เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 216

เฉิงฉือกับท่านผู้เฒ่าซ่งหมกตัวคำนวณนั่นคำนวณนี่อยู่ในห้องโดยสารมาโดยตลอด ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงไม่ได้พูดคุยกับบุตรชายดีๆ มาหลายวันแล้ว ยามนี้ได้ยินว่าเฉิงฉือมาขอพบ จึงปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง กล่าวซ้ำๆ ว่า “รีบเชิญนายท่านสี่เข้ามา”

ฮูหยินซ่งหลบไปอยู่ในห้องชั้นใน

แววตาของโจวเสาจิ่นวูบไหวเล็กน้อย หลบอยู่ด้านหลังของฮูหยินผู้เฒ่ากัว

แต่เพียงเฉิงฉือก้าวเข้าประตูมาก็เห็นโจวเสาจิ่นแล้ว

เป็นครั้งแรกที่นางสวมเสื้อกั๊กปี๋เจี่ยสีชมพูของผลท้อ ชายเสื้อของชุดปี๋เจี่ยเป็นลายตารางสีเขียว ขับผิวของนางให้ดูขาวนวลเนียนดุจหิมะ ดูอ่อนโยนและสง่างาม

เฉิงฉืออดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ พลางทำความเคารพมารดา

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวชี้ไปที่เบาะนั่งข้างกายเป็นสัญญาณให้เฉิงฉือนั่งลง ถามเขาเสียงอบอุ่นว่า “ตัวเลขที่เจ้าคำนวณกันนั้นคำนวณเสร็จแล้วหรือ”

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ากับท่านผู้เฒ่าซ่งกำลังคำนวณกระแสน้ำของแม่น้ำฟู่ชุนเจียงและแม่น้ำเฉียนถังในรอบสิบปีที่ผ่านมา หวังว่าจะคำนวณหากฎบางอย่างออกมาได้ เพื่อจะได้คำนวณปีและเดือนของการเกิดภัยแล้งและน้ำท่วมอย่างคร่าวๆ ได้”

“นี่ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวให้การสนับสนุนเป็นอย่างมาก กล่าวต่อว่า “พวกเจ้าคำนวณอะไรออกมาได้บ้างหรือยัง ต้องการเชิญท่านผู้เฒ่าซ่งไปพักที่จวนสักช่วงหนึ่งหรือไม่ ไต้เท้าซ่งเป็นกังวลว่าท่านผู้เฒ่าซ่งอยู่บ้านเดิมเพียงลำพังแล้วจะโดดเดี่ยว ข้าคิดว่าหากเขารู้ว่าท่านผู้เฒ่าซ่งกับเจ้ามีความสนใจและเป้าหมายอย่างเดียวกัน เขาต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน”

“พวกข้ายังไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเลยขอรับ” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “จิงเฉิงมากล้นไปด้วยบัณฑิตผู้มีความสามารถ หลิวฉีผู้เป็นหัวหน้ากองสำนักดาราศาสตร์หลวงก็เป็นผู้มีความสามารถและพรสวรรค์ ท่านผู้เฒ่าซ่งหมายจะเข้าจิงเฉิงไปขอเรียนรู้จากคนเหล่านี้สักครั้งก่อน ข้าเองก็คิดว่าเรื่องนี้ลำพังเพียงพวกข้าสองคนคงยากที่จะบรรลุผล ฉะนั้นพวกข้าจึงนัดหมายกันเอาไว้ว่ารอให้ทางด้านของท่านผู้เฒ่าซ่งมีความคืบหน้าแล้วข้าค่อยเข้าเมืองหลวงสักครั้งหนึ่ง จึงไม่ค่อยดีนักที่จะเชิญท่านผู้เฒ่าซ่งไปพักที่บ้านขอรับ”

“แบบใดก็ดีทั้งนั้น!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวขอเพียงให้บุตรชายมีความสุข กล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าได้ยินว่ากรมโยธาธิการเองก็มีคนมีความสามารถจำนวนมาก พี่ชายใหญ่ของเจ้ามาจากกรมโยธาธิการ พี่ชายภรรยาของไต้เท้าอู๋เจ้าเมืองจินหลิงก็ดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางอยู่ในกรมโยธาธิการ โดยเฉพาะพ่อตาของไต้เท้าเกาเจ้าเมืองเจิ้นเจียงเป็นถึงเจ้ากรมโยธาธิการ ที่ปรึกษาประจำพระที่นั่งจิ่นเซิน…ต้องการให้พี่ชายของเจ้าไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วยตัวเองสักครั้งหรือไม่”

เฉิงฉือรู้ดีว่าหลายปีมานี้มารดาไม่ค่อยสบายใจนัก ทำทุกวิถีทางที่จะชดเชยให้เขา จึงกล่าวล่อหลอกให้มารดาดีใจว่า “หากท่านไม่พูดข้าคงคิดไม่ถึงจริงๆ เสียแล้ว! หากทางด้านของท่านผู้เฒ่าซ่งไม่มีความคืบหน้าอะไร ถึงเวลานั้นข้าจะขอให้ท่านช่วยออกหน้าไปติดต่อให้ข้านะขอรับ”

“รู้จักแต่จะหลอกล่อให้ข้าดีใจ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มเคืองๆ ขณะชี้ไปที่บุตรชายพลางกล่าวว่า “เจ้าเมืองเกาผู้นั้นเป็นสหายสนิทของเจ้ามิใช่หรือ คราวก่อนเจ้าให้ความช่วยเหลือเขาไปครั้งใหญ่ขนาดนั้น ข้าดูแล้วเขาพยายามหาโอกาสตอบแทนน้ำใจของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้าไปหาเขา ต่อให้เขาไม่ได้เข้าเมืองหลวงไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วยตัวเอง เกรงว่าก็ต้องให้ที่ปรึกษาพาเจ้าไปเยี่ยมพ่อตาของเขาอย่างแน่นอน”

เฉิงฉือประหลาดใจเล็กน้อย

ตระกูลฝั่งตาของเขาเปิดสำนักศึกษา อีกทั้งมีชื่อในเรื่องความซื่อสัตย์และจงรักภักดีเลื่องลือออกไปไกล คนที่มารดารู้จักจึงมีไม่น้อย แต่ที่ผ่านมามารดาไม่ใช่คนที่ชอบคุยโวโอ้อวด เหตุใดจู่ๆ ถึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้

เฉิงฉือนึกถึงคำพูดของสาวใช้ที่รายงานเขาก่อนที่จะมาว่าฮูหยินซ่งกำลังสนทนาอยู่กับมารดา พลันเข้าใจเจตนาของมารดาขึ้นมา

มารดากำลังแสดงพลานุภาพให้ฮูหยินซ่งดูอยู่นี่เอง!

เป็นการบอกฮูหยินซ่งว่าตระกูลเฉิงอย่างพวกเขานี้ไม่เพียงเป็นตระกูลที่แข็งแกร่ง ญาติสนิทมิตรสหายต่างๆ ก็ยังมีอยู่ทั่วทุกหนแห่งทั้งในและนอกราชสำนัก ไม่ว่าอยากกระทำการใดล้วนมีหนทางและเส้นสาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรล้วนไม่ใช่เรื่องยาก

เขารู้สึกว่าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีอยู่บ้างเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

ต้องเป็นเพราะมารดาได้ยินที่เขาแสดงความคิดเห็นต่อหยวนเหวยชางและซ่งจิ่งหรานไปเป็นแน่ จึงกลัวว่าพี่ชายจะมีความคิดไปในทางเดียวกับหยวนเหวยชางแล้วจะทำให้ตนได้รับความลำบาก ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจหาการสนับสนุนให้ตัวเองในเส้นทางนี้เอาไว้…

เฉิงฉือเหลือบตามองโจวเสาจิ่นครั้งหนึ่ง

โจวเสาจิ่นมีสีหน้ายุ่งเหยิง

นางตัดสินใจแล้วว่าจะให้เฉิงฉือกับตระกูลซ่งสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น แต่เรื่องที่เขากับท่านผู้เฒ่าซ่งมีความสนใจเกี่ยวกับการจัดการแม่น้ำนั้น เกี่ยวอะไรกับนางด้วยเล่า

โจวเสาจิ่นเบิกตาโพลงมองไปที่เฉิงฉือ

เฉิงฉือต้องพยายามเป็นอย่างมากถึงจะไม่เผยสายตาดูแคลนออกมาให้เห็น

เด็กผู้นี้ถึงกับกล้าเบิกตาโพลงจ้องเขาเลยหรือ!

หากไม่ใช่เพราะนางเผยเรื่องที่ท่านผู้เฒ่าซ่งอยากร่วมทางไปกับพวกเขาให้มารดาเขาทราบตามใจชอบ มารดาจะกล่าววาจาอ้อมค้อมเช่นนี้ออกมาหรือ

ไม่รู้ว่านางยืนอยู่อย่างมั่นคงข้างๆ มารดาได้อย่างไร!

เฉิงฉือครุ่นคิดอยู่ในใจ ไม่มองโจวเสาจิ่นอีก แต่กล่าวกับมารดายิ้มๆ ว่า “อีกประเดี๋ยวก็ถึงท่าเรือฉางโจวแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าอยากซื้อหวีสับของฉางโจวกลับไปฝากคนสักหน่อยมิใช่หรือขอรับ ข้ากับท่านผู้เฒ่าซ่งยังมีตัวเลขอีกบางส่วนที่ยังคำนวณออกมาไม่ได้ เกรงว่าจะไม่มีเวลาไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนท่าน ท่านลองดูว่าท่านต้องการซื้อหวีสับจำนวนเท่าไร แล้วข้าจะให้ฉินจื่อผิงไปซื้อมาให้ขอรับ”

โจวเสาสจิ่นพลันร้อนรนขึ้นมาในทันใด

ตอนอยู่ที่หังโจวเฉิงฉือช่วยชำระค่าของให้นาง นางก็เลยเกรงใจ ได้แต่รีบซื้อหวีสับมาไม่กี่ชุดแล้วก็เดินทางกลับ กระทั่งหลังจากที่นางกลับไปถึงได้พบว่าหวีสับเหล่านั้นหากมอบให้อาจูหรือเฉิงเจียก็พอใช้ได้ ทว่าไม่เหมาะสมที่จะมอบเป็นของฝากให้สตรีหม้ายอย่างท่านยาย จึงคิดว่าหวีสับของฉางโจวก็มีชื่อเสียงยิ่งนัก ร้านค้าส่วนใหญ่ของเจียงหนานล้วนมีขายทั้งสิ้น ดังนั้นหวีสับที่จะซื้อให้ท่านยายนั้นไปซื้อที่เมืองซูโจวก็ไม่ต่างกัน ซูโจวเองก็เป็นเมืองที่หรูหราและโอ่อ่าเมืองหนึ่ง ว่ากันว่าสิ่งของในเมืองซูโจวไม่ด้อยไปกว่าเมืองหังโจวเลย ปรากฏว่าเฉิงฉือติดพันอยู่กับการคำนวณตัวเลข ตอนเรือเทียบท่าที่ซูโจวเฉิงฉือจึงไม่ได้จัดให้พวกนางเข้าไปในเมือง นางจึงคิดว่าไปซื้อที่เมืองอู๋ซีก็ได้ ปรากฏว่าพอเรือเทียบท่าที่เมืองอู๋ซีพวกเขาก็เพียงพักค้างแรมเพียงคืนเดียวแล้วก็ออกเดินทางต่อเลย นางจึงหวังเอาไว้ว่าจะได้ไปซื้อที่เมืองฉางโจว…แต่ตอนนี้เฉิงฉือก็ไม่มีแผนจะหยุดพักที่เมืองฉางโจวด้วยเช่นกัน เพียงถามฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่าต้องการซื้อหวีสับจำนวนเท่าไรเท่านั้น เช่นนั้นเรื่องที่นางรับปากพี่สาวกับท่านป้าใหญ่ว่าจะซื้อหวีสับกลับไปฝากนั้นจะทำอย่างไร คงไม่อาจบอกให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวแบ่งหวีสับมาให้นางบ้างหรอกกระมัง แน่นอนว่า วิธีที่ดีที่สุดคือให้ฉินจื่อผิงช่วยซื้อให้นางด้วย แต่นี่ก็ต้องได้รับการอนุญาตจากเฉิงฉือก่อนถึงจะทำได้!

นางจึงจ้องเฉิงฉือตาไม่กะพริบ

ใครจะรู้ว่าเฉิงฉือกลับทำเสมือนมองไม่เห็นนางเลยอย่างไรอย่างนั้น สายตาทั้งหมดของเขามองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัว

ก่อนหน้านี้นางกลัวว่าเฉิงฉือจะยังไม่พอใจที่นางเปิดเผยเรื่องที่ผู้เฒ่าซ่งต้องการร่วมทางไปกับพวกเขาให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวทราบ เนื่องจากจงใจหลบเฉิงฉือจึงตั้งใจยืนอยู่ด้านหลังฮูหยินผู้เฒ่ากัว ตอนนี้ต่อให้นางอยากจะให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวสังเกตเห็นความไม่ปกติของนางแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเรื่องซื้อหวีสับก็คงจะไม่ได้แล้ว…

ตอนนี้นางจึงทำได้แต่หวังว่าหลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตอบรับแล้วนางจะไปบอกกล่าวกับฉินจื่อผิงเท่านั้น

ปรากฏว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับตอบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าซื้อหวีสับมาจากเมืองหังโจวแล้ว เจ้ามีธุระก็ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด ไม่ต้องไปเดินเป็นเพื่อนพวกข้าหรอก”

เฉิงฉือได้ยินแล้วก็ลุกขึ้นมา กล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นก็ดีขอรับ! ท่านมีเรื่องอะไรก็สั่งการกับฉินจื่อผิงได้เลย พรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกเราก็จะมุ่งหน้าไปเจิ้นเจียงเลยขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้ายิ้มๆ

เฉิงฉือออกไปจากห้องโดยสาร

ตอนที่ 216 ร้อนใจ 1

ตอนที่ 216 ร้อนใจ 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน