เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 211

เฉิงฉือกับซ่งหมิ่นพูดคุยกันถูกคอ

ในห้องหลักของเรือนชั้นใน ฮูหยินซ่งกำลังถือแบบลายดอกไม้ที่โจวเสาจิ่นเพิ่งจะวาดให้นางเสร็จผืนหนึ่งพลางเอ่ยชมโจวเสาจิ่นอย่างกระตือรือร้นว่า “…ข้าเพียงเอ่ยปากพูดเท่านั้น ใครจะรู้ว่านางจะวาดออกมาได้ สมกับที่เป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ที่มีการศึกษาจริงๆ เฉลียวฉลาดยิ่งนักเจ้าค่ะ ตอนที่ข้าเป็นเด็กก็ชอบเรียนหนังสือยิ่งนัก ทุกๆ ครั้งเมื่อพวกพี่ชายไปสำนักศึกษาก็ต้องไปส่งพวกเขาที่ประตู พอพวกพี่ชายกลับมาข้าก็ห้ามใจไม่อยู่ต้องช่วยพวกเขาถือกระเป๋าหนังสือ ยามที่พวกพี่ชายทำการบ้านอยู่ใต้โคมไฟข้าก็ช่วยยกน้ำชาขึ้นโต๊ะและรินน้ำอยู่ข้างๆ โดยมุ่งหวังว่าเมื่อพวกพี่ชายมีเวลาว่างจะสอนตัวอักษรให้แก่ข้าสักตัวสองตัว ตอนนี้ข้าอ่านบัญชีได้ ก็เป็นเพราะในตอนนั้นได้แอบร่ำเรียนเรียนตัวอักษรหลายตัวกับพวกพี่ชาย เวลานั้นข้าสาบานเอาไว้ว่า หากวันใดที่ข้ามีบุตรสาว จะต้องให้นางได้ร่ำเรียนเขียนอ่าน ไม่ให้เหมือนกับข้าอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะร่า พลางกล่าว “ธรรมเนียมปฏิบัติในแต่ละท้องถิ่นไม่เหมือนกัน เด็กสาวส่วนใหญ่ในเมืองของพวกข้าล้วนอ่านออกเขียนได้ อย่างเสาจิ่นนี้ก็นับว่าธรรมดาสามัญทั่วไป”

ฮูหยินซ่งเม้มปากกลั้นยิ้ม กล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าท่านอย่าเกรงใจข้าเลยเจ้าค่ะ ข้าอาศัยอยู่ในเมืองหลวงพบเจอคุณหนูจากตระกูลขุนนางของเจียงหนานมาไม่น้อย แต่ไม่เคยพบเห็นผู้ใดที่มีคุณลักษณะ รูปร่างหน้าตา และความรู้เฉกเช่นคุณหนูรองผู้นี้เลยเจ้าค่ะ…”

โจวเสาจิ่นทำทีว่าไม่ได้ยิน ขณะเดียวกันก็นั่งก้มศีรษะพลางหยิบผ้าไหมผืนหนึ่งแล้วถือโอกาสปักดอกซ่อนกลิ่นอยู่ตรงนั้นเสียเลย

ซ่งเซินนั่งอยู่หน้าโต๊ะกลมที่วางกับข้าวเอาไว้เต็มโต๊ะ โดยมีแม่นมคอยป้อนอาหารให้ ทว่าลูกตากลับกลอกไปมาไม่หยุด ลอบมองโจวเสาจิ่นเป็นพักๆ ทันทีที่บ่าวหญิงสูงวัยเข้ามาแจ้งว่า ท่านผู้เฒ่าซ่งตัดสินใจออกไปเดินเล่นกับเฉิงฉือ ให้พวกนางเข้านอนเร็วสักหน่อย ไม่ต้องรอพวกเขา บรรยากาศภายในห้องก็พลันเปลี่ยนไปในทันใด

“เวลานี้น่ะหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวย่นหัวคิ้ว ความกังวลฉายชัดทั่วใบหน้า “มีอะไรเร่งด่วนถึงเพียงนี้หรือ ถึงรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ก่อนไม่ได้”

บ่าวหญิงสูงวัยผู้นั้นก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เอ่ยว่า “นายท่านสี่ไปกับท่านผู้เฒ่าซ่งและคุณชายหวงเจ้าค่ะ พ่อบ้านฉินพาผู้คุ้มกันติดตามไปด้วยสองสามคน คาดว่าไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจเถิดเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะวางใจได้อย่างไร

ฮูหยินซ่งกล่าวอย่างละอายใจ “ฮูหยินผู้เฒ่า ต้องขอประทานโทษด้วยจริงๆ นายท่านผู้เฒ่าของพวกเรามักจะมีนิสัยเช่นนี้ จู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมาออกไปชมดาวกลางดึก ในช่วงที่งานยุ่งมากก็วิ่งไปเยี่ยมเยียนสหายที่เขาปาซานอย่างกะทันหัน ปรากฏว่าเจอพายุฝนห่าใหญ่เข้า โหมกระหน่ำทั่วทั้งภูเขา จนเกือบจะถูกคร่าชีวิตอยู่ที่นั่น ยังมีครั้งหนึ่ง เขานำเรือขนส่งผลไม้สดไปเจิ้นเจียง เขาทิ้งพ่อบ้านไว้ที่นั่นแล้วไปเมืองจี่หนานลำพัง จนสินค้าบนเรือเกือบจะเน่าเสียทั้งหมด ได้ยินว่าตอนที่แม่สามีของข้ายังมีชีวิตอยู่ก็มักจะโมโหพ่อสามีด้วยเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ภายหลังจากที่แม่สามีเสียชีวิต พ่อสามีของข้าไม่ยอมแต่งงานใหม่ เพียงเพราะไม่อยากให้มีคนมาคอยควบคุมเขา…” นางลุกขึ้นมาอย่างพรั่นกลัวเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “ไม่คาดคิดว่าเขาจะลากนายท่านสี่ออกไป…ขะ…ข้าจะให้คนไปตามหาเขาเจ้าค่ะ…”

นิสัยของท่านผู้เฒ่าซ่งพิลึกพิลั่นเล็กน้อยจริงๆ อย่างไรก็ตาม โจวเสาจิ่นเชื่อว่าเฉิงฉือไม่ใช่คนประเภทที่คิดหรือทำอะไรด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ได้ยินเสียงลมเป็นเสียงฝน ไม่ใช่ทุกเรื่องจะกระตุ้นให้คนอย่างเขาเกิดความสนใจขึ้นมาได้ ในเมื่อเขาตัดสินใจออกไปเดินเล่นกับท่านผู้เฒ่าซ่งแล้ว คงเป็นเพราะคิดว่ามีเรื่องจำเป็นต้องออกไปเดินด้วยกัน พวกนางไม่จำเป็นต้องร้อนใจถึงเพียงนี้

“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นเอ่ยโน้มน้าวฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ท่านอย่าเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ ท่านน้าฉือเป็นผู้ที่กระทำทุกอย่างได้อย่างเหมาะสมเสมอมา บางทีพวกเขาคงดื่มสุรามากเกินไป แล้วอยากจะออกไปเดินเล่นที่แม่น้ำเฉียนถัง หรือไม่ก็เกิดแรงบันดาลใจแต่งบทกลอน อยากจะรำลึกอดีตในวันวานก็เป็นได้ หากว่าท่านเป็นห่วงจริงๆ ข้าจะเรียกบ่าวรับใช้ที่เรือนนอกเข้ามาสอบถามก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าเล็กน้อย พลางกล่าว “ที่เจ้ากล่าวมาก็มีเหตุผล น้าฉือของเจ้าก็ไม่ใช่เด็กแล้ว เรื่องของเขาเขาย่อมรู้ดีที่สุด ในเมื่อเขาให้บ่าวหญิงสูงวัยมาแจ้งพวกเราแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องเรียกบ่าวรับใช้ที่เรือนนอกมาซักถามแล้ว พรุ่งนี้เช้ายามที่พวกเขากลับมาเรื่องทุกเรื่องก็จะเป็นที่กระจ่างเอง!” แล้วเอ่ยปลอบฮูหยินซ่งอีกว่า “เจ้าไปพักผ่อนให้สบายใจเถิด ชายสี่พาพ่อบ้านกับผู้คุ้มกันติดตามไปด้วย ทักษะความสามารถของผู้คุ้มกันของพวกข้าล้วนไม่ธรรมดา เวลาที่ชายสี่ไปค้าขายอยู่ข้างนอก ล้วนเป็นผู้คุ้มกันเหล่านี้ที่ปกป้องเขาให้ปลอดภัย เกือบจะสิบปีแล้วที่ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หลักๆ ที่ฮูหยินซ่งรู้สึกเป็นกังวลคือกลัวว่าเฉิงฉือจะถูกพ่อสามีของตนยุยง พอได้ยินฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับโจวเสาจิ่นกล่าวเช่นนี้แล้ว ก็อดพรูลมหายใจยาวๆ ออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้

ทว่าซ่งเซินกลับมุดเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของมารดาราวกับเด็กน้อยแสนซน พลางร้องเสียงดังว่า “ท่านน้าไม่นอนเป็นเพื่อนข้า ข้ากลัวขอรับ!”

ฮูหยินซ่งหน้าแดงเทือก ดุขึ้นว่า “เจ้าอายุเท่ากันแล้ว! รีบลุกขึ้นมา! จะให้ท่านน้าของเจ้านอนเป็นเพื่อนเจ้าทุกวันได้อย่างไร หากว่าบิดาของเจ้ามาเห็นเข้าล่ะก็ จะต้องลงโทษเจ้าเป็นแน่”

ซ่งเซินบิดตัวไปมาอยู่ในอ้อมอกของฮูหยินซ่งประหนึ่งขนมแป้งทอดทรงเกลียว ไม่ยอมไปนอนคนเดียว

ฮูหยินซ่งไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่ยอมประนีประนอม เกลี้ยกล่อมเขาว่า “หากวันนี้เจ้ายอมเชื่อฟัง ข้าจะรับฟังคำขอร้องของเจ้าอย่างหนึ่ง แม้แต่เรื่องที่ไปเที่ยวลานน้ำแข็งที่ทะเลสาบสือซาไห่ก็ขอได้!”

ซ่งเซินได้ยินแล้วนัยน์ตาก็วูบไหวเป็นประกาย กระโดดออกจากอ้อมอกของมารดาแล้วยืนขึ้นในทันที เอ่ยถามว่า “จริงหรือขอรับ”

“แน่นอน” ฮูหยินซ่งรับปาก

“เช่นนั้นก็ดี” ซ่งเซินชี้ไปที่โจวเสาจิ่น “ข้าอยากนอนกับพี่สาวท่านนี้ขอรับ”

ผู้คนภายในห้องต่างตะลึงงัน

ฮูหยินซ่งยิ่งแล้วใหญ่ดวงหน้าแดงเทือกจนเกือบม่วง กล่าวว่า “เจ้ากล่าวไร้สาระอะไร นั่นเป็นพี่สาวโจวของเจ้า ไม่ใช่ข้ารับใช้ของเจ้า เจ้าจะให้พี่สาวโจวของเจ้ามานอนเป็นเพื่อนเจ้าได้อย่างไร เมื่อพวกเรากลับจิงเฉิงแล้ว แม่จะพาเจ้าไปลานน้ำแข็งที่ทะเลสาบสือซาไห่ก็แล้วกัน!”

ซ่งเซินไม่ยอม ร้องตีโพยตีพายจะนอนกับโจวเสาจิ่นเอาให้ได้

ความไม่พอใจสายหนึ่งวาบผ่านนัยน์ตาของฮูหยินผู้เฒ่ากัว

โจวเสาจิ่นเกิดมาเป็นคนสองชาติภพ เด็กที่พบเจอล้วนเป็นเด็กน่ารักและมีไหวพริบ รู้ความและเชื่อฟัง ยังไม่เคยเจอเด็กที่ดื้อดึงไม่มีเหตุผลเช่นนี้เลยสักคน นางอึ้งไปจนไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบไปชั่วขณะหนึ่ง พอนางได้สติกลับมา ซ่งเซินก็นั่งร้องไห้โฮใหญ่โตเสียแล้ว

ฮูหยินซ่งทั้งอับอายทั้งโกรธขึ้ง รีบอธิบายให้กับฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับโจวเสาจิ่นว่า “ปกติเขาไม่เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ วันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน” แล้วขู่ซ่งเซินอีกว่า “หากว่าเจ้าทำตัวงอแงเช่นนี้อีก กลับไปแล้วข้าจะฟ้องบิดาของเจ้า หากวันหน้าเจ้าทำให้บิดาของเจ้าโกรธขึ้นมา ยามที่บิดาของเจ้าอยากจะลงโทษสั่งสอนเจ้าแม่ก็จะไม่ช่วยอ้อนวอนบิดาของเจ้าแทนเจ้าอีก…”

ซ่งเซินยังคงร้องไห้ไม่หยุด

โจวเสาจิ่นอึดอัดใจยิ่งนัก รู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตัวเอง หากว่าตนไม่ออกหน้ามาจัดการ มีแต่จะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวผู้เป็นนายรู้สึกลำบากใจเท่านั้น

นางลังเลพร้อมกับก้าวออกมาสองสามก้าว ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากสัญญาให้ซ่งเซินมานอนกับนางได้นั้น ใครจะรู้ว่านางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ถูกฮูหยินผู้เฒ่ากัวเรียก “เสาจิ่น” ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมเอาไว้เสียก่อน ทำเอานางตกใจจนกลืนถ้อยคำที่ติดค้างอยู่ที่ริมฝีปากนั้นลงไป

จู่ๆ ซ่งเซินก็สลัดตัวหลุดจากอ้อมแขนมารดา แล้ววิ่งไปกอดโจวเสาจิ่นเอาไว้ ร้องสะอึกสะอื้นว่า “พี่สาว พี่สาวคนสวย ข้าอยากจะนอนกับท่าน ข้าจะเชื่อฟังท่านอย่างแน่นอน จะเป็นเด็กดีไม่ส่งเสียงดังรบกวนท่านขอรับ…”

“เจ้าเด็กคนนี้!” ฮูหยินซ่งมีสีหน้าย่ำแย่ อยากจะฉุดตัวบุตรชายออกมาจากโจวเสาจิ่น

โจวเสาจิ่นรู้สึกเก้อกระดาก พอนึกถึงน้ำเสียงและสายตาที่ไม่พอใจของฮูหยินผู้เฒ่ากัวเมื่อครู่แล้ว ก็รู้สึกทุกข์ใจเหลือแสน ได้แต่เอ่ยปลอบซ่งเซินอย่างอ่อนโยนว่า “ในเมื่อเจ้าบอกว่าจะเชื่อฟังข้า เช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นมาดีๆ แล้วหยุดร้องไห้เสีย”

ซ่งเซินถือโอกาสขอร้องนางเรื่องหนึ่ง “เช่นนั้นท่านต้องสัญญาว่าจะนอนกับข้านะขอรับ”

ตอนที่ 211 ค้างคืน 1

ตอนที่ 211 ค้างคืน 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน