เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 209

ฮูหยินซ่งทราบว่าฮูหยินผู้เฒ่าเบื้องหน้าผู้นี้คือมารดาของเฉิงจิง ผู้เป็นที่ปรึกษาประจำพระที่นั่งเหวินหวา เจ้ากรมพิธีการคนใหม่ นางจึงกระตือรือร้นยิ่งนัก ไม่เพียงยิ้มแย้มแจ่มใส คำพูดและการกระทำยังเผยความเป็นมิตรออกมาอย่างล้นเหลือ “เนื่องจากข้าเป็นคนหน้าหนาผู้หนึ่ง เช่นนั้นข้าจึงไม่เกรงใจฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว วันใดที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีเวลาว่าง จะต้องไปเที่ยวเมืองหลวงนะเจ้าคะ ข้าจะได้เป็นเจ้าบ้านต้อนรับได้อย่างเต็มที่” จากนั้นถอดกำไลเกลียวทองคำที่มือออกเพื่อมอบให้โจวเสาจิ่น “ไม่รู้ว่าจะได้พบคุณหนูรองที่นี่ ถือเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้า ขอคุณหนูรองอย่าได้ปฏิเสธ”

นี่เป็นการพบปะกันระหว่างสองครอบครัว โจวเสาจิ่นจึงไม่อาจบ่ายเบี่ยง ทำให้ผู้อื่นคิดว่าตระกูลเฉิงไม่มีวิสัยทัศน์ได้

นางก้าวออกไปกล่าวขอบคุณอย่างยิ้มแย้ม รับกำไลข้อมือมาแล้วยื่นส่งให้ชุนหว่านที่อยู่ข้างๆ

ฮูหยินซ่งผู้นั้นก็เป็นคุณหนูจากตระกูลบัณฑิตที่สืบทอดต่อกันมา เพียงแต่ว่าพอมาถึงรุ่นของนางนี้ก็สู้ไม่ได้กับเมื่อก่อนแล้ว ถึงแม้ต่อมาจะแต่งให้กับซ่งจิ่นหราน และได้ติดตามไปอยู่ที่จิงเฉิง แต่เวลาส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นการดูแลงานบ้านอยู่แต่ในห้องหอ ประสบการณ์ถือว่ายังจำกัดนัก โจวเสาจิ่นมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น อีกทั้งไม่มีความใจแคบ ในสายตาของฮูหยินซ่งแล้ว นี่ต่างหากถึงจะเป็นลักษณะของบุตรสาวจากครอบครัวในอุดมคติอย่างแท้จริง จึงชื่นชอบยิ่งนักอย่างห้ามไม่อยู่ หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนที่ทุกคนต่างก็ย้ายไปนั่งดื่มชาที่ห้องรับรองนั้น นางดึงโจวเสาจิ่นไปสอบถามไม่หยุด

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นคนฉลาด ฟังจากน้ำเสียงของบุตรชายคนเล็กแล้ว หยวนเหวยชางกับซ่งจิ่งหรานนั้นไม่ค่อยสนิทสนมกันนัก บุตรชายคนโตอย่างเฉิงจิงเพิ่งเข้าไปในราชสำนัก ลำดับอาวุโสจึงต่ำสุด จะสนับสนุนตระกูลหยวนต่อไปหรือจะหาประโยชน์ระหว่างหยวนเหวยชางและซ่งจิ่งหรานดีนั้น หากพูดกันในเวลานี้ยังถือว่าเร็วไปสักหน่อย การปฏิบัติต่อฮูหยินซ่งที่เห็นได้ชัดว่าเบาะแสยังไม่ค่อยชัดเจนผู้นี้อย่างสนิทสนมเกินไปถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ควรสนิทสนมมากเกินไป ดังนั้นสำหรับคำถามของฮูหยินซ่งเหล่านั้น บางอย่างนางก็เก็บไว้ไม่ตอบ

ฮูหยินซ่งได้ยินว่าโจวเสาจิ่นกับตระกูลเฉิงเป็นญาติผ่านการดองกัน ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าโจวเสาจิ่นคัดอักษรได้ดี จึงเชิญให้โจวเสาจิ่นช่วยคัดพระธรรม ‘ศูรางคมสูตร’ ให้หนึ่งบท นำไปถวายที่เขาผู่ถัว ฮูหยินซ่งอดอัศจรรย์ใจไม่ได้ ฮูหยินซ่งรู้จักเพียงชื่อของตัวเองเท่านั้น นางจึงอดไม่ได้ที่จะหยั่งเชิงถามเรื่องแต่งงานของโจวเสาจิ่นขึ้นมา

ถึงแม้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ทว่ารู้สึกว่านี่เป็นเรื่องของสามัญสำนึก แต่สำหรับสหายเก่าแก่ที่ฮูหยินซ่งเอ่ยถึงนั้นกลับไม่รู้สึกสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว

ฮูหยินซ่งผู้นี้ยังขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าสหายเก่าแก่ของนางผู้นั้นก็คงจะไม่ต่างกันเท่าไร!

ดังนั้นหลังจากดื่มชาเสร็จแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงไล่โจวเสาจิ่นกลับไปคัดพระธรรมที่ห้อง “อีกสองวันพวกเราอาจจะพักที่ซูโจว ที่ซูโจวก็มีวัดเลื่องชื่อมากมาย ถึงเวลานั้นคงจะต้องไปกราบไหว้สักหน่อย”

โจวเสาจิ่นเพียงไม่ค่อยรอบคอบเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ พอฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยนางก็เข้าใจความหมายของฮูหยินผู้เฒ่าได้ในทันที นอกจากนี้นางก็ไม่ค่อยชอบเรื่องการจับคู่อย่างที่ฮูหยินซ่งกล่าวถึงสักเท่าไร นางคิดว่าชีวิตในชาตินี้หากต้องแต่งงานกับใคร ก็ต้องเป็นการแต่งงานที่บิดาและพี่สาวเห็นดีด้วยถึงจะถูก

ชาติก่อน ทุกครั้งที่ถึงวันขึ้นปีใหม่ นางมักจะอิจฉาบรรดาคนที่ได้กลับบ้านเดิมของภรรยาพร้อมกับสามี จากนั้นสองสามีภรรยาก็นั่งล้อมวงกันกินเลี้ยงกับญาติพี่น้องของบ้านภรรยา

นางยิ้มพลางขานรับว่า “เจ้าค่ะ” แล้วพาบ่าวรับใช้กลับไปที่ห้องปีกตะวันออก

ชุนหว่านช่วยฝนหมึกให้โจวเสาจิ่นอย่างหดหู่

โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม กล่าวขึ้นว่า “เจ้าไปพักผ่อนเถิด! ฮูหยินผู้เฒ่าเพียงกล่าวกับฮูหยินซ่งไปเป็นพิธีเท่านั้น เหตุใดเจ้าถึงถือเอามาถือเป็นจริงเป็นจังได้!”

“อา!” ชุนหว่านเบิกดวงตาโพลง กล่าวขึ้นว่า “จริงหรือเจ้าคะ แต่ข้าดูท่าทางของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วไม่เหมือนกับพูดเล่นเลยนะเจ้าคะ…”

“หากแม้แต่เจ้ายังดูออกว่าเป็นข้ออ้างของฮูหยินผู้เฒ่า เช่นนั้นฮูหยินผู้เฒ่าจะปิดฮูหยินซ่งไว้ได้อย่างไร” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “เจ้าเชื่อข้าเถอะว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน ไปพักผ่อนเถิด!”

“น่าแปลกจริงๆ!” ชุนหว่านพึมพำขณะถอยออกไป “ตั้งแต่เมื่อใดกันที่แม้แต่ความคิดในใจของฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูรองก็มองออกแล้ว…”

โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วก็ชะงักอย่างห้ามไม่อยู่

จริงด้วย!

ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นางฟังเข้าใจแม้กระทั่งคำพูดอ้อมๆ ของฮูหยินผู้เฒ่า…โจวเสาจิ่นที่แอบอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยอาการสั่นกลัวแล้วผลักเรื่องยากลำบากทุกอย่างไปให้พี่สาวเป็นคนจัดการผู้นั้น พอคิดขึ้นมาอย่างกะทันหันในตอนนี้แล้วเปลี่ยนไปมากจริงๆ…

โจวเสาจิ่นยิ้มพลางยื่นมือไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งบนชั้นวางของตกแต่งมีค่ามาพลิกดู

หนังสือเล่มนั้นเป็นหนังสือเชิดชูคุณงามความดีของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ค่อนข้างมีอายุเก่าแก่แล้ว นางพลิกไปพลิกมา แต่อ่านต่อไปไม่ไหวจริงๆ

ฝานหลิวซื่อยิ้มตาหยีขณะเดินเข้ามา กล่าวขึ้นว่า “คุณหนูรอง แม่นางจี๋อิ๋งมาหาเจ้าค่ะ!”

โจวเสาจิ่นกำลังรู้สึกเบื่อๆ พอดี จึงรีบออกไปต้อนรับ

จี๋อิ๋งสวมเสื้อคอป้ายกับกางเกงของบุรุษ จะลากนางไปเล่นที่หาดทรายข้างแม่น้ำเฉียนถัง “…สถานที่ที่นายท่านสี่หามานี้ดีจริงๆ รอข้าไปซูโจวแล้ว คงทำอะไรไม่สะดวกเช่นนี้อีกแล้ว เจ้าบอกว่าอยากถอดถุงเท้าแล้วเดินเท้าเปล่าบนหาดทรายมิใช่หรือ พวกเราใช้โอกาสที่ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังมีแขกและนายท่านสี่กำลังพักผ่อนนี้ไปเล่นครู่เดียวก็กลับมาแล้ว”

โจวเสาจิ่นอยู่ในกฎระเบียบจนชินเสียแล้ว ถึงแม้ช่วงนี้จะทำตัวสบายๆ กว่าตอนอยู่ที่ซอยจิ่วหรู แต่บางอย่างก็ยังติดเป็นนิสัยอยู่ พอได้ยินก็ใจเต้นตึกตัก กล่าวอย่างลังเลว่า “เช่นนี้ไม่ค่อยดีกระมัง! พวกเราน่าจะไปบอกท่านน้าฉือสักหน่อย”

ในความรู้สึกของนางแล้ว เฉิงฉือพูดง่ายกว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัว

จี๋อิ๋งกลับเห็นต่าง กล่าวขึ้นว่า “ให้ไปบอกนายท่านสี่ไม่สู้ไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าดีกว่า! ข้าดูแล้วฮูหยินผู้เฒ่าปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีเมตตา อีกทั้งยังเป็นมิตร เหตุใดนายท่านสี่ถึงไม่เหมือนฮูหยินผู้เฒ่าเลยแม้แต่นิดเดียว!”

ตามหลักแล้ว พวกนางจะออกไปข้างนอกควรจะไปบอกฮูหยินผู้เฒ่า

โจวเสาจิ่นกล่าว “หรือไม่ เจ้าไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าสักหน่อยดีหรือไม่”

จี๋อิ๋งดันตัวโจวเสาจิ่น “หากเจ้าพูดกับนายท่านสี่ได้ ยังต้องให้ข้าไปทำขายหน้าต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าอีกเพื่ออันใด”

โจวเสาจิ่นยกยิ้มที่มุมปาก แล้วไปหาเฉิงฉือ

เฉิงฉือกำลังกำลังอ่านตำราการเล่นหมากล้อมอยู่ลำพัง พอทราบเจตนาของนางแล้วไม่เพียงอนุญาตให้นางไปเล่นที่หาดทรายริมแม่น้ำเฉียนถังกับจี๋อิ๋งเท่านั้น ยังสั่งให้ฉินจื่อผิงตามไปด้วย กล่าวขึ้นว่า “หากฮูหยินผู้เฒ่าถามขึ้นมา เจ้าก็บอกไปว่าเป็นข้าที่ให้เจ้าไป”

โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วก็ดีใจจนเกือบจะกระโดดตัวลอยขึ้นมา กล่าวขอบคุณเฉิงฉือไม่หยุด ระหว่างทางที่เดินไปหาดทรายยังถามจี๋อิ๋งว่า “ท่านน้าฉือไม่มีคนที่เขาปรารถนาจะประจบประแจงที่สุดบ้างเลยหรือ ข้ากลับไปจะได้ปักรูปองค์กวนอิมให้เขาผืนหนึ่ง เขาจะได้เอาไปใช้เป็นของขวัญวันเกิดให้ผู้อื่นหรือไม่ก็ใช้ในยามไปสู่ขอภรรยาได้”

ชุนหว่านเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง รีบกล่าวขึ้นว่า “คุณหนูรอง ข้าจะช่วยแยกเส้นด้ายให้ท่านเองเจ้าค่ะ!”

จี๋อิ๋งเกลียดที่เหล็กไม่กลายเป็นเหล็กกล้า[1]เสียที กล่าวขึ้นอย่างดูแคลนว่า “นายท่านสี่ก็เพียงอนุญาตให้พวกเจ้าไปเล่นครู่หนึ่งเท่านั้นมิใช่หรือ มันควรค่าหรือที่พวกเจ้าต้องซาบซึ้งในบุญคุณเขาเสมือนซาบซึ้งในบุญคุณของบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเช่นนี้ ยังจะปักภาพองค์กวนอิมอะไรนั่นให้เขาอีก ข้าว่าพวกเจ้าซื้อขนมอะไรสักอย่างระหว่างทางไปให้เขาก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาอกเอาใจถึงเพียงนั้นก็ได้กระมัง”

โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วกลับพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเป็นจริงเป็นจัง กล่าวขึ้นว่า “ข้าคิดว่าขนมก็ควรซื้อไปให้ด้วยสักสองกล่อง ภาพองค์กวนอิมก็ควรปักให้ด้วยผืนหนึ่ง” นางกล่าวจบก็หันไปถามฉินจื่อผิงที่เดินตามหลังพวกนางอยู่ไกลๆ ว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่านายท่านสี่ชอบกินขนมอะไร พวกเราจะได้ฝึกทำตามบ้าง!”

ตอนที่ 209 หาดทราย 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน