เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 224

เฉิงฉือยิ้มพลางพยักหน้ารับคำแล้วไปชงชา

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

โจวเสาจิ่นรีบตามไป พลางกล่าวว่า “ท่านน้าฉือ ให้ข้าชงเถิดเจ้าค่ะ!”

“เจ้านั่งเถิด” เฉิงฉือยิ้มพลางรินน้ำแร่จงหลิงเฉวียนลงในกาโลหะ แล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ฟังคำของนางและชงชาให้พวกเจ้า ไม่รู้ว่าแม่ของข้าจะกลั่นแกล้งอะไรข้าอีก เจ้าอย่าสอดมือเข้ามาจะดีกว่า”

โจวเสาจิ่นจึงได้แต่นั่งลงไปข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่ากัว

การชงชาของเฉิงฉือต่างจากโจวเสาจิ่น ดูทะมัดทะแมง ท่วงท่าองอาจยิ่ง ทั้งยังเจือความปราดเปรียวและว่องไวบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เอาไว้

โจวเสาจิ่นเห็นแล้วอึ้งงันไปชั่วขณะ หากว่าเฉิงฉือไม่พยักพเยิดให้นางลองชิมน้ำชา เกรงว่านางยังคงจ้องมือของเฉิงฉือค้างอยู่เป็นแน่

โชคดีที่ชาที่นางชงออกมารสชาติไม่ต่างจากชาของเฉิงฉือนัก

โจวเสาจิ่นพรูลมหายใจยาวออกมา

ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับจงใจหาข้อตำหนิ กล่าวว่า “ยังคงเป็นชาของโจวเสาจิ่นที่มีรสชาติดีกว่า ชาของเจ้าชงได้ฝาดเกินไป”

เฉิงฉือหัวเราะเริงร่า นัยน์ตาเปล่งประกายราวกับดวงดารากลางนภาในยามราตรีก็ไม่ปาน

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด โจวเสาจิ่นกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขายิ้มแย้มเกินจริงอยู่บ้าง คล้ายกับกำลังปกปิดอะไรบางอย่างอยู่

หรือว่าเขาพักอยู่ที่บ้านของใต้เท้าเสิ่นแล้วไม่มีความสุขกันนะ

ขณะที่โจวเสาจิ่นคาดเดาอยู่นั้น ปี้อวี้ก็เข้ามาแจ้งว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินซ่งมาขอพบเจ้าค่ะ”

เฉิงฉือลุกขึ้นมาจะกล่าวอำลา

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “วันนี้เจ้ายังต้องไปค้างที่เรือนตระกูลเสิ่นอยู่หรือเปล่า”

เฉิงฉือส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่าซ่งจะรั้งอยู่ที่นั่น นายท่านเจ็ดของร้านตั๋วแลกเงินเว่ยจื้อเฮ่าเสียชีวิต ร้านตั๋วแลกเงินเว่ยจื้อเฮ่าไม่มีผู้ใดมาดูแลกิจการ เป็นไปได้ว่าจะเรียกนายท่านใหญ่ผู้ดูแลร้านตั๋วแลกเงินกลับมา เกรงว่าธุรกิจของร้านตั๋วแลกเงินอวี้ไท่จะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ข้าต้องรีบรุดกลับไปจินหลิงขอรับ”

เขาพูดอย่างเคร่งเครียด ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับไม่ได้ตระหนกแต่อย่างใด นางยิ้มพลางกล่าวกับบุตรชายซ้ำอีกว่า “เช่นนั้นตอนเย็นก็มารับมื้อเย็นที่นี่เถิด ข้าให้คนทำตีนห่านต้มสุราเอาไว้ น่าจะกินได้แล้ว”

เฉิงฉือยิ้มพลางตอบรับ แล้วเดินออกจากห้องไป

โจวเสาจิ่นกดเสียงลงถามฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างค่อนข้างเป็นกังวลว่า “ร้านตั๋วแลกเงินอวี้ไท่จะไม่เป็นไรหรือเจ้าคะ”

“จะเป็นอะไรได้” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มตอบ “เป็นเพียงการค้าขายเท่านั้น เลวร้ายที่สุดก็เซ้งกิจการไม่ทำแล้ว ท่านน้าฉือของเจ้าจะได้มาอยู่เป็นเพื่อนข้าสักสองปี และได้ทำในสิ่งที่ตนเองชื่นชอบบ้างเสียที”

โจวเสาจิ่นไม่คาดคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะมีความคิดเปิดกว้างเช่นนี้ อดถามไม่ได้ว่า “ถ้าหากว่าท่านน้าฉืออยากเป็นเหมือนท่านผู้เฒ่าซ่งเล่าเจ้าคะ”

“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวยิ้มๆ “เลวร้ายที่สุดเขาก็ยังมียศจิ้นซื่ออยู่ อย่างไรก็ยังพอหาเลี้ยงปากท้องได้” ขณะที่นางกล่าว ก็ผ่อนลมหายใจ เอ่ยถ้อยคำที่ลึกซึ้งแต่แฝงความจริงใจกับนางว่า “เสาจิ่น เมื่ออายุเท่าข้าแล้ว ร่างกายร่วงโรย กินอะไรก็ไม่อร่อย สวมใส่อะไรก็ไม่อาจเทียบกับบรรดาดรุณีวัยสิบเจ็ดสิบแปดปีเหล่านั้นอีก ของเหล่านี้ล้วนไม่ดึงดูดความสนใจของพวกข้าแต่อย่างใด ถ้าหากจะกล่าวถึงสิ่งที่ปล่อยวางไม่ได้ นั่นก็คือบุตร ทั้งภาวนาให้พวกเขาล้วนแข็งแรงปลอดภัย และภาวนาให้พวกเขาได้พบเจอแต่สิ่งที่ดี พบเจอแต่ความสุข ทว่าสิ่งที่ยากที่สุดในโลกนี้กลับเป็น ‘ความสุข’ คำนี้ เมื่อสหายขุนนางได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวกับข้า ก็ไม่มีความสุข เมื่อบุตรชายของสหายสอบผ่านได้ยศจิ้นซื่อ ทว่าบุตรชายของข้ากลับยังแขวนผมไว้กับขื่อและเอาเข็มทิ่มแทงขาให้ตื่นเพื่ออ่านตำราเตรียมสอบจวี่เหรินอยู่ ก็ไม่มีความสุข วันนี้ตระกูลอื่นเปลี่ยนลานบ้านเป็นลานใหญ่ แต่การเงินในกระเป๋าของข้ากลับฝืดเคือง ได้แต่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าที่อยู่มายี่สิบปีแล้ว ก็ไม่มีความสุข…”

สิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวมานั้นถูกต้องจริงๆ

โจวเสาจิ่นพยักหน้าไม่หยุด

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวคลี่ยิ้มพลางกล่าว “หาก ท่านน้าฉือของเจ้าอยากเป็นเหมือนท่านผู้เฒ่าซ่ง ไม่ขอมียศตำแหน่งหรือความร่ำรวย ไม่ขอมีศรีภรรยาหรือบุตรกตัญญู ขอเพียงได้ควบคุมแม่น้ำและทำทำนบกั้นน้ำก็เป็นสุขแล้ว ข้าจะไปห้ามเขาเพื่ออันใด ข้าเป็นมารดาของเขา ดูแลเขาได้เพียงช่วงระยะหนึ่งเท่านั้น จะควบคุมเขาทั้งชีวิตได้หรือ ไฉนต้องทำให้เขาไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตเหตุเพราะข้าด้วยเล่า”

“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านช่างดีจริงๆ เจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นอดชื่นชมไม่ได้ สายตาที่มองฮูหยินผู้เฒ่ากัวเปี่ยมไปด้วยความยกย่องเทิดทูน

เฉิงจิงและเฉิงเว่ยล้วนชอบช่วยเหลือผู้อื่น ส่วนเฉิงฉือก็ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างดียิ่งเช่นกัน พวกเขาต้องซึมซับมาจากฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นแน่

เหตุใดเฉิงสวี่ถึงไม่เหมือนพวกผู้ใหญ่หรือบรรพบุรุษของเขากันนะ

เพียงหวังว่าหลังจากที่เขาไปจิงเฉิงแล้วจะได้เรียนรู้การประพฤติปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นกับท่านลุงใหญ่จิงมาบ้าง

โจวเสาจิ่นลอบส่ายศีรษะอยู่ในใจ

ฮูหยินซ่งจับมือของซ่งเซินเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้เด็ก

นางมาอำลาฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับโจวเสาจิ่น

“พ่อสามีบอกว่าเขากับใต้เท้าเสิ่นยังมีเรื่องต้องหารือกัน พวกข้าจะพักอยู่ที่เจิ้นเจียงอีกครึ่งเดือนเจ้าค่ะ” นางกล่าวด้วยดวงหน้าที่เต็มได้ด้วยความเสียใจ “ทั้งยังขอยืมบ้านพักของญาติใต้เท้าเสิ่น ระหว่างนี้พวกข้าคงไม่ได้เดินทางขึ้นเหนือแล้วเจ้าค่ะ”

ผู้เฒ่าซ่งผู้นี้ ยังคงทำให้คนอื่นต้องปวดหัวจริงๆ นึกอยากจะออกเดินทางเมื่อใดก็ออกเมื่อนั้น

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวอย่างเห็นใจ “อีกสองวันพวกข้าก็จะเดินทางกลับจินหลิงแล้ว นั่งเรือจากเจิ้นเจียงถึงจินหลิงใช้เวลาเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืนเท่านั้น หรือไม่ เจ้าไปเป็นแขกของข้าที่จินหลิงสักสองสามวันดีหรือไม่”

ฮูหยินซ่งได้ยินแล้วก็รู้สึกดีใจลิงโลดเป็นอย่างยิ่ง จนนั่งไม่ติดที่แล้ว ลุกขึ้นมาหมายจะกลับไปปรึกษากับผู้เฒ่าซ่ง

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน