไว้ “พี่สาว”
โจวเสาจิ่นยิ้มพลางเอ่ยว่า “มีอะไรหรือ”
ซ่งเซินถามว่า “พี่สาว ท่านหมั้นหมายให้กับผู้ใดแล้วหรือยัง”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงระเรื่อ ตอบว่า “เด็กน้อย อย่าพูดจาเหลวไหล”
“ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหลนะขอรับ” ซ่งเซินมุ่ยปาก พลางเอ่ยแย้งอย่างไม่พอใจว่า “พี่ใหญ่ของข้าจะต้องสู่ขอสะใภ้แล้ว ท่านพ่อของข้าอยากให้พี่ใหญ่ของข้าแต่งงานกับหลานสาวจากตระกูลของท่านป้าที่เสียชีวิตแล้ว แต่พี่ชายของข้าไม่ยินยอม มาบอกท่านแม่ของข้า แต่ท่านแม่ของข้าไม่กล้ายกเรื่องนี้มาพูดกับท่านพ่อของข้า พี่สาวโจวขอรับ พี่ชายของข้าหน้าตาหล่อเหลายิ่ง ญาติผู้พี่คนที่สามของข้าอยากจะแต่งงานกับพี่ใหญ่ของข้าเหลือเกิน แต่ข้าไม่ชอบนาง นางชอบทำหน้าบูดบึ้งเวลาที่ไม่มีผู้ใดอยู่ด้วย ราวกับว่าคนอื่นติดเงินนางอยู่อย่างไรอย่างนั้น ข้าเล่าให้ท่านแม่ของข้าฟัง ท่านแม่ของข้าจึงไม่ยอมให้นางแต่งงานกับพี่ใหญ่ของข้า ท่านแต่งงานกับพี่ชายของข้าเถิดนะขอรับ! เช่นนี้ท่านจะได้กลับไปจิงเฉิงพร้อมกับข้า ท่านแม่ของข้าดียิ่ง ท่านแม่ของข้าไม่มีบุตรสาว นางกล่าวอยู่บ่อยๆ ว่าอยากจะให้กำเนิดน้องสาวคนหนึ่งแก่ข้า แต่ข้าไม่อยากได้น้องสาว ข้าอยากได้พี่สาวโจว…”
โจวเสาจิ่นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ตบเขาเบาๆ พลางกล่าว “เอาล่ะๆ เจ้ารีบนอนเถอะ! เรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลัง”
ซ่งเซินคลานออกมาจากใต้ผ้าห่มอย่างไม่พอใจ ดวงหน้าน้อยๆ แสดงสีหน้าเคร่งเครียด พลางกล่าวว่า “พี่สาวโจว ตกลงท่านจะกลับจิงเฉิงกับข้าหรือไม่ขอรับ”
“ข้าไปจิงเฉิงกับเจ้าไม่ได้หรอก” โจวเสาจิ่นเห็นเด็กคนนี้เอาแต่คิดหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ จึงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าเองก็มีพ่อแม่และครอบครัว เป็นธรรมดาที่ข้าก็อยากจะอยู่กับพวกเขา สำหรับเรื่องที่จะไปอาศัยอยู่ที่บ้านของพวกเจ้า ข้าโตที่จินหลิง คนในครอบครัวต่างอาศัยอยู่ที่จินหลิง ไม่คิดจะไปจิงเฉิงแต่อย่างใด ความปรารถนาดีของเจ้าข้ารับเอาไว้แล้ว”
ผู้ใหญ่มักจะคิดว่าเด็กยังเล็กอยู่ คิดว่าคำถามของเด็กมักจะไม่สลักสำคัญแต่อย่างใด หากไม่สนใจไยดีก็จะตอบกลับแบบส่งๆ น้อยคนนักที่จะพูดกับซ่งเซินประหนึ่งปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ดังเช่นโจวเสาจิ่นกระทำอยู่นี้
ซ่งเซินได้ยินแล้วถึงแม้จะรู้สึกเสียใจ แต่ก็คิดว่าถ้อยคำของนางมีเหตุผล เขาจะคะยั้นคะยอต่อไปก็คงไม่ดีนัก
“ไปไม่ได้จริงๆ หรือขอรับ” เขาเอ่ยถามอย่างไม่ลดละ
“ไปไม่ได้จริงๆ!” โจวเสาจิ่นตอบอย่างจริงจัง “เจ้าลองคิดดูแล้วกัน หากเป็นเพราะมีคนชอบพอเจ้า แล้วคิดว่าเพียงทำให้เจ้ากินอยู่อย่างอิ่มหนำสำราญ ก็จะพรากเจ้าไปจากมารดาของเจ้าได้ ทำให้นับจากนี้ไปเจ้าไม่ได้พบหน้าพ่อแม่พี่น้องของตัวเองอีก เพื่อกินอยู่อย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว เจ้าจะไปกับคนผู้นั้นอย่างนั้นหรือ”
“แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นอันขาด” ซ่งเซินตอบอย่างไม่ลังเล
“เจ้าเองก็ไม่ยอมไปเช่นเดียวกัน!” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “ต่อให้ครอบครัวของพวกเจ้าจะดีเช่นไร แต่ถ้าทำให้ข้าต้องอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่และพี่สาวของข้า ข้าย่อมไม่รู้สึกดีเช่นกัน!”
ซ่งเซินไม่เอ่ยคำใด
โจวเสาจิ่นยิ้มพลางห่มผ้าให้เขา “รีบนอนเถอะ! อย่าคิดอะไรเหลวไหลอีก ถ้าหากเจ้าคิดถึงข้า ก็ให้ท่านปู่ของเจ้าพาเจ้าไปเยี่ยมข้าที่จินหลิงได้!”
“ดีๆ!” ดวงหน้าของซ่งเซินจึงสดใสขึ้นมา ยื่นนิ้วออกไปหมายจะเกี่ยวก้อยสัญญากับโจวเสาจิ่น “…แม้ผ่านไปหนึ่งร้อยปีก็ห้ามบิดพลิ้วนะขอรับ”
“ได้!” โจวเสาจิ่นเกี่ยวก้อยกับซ่งเซิน

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน