ท่านน้าฉือดูสบายอกสบายใจเช่นนี้ได้อย่างไร
โจวเสาจิ่นนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ
เขาเคยพูดว่า ตอนเดินทางกลับจะแวะเดินเที่ยวทุกๆ เมืองที่ผ่าน เนื่องจากเขาต้องคำนวณกระแสน้ำอะไรนั่นกับท่านผู้เฒ่าซ่ง นางคิดว่านั่นเป็นธุระที่สำคัญ ดังนั้นจึงอดทนอยู่ในแต่ห้องโดยสารโดยไม่งอแง ตอนนี้มาถึงเมืองฉางโจวแล้ว หากเขาจำเรื่องหวีสับไม่ได้ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เห็นๆ อยู่ว่าเขาจำเรื่องหวีสับได้ แล้วเหตุใดถึงลืมเรื่องที่นางต้องการซื้อหวีสับไปได้ เขาไม่รักษาสัญญาเช่นนี้ ก็ออกจะเกินไปแล้ว!
โจวเสาจิ่นพูดเข้าเรื่องอย่างตรงประเด็นว่า “ท่านน้าฉือ ข้าอยากซื้อหวีสับ ท่านให้พ่อบ้านฉินช่วยซื้อกลับมาให้ข้าสักสองสามชุดได้หรือไม่เจ้าคะ”
เฉิงฉือเกือบจะหงายหลัง
ปกติเวลาคนจะขอความช่วยเหลือไม่ใช่ว่าต้องกล่าวทักทายกันก่อนสักเล็กน้อยถึงจะเข้าเรื่องมิใช่หรือ
นางกล่าวออกมาอย่างไม่อ้อมค้อมเลยเช่นนี้ได้อย่างไร
ยังให้ความรู้สึกเหมือนออกคำสั่งเขาอะไรนั่นอีก
หากเขาไม่รับปากนางจะทำอย่างไร
เฉิงฉือขมวดคิ้วน้อยๆ กล่าวขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยถามเจ้า เจ้าบอกว่าซื้อหวีสับมาแล้วมิใช่หรือ แล้วเหตุใดเจ้าถึงอยากจะซื้ออีกเล่า! ของอย่างหวีสับก็เป็นเพียงของเล็กๆ น้อยๆ เจ้าจะซื้อกลับไปมากมายเพียงนั้นเพื่ออันใด อีกอย่างเจ้าก็ซื้อเครื่องประดับแก้วไปแล้วตั้งมาก น่าจะเพียงพอสำหรับนำไปฝากผู้คนแล้ว ข้าจะบอกอะไรเจ้าอย่างหนึ่ง การมอบของให้ผู้อื่นก็เป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง หากทุกคนล้วนได้รับกันหมด มันก็จะไม่ใช่ของหายากแล้ว เจ้ากะจะทำอย่างคนที่พบหน้ากันแล้วมอบของพบหน้าให้แก่กันทุกคนอย่างนั้นหรือ”
โจวเสาจิ่นเบิกดวงตาโพลง
ท่านน้าฉือหมายความว่าอย่างไร
ไม่ชอบที่นางซื้อของมากไปอย่างนั้นหรือ
นางไม่ได้ใช้เงินของเขา…ไม่สิ ครั้งนี้นางไม่ได้กะจะใช้เงินของเขาซื้อเสียหน่อย!
นอกจากนี้นางเป็นคนมาสองชาติภพ ไม่ว่าอยากซื้ออะไรก็จะซื้อ…แต่ว่า เหมือนกับว่าชาติก่อนพี่สาวก็เคยว่ากล่าวนางเช่นนี้เหมือนกัน…
นางรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “ข้าจะซื้อหวีสับเพียงชุดเดียวเท่านั้น สำหรับมอบให้ท่านยายเจ้าค่ะ ท่านก็ทราบ ท่านยายมีบุญคุณกับข้าหนักเท่าภูเขา แล้วก็ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะได้ออกจากบ้านมาครั้งหนึ่ง คงไม่อาจให้กลายเป็นว่าข้าเอาของฝากกลับไปตั้งหลายอย่าง แต่ขาดเพียงของๆ ท่านยายหรอกกระมัง!” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ นางรู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวต่อว่า “ต่อไปข้าจะไม่ออกจากบ้านอีกแล้ว! ออกจากบ้านต้องเอาของฝากกลับไปฝากคน เรื่องพวกนี้ช่างน่าปวดหัวยิ่งนัก เครื่องประดับแก้วเหล่านั้นข้าก็ไม่ได้จะเอาไปแจกจ่ายผู้คนจนหมด บางชิ้นข้าเองก็ชื่นชอบยิ่งนัก กะว่าจะเก็บเอาไว้ใช้เอง ทั้งราคาถูกและสวยงาม แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะทำแตกโดยไม่ระวัง บางส่วนข้ากะว่าจะมอบให้พี่สาวนำไปที่ตระกูลเลี่ยวด้วย ท่านไหนเลยจะทราบเรื่องหลังบ้าน พี่สาวของข้าเป็นบุตรสาวคนโตที่ไร้มารดา เดิมทีที่ตระกูลเลี่ยวยอมรับการแต่งงานในครั้งนี้ นอกจากพี่สาวจะดูเหมาะสมกับการเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลแล้ว ยังเป็นเพราะว่าการแต่งงานในครั้งนี้ได้รับการแนะนำจากท่านลุงใหญ่จิงด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้ ข้อเรียกร้องและความต้องการที่ตระกูลเลี่ยวมีต่อพี่สาวของข้าจึงมากกว่าผู้อื่น หากพี่สาวคิดจะมีที่หยัดยืนที่มั่นคงในตระกูลเลี่ยว ก็ต้องออกแรงมากกว่าผู้อื่นมาก ไม่อย่างนั้นท่านพ่อของข้าจะจัดเตรียมสินสมรสให้พี่สาวของข้ามากมายเพียงนั้นไปเพื่ออันใด”
เฉิงฉือไม่รู้จะกล่าวอะไรดีแล้ว
เหตุใดเด็กผู้นี้ถึงจับใจความสำคัญไม่ได้อยู่ตลอด!
ตอนนี้เขากำลังพูดเรื่องหวีสับกับนาง แต่นางกลับพูดออกนอกเรื่องไปถึงเรื่องของพี่สาวนางขึ้นมาได้
ในหัวสมองของนางบรรจุอะไรเอาไว้บ้างนะ
เฉิงฉืออดไม่ได้ที่จะกระแอมไอเบาๆ ครั้งหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “เพื่อจะได้ไม่ต้องเอาของกลับไปฝากผู้คนก็เลยจะไม่ออกจากบ้านแล้วอย่างนั้นหรือ”
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
ถ้าได้ออกจากบ้านจะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้อีกก็พอ!
โจวเสาจิ่นรู้สึกอับอาย
ท่านน้าฉือต้องรู้สึกว่านางพูดจาเป็นเด็กและน่าเบื่อกระมัง
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
ต่อไปนางยังต้องขอร้องให้ท่านน้าฉือช่วยนำความไปบอกเฉิงจิงอีก!
แต่เวลานี้นางไม่อาจยอมรับได้ หากนางยอมรับ ท่านน้าฉือจะยิ่งไม่เห็นนางอยู่ในสายตามากขึ้นหรอกหรือ!
โจวเสาจิ่นจ้องเฉิงฉือ กล่าวขึ้นว่า “ที่ผ่านมาท่านน้าฉือไม่เคยบ่นอะไรเลยหรือเจ้าคะ ข้าก็เพียงพูดไปอย่างนั้นเท่านั้น จะเลิกกินอาหารเพราะกลัวสำลัก[1]ได้อย่างไร เพื่อจะได้ไม่ต้องเอาของกลับไปฝากผู้คนก็เลยไม่ออกจากบ้านได้อย่างไรเจ้าคะ”
เด็กผู้นี้มีเหตุผลมาอีกแล้ว!
เฉิงฉือเบิกดวงตาโพลง
โจวเสาจิ่นรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา กล่าวขึ้นว่า “ท่านน้าฉือ ท่านให้พ่อบ้านฉินช่วยซื้อหวีสับกลับมาให้ข้าสักชุดหนึ่งได้หรือไม่เจ้าคะ อย่างมากก็…อย่างมากต่อไปข้าจะตอบแทนท่านก็แล้วกันเจ้าค่ะ!”
นางไม่อาจมีปัญหากับท่านน้าฉือด้วยเรื่องเช่นนี้ได้ นางยังมีเรื่องต้องขอร้องเขา สุดท้ายคนที่แพ้ก็จะต้องเป็นนางอยู่ดี!
เฉิงฉือชำเลืองมองโจวเสาจิ่น
ตอบแทนเขา?
นางจะเอาอะไรมาตอบแทนเขา?
เด็กผู้นี้ช่างพูดออกมาได้!
นี่กับการวาดก้อนขนมกลางอากาศมีอะไรที่แตกต่างกันอย่างนั้นหรือ!
เขามีท่าทีดูแคลนต่อคำพูดของนางยิ่งนัก
โจวเสาจิ่นใบหน้าร้อนผะผ่าว ยิ้มอย่างกระดากอาย

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน