เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 210

โจวเสาจิ่นหน้าแดงเรื่อขึ้นมาในทันใด

ท่านน้าฉือมาได้อย่างไร

เขาไม่ได้อ่านตำราหมากล้อมอยู่ในห้องหรอกหรือ

โจวเสาจิ่นรีบปล่อยชายกระโปรงลงมาคลุมเท้า แต่ไม่กล้าสวมใส่รองเท้า จึงเดินเท้าเปล่าเช่นนี้ไปหาเฉิงฉือ

เฉิงฉือสังเกตเห็นว่าที่ริมตลิ่งมีเปลือกหอยที่ถูกซัดขึ้นมากับน้ำ ยิ้มพลางกล่าว “เจ้าอย่าเข้ามา ตรงนี้มีเปลือกหอย ระวังจะบาดเท้าเอาได้”

ท่านน้าฉือต้องเห็นนางวิ่งเท้าเปล่าบนหาดทรายแล้วเป็นแน่…

ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นแดงก่ำมากยิ่งขึ้น ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเก้ๆ กังๆ จะหันซ้ายก็ไม่ใช่ จะหันขวาก็ไม่ใช่

เฉิงฉือไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นางอับอาย เมื่อขบคิดแล้วก็เดินไปที่ริมตลิ่ง กล่าวว่า “ท่านแม่ของข้ากำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินซ่ง ฮูหยินซ่งผู้นั้นพูดมากไปสักหน่อย นี่ก็ถาม นั่นก็ถาม ข้าเลยเดินออกมาเสีย ไม่คิดว่าเดินไปเดินมาจะเดินมาถึงตรงนี้” เขาเอ่ยถามโจวเสาจิ่น “ที่นี่สนุกหรือไม่”

“สนุกเจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นพยักหน้าอย่างขัดเขิน

สายตาของทั้งสองคนทอดมองออกไปอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ยังคงมีคลื่นจากปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงที่แม่น้ำเฉียนถังหลงเหลืออยู่ คลื่นสีขาวม้วนตลบบนพื้นผิวแม่น้ำทีละลูก ราวกับเด็กแก่นแก้วที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำอย่างสำราญใจ น้ำในแม่น้ำกระทบเข้าฝั่ง ซัดเข้าใส่หาดทรายเป็นพักๆ

จี๋อิ๋งกับชุนหว่านวิ่งไล่คลื่นอยู่บนชายหาด ส่วนปี้เถายังคงก่อกองทรายเป็นกำแพงต่อไป เล่นกันอย่างสนุกสนานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เฉิงฉือเอ่ยขึ้นว่า “น้ำในแม่น้ำเฉียนถังค่อนข้างขุ่น ไม่เหมือนกับน้ำทะเล คราวหน้าถ้ามีโอกาส จะพาเจ้าไปทะเลเหนือ ทรายบนหาดที่นั่นเป็นสีขาว เวลาที่ดวงอาทิตย์สาดแสงลงบนหาดทราย จะเปล่งประกายระยิบระยับราวกับเงิน งดงามยิ่งนัก ส่วนหาดทรายที่หลินอวี๋เป็นสีทอง เมื่อต้องแสงอาทิตย์ จะเปล่งประกายระยิบระยับราวกับทองคำ คนในพื้นที่ต่างขนานนามให้มันว่า ‘อ่าวทองคำ’…เกาะเหวยโจวที่ก่วงซีก็แตกต่างออกไปเช่นกัน หาดที่นั่นล้วนเป็นโขดหิน เป็นหน้าผาสูงชัน และมีหินรูปทรงแปลกประหลาดมากมาย บางครั้งก็มีนกโฉบลงมาเหนือศีรษะของเจ้า มีนกน้ำว่ายอยู่ข้างๆ เจ้า ดูเปล่าเปลี่ยวเวิ้งว้าง แต่กลับทำให้เจ้ารู้สึกเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาอย่างอธิบายไม่ได้…ท้องฟ้าและน้ำทะเลเป็นสีเดียวกัน ดูกว้างใหญ่ไพศาล…” ขณะที่เขากล่าวอยู่นั้น น้ำเสียงก็ค่อยๆ เบาบางลง แววตาก็เปลี่ยนเป็นพร่ามัว ประหนึ่งกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ในทิวทัศน์อันสวยงามของเกาะเหวยโจวอยู่ก็ไม่ปาน

โจวเสาจิ่นรู้สึกอิจฉายิ่งนัก เบิกตากลมโตมองเฉิงฉือ แล้วอดกระซิบกล่าวออกมาเสียงเบาไม่ได้ว่า “สถานที่ที่ท่านน้าฉือเคยไปมาช่างมากมายยิ่งนัก!”

หากนางเป็นได้อย่างท่านน้าฉือเช่นนี้บ้าง จะดีมากมายเพียงใดนะ!

น้ำเสียงอิจฉานั้นของโจวเสาจิ่นปลุกเฉิงฉือให้ตื่นขึ้นจากความทรงจำ

เขามองสายตาที่ไม่ปกปิดสิ่งใดของนาง แล้วอดยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ กล่าวว่า “เจ้ายังเด็กอยู่ ภายหน้าย่อมได้ไปเยือนสถานที่มากมายเช่นเดียวกัน ไม่ต้องอิจฉาข้าหรอก”

โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นว่า “ต่อให้ข้าได้ไปเยือนสถานที่มากมายหลายแห่ง แต่คงไม่อาจได้เห็นภูมิทัศน์อันงดงามมากเท่าท่านน้าฉือได้หรอกเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางเม้มปากกลั้นยิ้ม แล้วเอ่ยต่ออย่างพอใจว่า “ครั้งนี้ได้ติดตามฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปถวายธูปเทียนที่เขาผู่ถัว และได้ติดตามท่านน้าฉือมาชมปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงที่แม่น้ำเฉียนถัง ข้าก็พอใจกับชีวิตนี้แล้ว ไม่นึกเสียดายอะไรอีกแล้วเจ้าค่ะ”

น้ำเสียงของนางจริงใจยิ่ง ทำให้คนสัมผัสถึงความจริงจังในถ้อยคำของนางได้

ทันใดนั้นเฉิงฉือก็รู้สึกว่าโจวเสาจิ่นเด็กน้อยผู้นี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก

ยังเป็นเพียงทารกมารดาผู้ให้กำเนิดก็ตายจากไป จากนั้นติดตามพี่สาวต่างมารดามาอาศัยอยู่ในเรือนของยายที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายโลหิตกับนางแต่อย่างใด ใช้ชีวิตอยู่ในจวนสี่จวบจนอายุสิบสองปีเสมือนเป็นเงาที่ไร้สุ้มเสียง ถูกมารดาพบเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงวานให้นางช่วยคัดพระธรรมให้ นางรังเกียจเฉิงเจียซ่านถึงเพียงนั้น แต่ยังต้องอดทนอดกลั้นไปเรือนหานปี้ซานอยู่ทุกวัน แม้ตอนที่ถูกเฉิงเจียซ่านไล่ตามก็ไม่กล้าตำหนิเขาเสียงดัง แต่กลับวิ่งหนีไปประหนึ่งลูกกวางที่ตื่นตระหนก ยอมขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าด้วยกลัวว่าเมื่อพวกผู้ใหญ่ในตระกูลเฉิงทราบเรื่องแล้วจะเข้าข้างเฉิงเจียซ่านแล้วทำให้นางได้ชื่อว่าเป็นหญิงสาวที่ ‘ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว’… สิบสองปีที่อาศัยอยู่ในตระกูลเฉิง นางได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้มาแล้วเท่าไร ต้องทนรับความอับอายเช่นนี้มาแล้วเท่าไรกันนะ

เป็นครั้งแรกที่เฉิงฉือสำรวจมองเด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้อย่างละเอียดเช่นนี้

นอกจากดวงหน้าที่พริ้มเพรางามหมดจดนั้นแล้ว นางยังมีขาที่เพรียวยาวกว่าเด็กสาวทั่วไปคู่หนึ่ง ทำให้นางดูสูงโปร่ง แม้รูปร่างจะสูงเพียงปานกลางเท่านั้นก็ตาม

ไม่แปลกเลยที่นางจะเดินบนถนนได้อย่างเงียบเชียบ

หากโตขึ้นอีกหน่อย อาจจะงามผุดผาดยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้

เฉิงฉือยกยิ้มบางเบา

หากไม่ใช่เพราะความโชคดีที่นางพบกับมารดาโดยบังเอิญ ตลอดชีวิตนี้เขาอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ในซอกมุมหนึ่งของตระกูลเฉิงยังมีเด็กสาวเช่นนี้อยู่ด้วย แม้ว่าจะขลาดกลัว อุปนิสัยยอมคน และไม่ค่อยเฉลียวฉลาดนัก แต่ก็สดใสร่าเริง เผยความเจ้าเล่ห์ของเด็กสาวออกมาให้เห็นหลายส่วน ดังเช่นแมวน้อย เวลาที่มองเจ้าในยามปกติก็รู้จักแต่ร้องเหมียวๆ ออดอ้อนเจ้า แต่หากว่าทำตัวเอาแต่ใจขึ้นมา ก็จะกางเล็บข่วนเจ้าสักสองที ถ้าหากเจ้าโกรธและทำหน้าบึ้งตึง มันก็จะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วดุจควัน หลบอยู่ข้างหลังประตูแล้วมองสำรวจเจ้า รอจนกว่าเจ้าจะหายโกรธ แล้วค่อยวิ่งมานั่งอยู่หน้าเจ้าอย่างระมัดระวัง และเอียงคอมองเจ้าโดยไม่ขยับเขยื้อน จนกว่าเจ้าจะคลี่ยิ้มออกมาถึงจะหยุด…

เขากลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

โจวเสาจิ่นยังคิดว่าเฉิงฉือหัวเราะที่นางเห็นโลกน้อยเกินไป จึงรู้สึกเก้อเขินจนหูแดงก่ำ พึมพำว่า “ข้า…ข้าคิดว่าได้ไปเขาผู่ถัวและได้มาเที่ยวแม่น้ำเฉียงถังเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ นะเจ้าคะ เด็กสาวที่ไม่เคยเดินทางออกจากเมืองจินหลิงเหมือนข้ามีอีกมากมายเลยเจ้าค่ะ!”

แววตาของเฉิงฉือเยือกเย็นลงเล็กน้อย

เขานึกถึงหลินซื่อเซิ่งที่จิงเฉิง

ได้ยินว่าเขาได้รับตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์ภายใต้การสนับสนุนอย่างลับๆ จากพ่อตา

โจวเสาจิ่นกับคนผู้นี้มีความสัมพันธ์กันหรือไม่นะ

จู่ๆ เขาก็รู้สึกหมดความสนใจขึ้นมา

“ข้าจะกลับก่อนแล้ว!” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “พวกเจ้าเล่นกันอีกสักพักก็กลับกันได้แล้ว! นี่ก็เริ่มเย็นแล้ว น้ำในแม่น้ำตอนกลางคืนเย็นเยียบยิ่งนัก ระวังจะหนาวเอาได้ อีกสองวันพวกเราต้องออกเดินทางไปซูโจว หากเจ็บป่วยขึ้นมาจะทรมานไม่น้อย”

โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกๆ พลางกล่าว “พวกข้าจะกลับเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ!” ทว่าในใจกลับรู้สึกประหม่าเล็กน้อย นางไม่ได้กล่าวอะไรออกไปเลย เหตุใดจู่ๆ ท่านน้าฉือถึงได้ดูอารมณ์เสียขึ้นมานะ

ตนต้องกล่าวขอโทษท่านน้าฉือสักครั้งหรือไม่นะ

ปัญหาคือต่อให้นางอยากจะขอโทษ แต่ก็ไม่รู้ว่าตนได้ทำผิดตรงที่ใด หรือควรจะขอโทษอย่างไร!

โจวเสาจิ่นมุ่ยปาก เมื่อเงยหน้ามองออกไปก็พบว่าเฉิงฉือสาวเท้าเดินไปที่ริมตลิ่ง ห่างออกไปจากนางมากกว่าหนึ่งจั้งเสียแล้ว

ช่างมันเถอะ!

โจวเสาจิ่นลังเล คราวหน้าถ้ามีโอกาสค่อยถามท่านหน้าฉือก็แล้วกัน

ตอนที่ 210 พูดคุย 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน