ชุนหว่านและอีกหลายคนหน้าแดงจนราวกับจะหลั่งโลหิตออกมาได้ก็ไม่ปาน
หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่องแล้วก็ลอบพยักหน้า กล่าวกับสื่อมามาเป็นการส่วนตัวว่า “ยิ่งอยู่เด็กคนนี้ก็ยิ่งกล้าพูดกล้าเสวนา หากให้เวลาอีกนิด ต้องกลายเป็นผู้ที่ดูแลจัดการงานบ้านได้ดีผู้หนึ่งเป็นแน่”
แต่สื่อมามากลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
นางรู้สึกว่าโจวเสาจิ่นยังขาดเกียรติภูมิและความน่าเกรงขาม ยากนักที่จะทำให้แม่บ้านที่ดูแลงานบ้านเหล่านั้นอยู่ในอาณัติ นางกล่าวหยั่งเชิงขึ้นว่า “เพียงแต่ว่าอุปนิสัยอ่อนแอไปสักหน่อยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่เห็นด้วย กล่าวขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าคนที่มีอุปนิสัยแข็งแกร่งก็เท่ากับว่าดีแล้วอย่างนั้นหรือ หลายครั้งหลายคราล้วนเป็นความอ่อนโยนที่เอาชนะความแข็งกร้าวได้”
สื่อมามาไม่กล้ากล่าวอะไรอีก
เมื่อก่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้สึกว่าหากผู้หญิงไม่ลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง ก็อย่าได้คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตที่มีความสุขได้
ทว่าตอนนี้กลับเข้าข้างโจวเสาจิ่น
เช่นนั้นต่อจากนี้ไปนางคงต้องปฏิบัติต่อโจวเสาจิ่นให้นอบน้อมอีกสักหน่อยเสียแล้ว
“ยังคงเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่มีสายตาแหลมคมเจ้าค่ะ!” สื่อมามาประจบฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มๆ
ชุนหว่านและคนอื่นๆ อีกหลายคนได้ยินถ้อยคำของโจวเสาจิ่นแล้วก็ลอบหวาดหวั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ต่อไปคงไม่กล้าไม่พอใจอะไรอีกแล้ว ท่าทีที่มีต่อบ่าวรับใช้ของตระกูลซ่งจึงกระตือรือร้นขึ้นมาก ทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใสไปตลอดทางจนถึงฉางโจว
เดินทางต่อไปอีกก็จะถึงเจิ้นเจียงแล้ว
พวกเขาน่าจะแยกย้ายกันที่เจิ้นเจียง ครอบครัวของท่านผู้เฒ่าซ่งจะเดินทางขึ้นเหนือต่อไป จากเจิ้นเจียงผ่านฉ่างโจว ไหวอัน จนถึงกระทั่งไปขึ้นท่าเรือที่ทงโจวเพื่อเข้าเมืองหลวง ส่วนพวกเขาจะมุ่งไปทางตะวันตกเพื่อกลับจินหลิง
เฉิงฉือเคล้นนวดดวงตาที่บวมเป่งขณะเงยหน้าขึ้นมา ถอนหายใจพลางกล่าวกับผู้เฒ่าซ่งว่า “ได้ฟังคำคำสอนของผู้มีปัญญาแม้เพียงหนึ่งครั้ง ยังมีค่ากว่าได้ร่ำเรียนมาสิบปี ก่อนหน้านี้ข้าเป็นดั่งกบในกะลา คิดว่าภายใต้โลกหล้านี้ นอกจากข้าแล้วคงมีไม่กี่คนที่เข้าใจเรื่องการดูกระแสน้ำ แต่หลังจากที่ได้พบท่านผู้เฒ่าแล้วถึงได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ตอนนี้ข้าอยากลองพบไต้เท้าซ่งจี้เซียงซ่งจิ่งหรานผู้เลื่องชื่อเสียจริงว่าจะเป็นเป็นคนสง่างามเพียงใดขอรับ!”
เขากับซ่งจิ่งหรานเคยติดต่อกันมาก่อนบ้าง ทว่าไม่เคยได้คุยกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง ซ่งจิ่นหรานในสายตาของเขาแล้ว ก็เป็นเพียงขุนนางระดับสูงที่มีความสามารถผู้หนึ่งก็เท่านั้น
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว คงถึงเวลาที่ต้องทำความรู้สึกแต่ละฝ่ายให้ลึกซึ้งมากขึ้นเสียแล้ว
ซ่งหมิ่นหัวเราะดังลั่น กล่าวขึ้นว่า “นี่มีอะไรยุ่งยากหรือ ประตูบ้านของตระกูลซ่งของพวกข้าย่อมเปิดต้อนรับเจ้าตลอดไป สิ่งที่ข้ากังวลอย่างเดียวในเวลานี้ก็คือหลังจากได้พบจิ่งหรานแล้วเจ้าจะผิดหวังเสียมากกว่า ข้านั้นไม่เก่งเรื่องการจัดการเงินทอง จิ่งหรานจึงไม่มีทางเลือก ตั้งแต่เด็กก็รู้จักการเจรจาต่อรองเงินทุกเหรียญแล้ว โชคดีที่ต่อมาได้เข้าไปอยู่กรมคลัง ก็ถือว่าได้นำสิ่งที่ร่ำเรียนมาไปใช้ ถึงได้ไม่ทำให้เขาลืมเลือนมันไป”
เฉิงฉือลอบไว้อาลัยเงียบๆ ให้กับซ่งจิ่งหรานที่ยังไม่เคยได้พบหน้าผู้นั้นอยู่หลายลมหายใจ
คนที่คำนวณเลขคณิตเป็นภายใต้โลกใบนี้มีไม่น้อย แต่คนที่เก่งเลขคณิตแล้วเข้าไปในราชสำนักได้นั้น ตั้งแต่อดีตกาลเป็นต้นมากลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น!
เห็นได้ชัดว่าซ่งหมิ่นไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับบุตรชายมากนัก กล่าวขึ้นว่า “พวกเราคำนวณมาทั้งทางแล้ว วันนี้พักผ่อนกันดีกว่า! เมื่อสองปีก่อนข้าเคยพักอยู่ฉางโจวช่วงหนึ่ง ทางทิศใต้ของท่าเรือมีร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งชื่อว่าร้านหวังจี้ ทำมัดตับต้มของลี่หยางได้รสชาติดีเหมือนเจ้าถิ่นยิ่งนัก ในหีบของข้ายังมีสุราเหล่าเจี้ยวของหลูโจวอยู่อีกหนึ่งขวด เป็นสุราที่ข้าเก็บสะสมมานานหลายปีแล้ว ตอนที่หลานชายคนโตของข้าลืมตาดูโลกข้ายังเสียดายไม่กล้าเอาออกมาดื่ม ครั้งนี้ต้องไปอยู่ที่จิงเฉิงเป็นระยะเวลานาน ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะได้กลับไปที่บ้านเก่าอย่างฉางซาอีกหรือไม่ ข้าจึงนำสุราขวดนี้มาด้วย วันนี้พวกเราดื่มมันเสียก็แล้วกัน!”
“นี่ถึงฉางโจวแล้วอย่างนั้นหรือ” เฉิงฉือประหลาดใจ
“ใช่แล้ว!” ซ่งหมิ่นกล่าวยิ้มๆ “รู้สึกเหมือนหลงวันหลงปีอยู่บ้างเล็กน้อยใช่หรือไม่ บางครั้งเวลาคำนวณกระแสน้ำเหล่านี้ข้าเองก็มักจะดำดิ่งเข้าไปในอยู่ท่ามกลางพวกมันจนถอนตัวไม่ขึ้นอยู่บ้างเช่นกัน!”
มุมปากของเฉิงฉือกระตุก
เขารับปากโจวเสาจิ่นเอาไว้ว่าตอนเดินทางกลับจะให้นางได้เดินเล่นไปทั่วทุกที่
ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเรือลำน้อยได้ลอยลำผ่านภูเขานับหมื่นลูก เพียงพริบตาเดียวพวกเขาก็มาถึงฉางโจวเสียแล้ว
หลังจากที่ส่งซ่งหมิ่นกลับไปเปลี่ยนอาภรณ์และล้างหน้าล้างตาแล้ว เขาเอ่ยถามฉินจื่อผิงเสียงเบาว่า “ช่วงนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากับคุณหนูรองทำอะไรกันบ้าง”
ฉินจื่อผิงกล่าว “ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่คุยกับฮูหยินซ่งโดยตลอด ส่วนคุณหนูรองหากไม่นั่งทำงานเย็บปักอยู่ข้างๆ ก็จะช่วยเลี้ยงคุณชายซ่งขอรับ”
“เลี้ยงคุณชายซ่ง?” เฉิงฉือย่นคิ้ว พลางถามขึ้นว่า “หมายความว่าอย่างไร”
ฉินจื่อผิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “หากไม่สอนคุณชายซ่งเขียนอักษร ก็จะเล่าที่มาของ ‘คัมภีร์สามอักษร[1]’ และ ‘บทกวีพันสำนัก[2]’ ให้คุณชายซ่งฟัง หรือไม่ก็จะเล่นหมากล้อมสามตัวเป็นเพื่อนคุณชายซ่งขอรับ”
เฉิงฉือยกยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวขึ้นว่า “ฝีมือระดับนาง ก็ได้แค่เอาไว้หลอกล่อเด็กให้เล่นหมากล้อมสามตัวเท่านั้น!”
ฉินจื่อผิงขานตอบว่า “ขอรับ” ยิ้มๆ พลางยืนรอคำสั่งต่อไปของเฉิงฉือ
เฉิงฉือกลับเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องสองรอบ ถึงได้หยุดฝีเท้าลง กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าลังเลว่า “นอกจากอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัว ฟังฮูหยินซ่งพูดคุย และเลี้ยงคุณชายซ่งแล้ว คุณหนูรองไม่กล่าวถึงอะไรอย่างอื่นเลยหรือ”
ฉินจื่อผิงประหลาดใจเล็กน้อย
น้อยมากที่นายท่านสี่จะถามถึงใครสักคนอย่างละเอียดเช่นนี้ คนที่ถูกเขาถามถึงอย่างละเอียดเช่นนี้ได้ ล้วนเป็นคนหรือเรื่องที่นายท่านสี่เห็นว่าสมน้ำสมเนื้อหรือไม่ก็สำคัญต่อการตัดสินใจขั้นเด็ดขาดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ไม่ว่าจะมองอย่างไรคุณหนูรองก็ยังไม่ถึงขั้นที่ว่า ‘สำคัญ’ หรือ ‘เด็ดขาด’ แต่อย่างใด
แต่เขากลับกระจ่างแจ้งอยู่แก่ใจ
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ยิ่งกล่าวได้ชัดเจนขึ้นว่าคุณหนูรองผู้นี้ไม่ธรรมดา
เขารีบกล่าว “ในส่วนของข้าไม่ได้สังเกตเห็นอะไร ให้ข้าไปเรียกป้าซางมาดีหรือไม่ขอรับ”
เฉิงฉือลังเลครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นเจ้าไปเรียกป้าซางเข้ามาก็แล้วกัน!”
ไม่ง่ายเลยกว่าฉินจื่อผิงจะข่มกระแสความหวาดหวั่นที่บังเกิดขึ้นในใจเอาไว้ได้ และเดินออกไปด้วยใบหน้านิ่งสงบ
เฉิงฉือเอามือไพล่หลัง เดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องอีกสองรอบ
เขาไม่เคยผิดคำสัญญาต่อผู้ใดมาก่อน โดยเฉพาะเหตุการณ์อย่างเช่นในตอนนี้ เขาถึงกับผิดคำสัญญาต่อเด็กสาวที่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นผู้หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเด็กสาวผู้นี้ยังเคยให้ความช่วยเหลือเขามาก่อนอีกด้วย
ในหัวของเฉิงฉือปรากฎภาพสายตาของโจวเสาจิ่นที่มองเขาขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาจึงรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น
นัยน์ตาของเด็กสาวเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น!
นอกจากนี้ยังเป็นความเชื่อมั่นที่ไร้ซึ่งความสงสัยใดๆ อีกด้วย!
เชื่อมั่นว่าตนจะไม่ทำร้ายนาง เชื่อมั่นว่าตนจะไม่ผิดคำสัญญาต่อนาง เชื่อมั่นว่าตนจะไม่หลอกลวงนาง…ประหนึ่งว่าไม่เคยสงสัยในตัวเขามาก่อน เชื่อมั่นในตัวเขามากกว่าที่เขาเชื่อมั่นในตัวเองเสียอีก!
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน