กระทั่งชุนหว่านส่งจงหมัวมัวออกไปแล้ว โจวเสาจิ่นก็เดินวนอยู่ในห้องสองรอบอย่างตื่นเต้น
หลังจากที่พี่สาวแต่งเข้าตระกูลเลี่ยวแล้ว ชีวิตคงจะไม่ลำบากเฉกเช่นในชาติที่แล้วอีกเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม นางจะบอกเรื่องนี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างไรดีนะ
โจวเสาจิ่นรู้สึกลำบากใจขึ้นมาอีกครั้ง
ยิ่งกว่านั้นเรื่องที่ฟางซื่อได้ขอให้ท่านลุงทั้งสองท่านของจวนหลักช่วยชี้แนะในเรื่องการเขียนอรรถาธิบายสือเหวินให้บิดาของพี่เขยที่จะเข้าร่วมการสอบขุนนางช่วงวสันตฤดูนั้นฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็รับปากไปแล้วด้วย…
ขณะที่นางกำลังรู้สึกเป็นกังวลอยู่นั้น สื่อมามาก็เข้ามา กล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านผู้เฒ่าซ่งตกลงให้ฮูหยินซ่งกับคุณชายน้อยซ่งไปเป็นแขกที่จวนพวกเราแล้วเจ้าค่ะ บ่ายนี้พวกเราจะเปลี่ยนไปขึ้นเรือสำราญ แล้วคืนนี้ก็จะเร่งเดินทางกันทั้งคืน พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ ก็ถึงจินหลิงแล้วเจ้าค่ะ!”
แม้นโลกข้างนอกจะดีเพียงใด แต่บ้านเป็นที่อยู่ของตนเอง ความชื่นชมยินดีที่จะได้กลับบ้านจึงเอ่อล้นออกมาบนใบหน้า
ทันใดนั้นเงาร่างของพี่สาว ท่านยายและคนอื่นๆ ก็วาบผ่านห้วงความคิดของโจวเสาจิ่น จู่ๆ ก็รู้สึกลิงโลดเหลือคณาขึ้นมาในทันใด
“ข้าจะให้พวกชุนหว่านเก็บของให้พร้อม” นางเรียกชุนหว่านอย่างดีใจ แล้วเริ่มจัดเก็บข้าวของ เรื่องกังวลใจที่ว่าจะช่วยพูดให้เลี่ยวเส้าถังอย่างไรนั้นก็ถูกโยนทิ้งไปข้างหลังชั่วคราว
หลังจากที่เปลี่ยนไปขึ้นเรือสำราญแล้ว ผู้เฒ่าซ่งก็พาหวงอี๋จวินมาส่งพวกนาง ตระกูลเกา ตระกูลเฉิน ตระกูลเลี่ยวและตระกูลอื่นๆ ที่ได้รับข่าวต่างก็ให้คนมาส่งด้วย ท่าเรือจึงคึกคักจอแจเป็นอย่างมากอยู่นาน กระทั่งเรือสำราญแล่นออกจากท่าเรือเจิ้นเจียงจนมองไม่เห็นเรือแล้ว ผู้คนเหล่านั้นถึงได้กล่าวร่ำลากันแล้วแยกย้ายกันกลับไป
ทว่าผู้ที่ตื่นเต้นดีใจที่สุดคงจะเป็นซ่งเซิน เขาวิ่งไปมาอยู่ในห้องของโจวเสาจิ่น ประเดี๋ยวก็หยิบกล่องแป้งหอมของนางขึ้นมาพลางถามนางว่า “พี่สาวโจว นี่คืออะไร”
โจวเสาจิ่นตอบว่าเป็นกล่องแป้งหอม
เขาพิเคราะห์ดูกล่องแป้งในมือกลับไปกลับมา พลางเอ่ยถามว่า “ไฉนถึงไม่เหมือนกับกล่องแป้งของท่านแม่และพี่สาวของข้าเล่า”
ประเดี๋ยวก็เปิดดูตู้ตัวสูงที่หัวเตียงของโจวเสาจิ่น
ชุนหว่านอุ้มเขาออกมา
เขาจึงวิ่งไปกอดเอวของโจวเสาจิ่นเอาไว้ ตะโกนเรียก “พี่สาวโจว” ไม่หยุด พลางฟ้องว่า “พี่ชุนหว่านดุข้า!”
ทำเอาชุนหว่านโมโหจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว
โจวเสาจิ่นกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าเป็นสตรี เจ้าเป็นบุรุษ เจ้าเปิดดูตู้ของข้าตามอำเภอใจเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ชุนหว่านดุเจ้าก็ถูกแล้ว!”
ซ่งเซินหน้าละห้อย
โจวเสาจิ่นจึงถามเขาว่า “ข้าต้องไปคารวะยามเย็นฮูหยินผู้เฒ่า เจ้าอยากจะไปกับข้าหรือไม่”
“ไปๆๆ” ซ่งเซินรีบตอบ ประหนึ่งว่าขอเพียงได้อยู่กับโจวเสาจิ่น จะทำอันใดก็ดีไปหมดก็ไม่ปาน
โจวเสาจิ่นส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพาซ่งเซินไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วย
ทางด้านฮูหยินผู้เฒ่ากัวเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินซ่ง พอเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ฮูหยินซ่งก็ลุกขึ้นมาในทันที ยิ้มเจื่อนๆ พลางกล่าวว่า “เผลอพริบตาเดียวเด็กคนนี้ก็หายตัวไปแล้ว ข้ายังคิดอยู่ว่าเขาคงจะไปหาเจ้า จึงรีบบอกให้แม่นมของเขาไปตามหา”
“เขาเพียงรู้สึกเบื่อเท่านั้นเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าวแก้ตัวแทนซ่งเซินอย่างสุภาพ กล่าวว่า “ข้ายังพูดคุยเป็นเพื่อนท่านหรือฮูหยินผู้เฒ่าได้ แต่คุณชายน้อยซ่งกลับไม่มีใครให้พูดคุยด้วยแม้แต่คนเดียว เขาอยู่บนเรืออย่างเชื่อฟัง ไม่งอแงอยากจะขึ้นฝั่ง ไม่โวยวายอยากจะไปตกปลาก็ถือว่าไม่เลวมากแล้วเจ้าค่ะ”
มารดาที่รักใคร่เอ็นดูบุตรและธิดาล้วนเหมือนกันหมดทั่วหล้า
ฮูหยินซ่งคิดว่าโจวเสาจิ่นกล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก นางไม่เพียงคิดว่าคำพูดของโจวเสาจิ่นมีเหตุผล แต่สายตาที่มองดูบุตรชายยังอ่อนโยนยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน คิดว่าบุตรชายเป็นดังที่โจวเสาจิ่นบอก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็ดูว่านอนสอนง่ายขึ้นมาก
นางยิ้มพลางแลกเปลี่ยนคำทักทายกับโจวเสาจิ่นสองสามประโยค แล้วจึงให้บุตรชายนั่งลงไปใหม่
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยถามนางว่า “เก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยหรือยัง หากยังไม่เสร็จก็ไม่ต้องเป็นกังวล นี่เป็นเรือของตระกูลพวกเราเอง ยามที่พวกเขาเก็บกวาดห้องพักโดยสาร หากพบสิ่งของใดที่ไม่ใช่ของบนเรือ ก็จะให้พ่อบ้านมาแจ้งให้พวกเราทราบเอง”
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “เดิมทีก็คิดจะตอบว่า ‘ข้าวของถูกจัดเก็บเรียบร้อยหมดแล้ว’ แต่พอได้ยินท่านกล่าวเช่นนี้แล้ว ข้าคงได้แต่ตอบว่า ‘ข้าวของน่าจะถูกจัดเก็บเรียบร้อยหมดแล้ว’ แทน ไม่เช่นนั้นหากพ่อบ้านบนเรือพบว่าข้าลืมของไว้บนเรือ จะทำให้ท่านหัวเราะเอาได้เจ้าค่ะ”
ปกตินางมักจะทำตัวจริงจัง ไม่เคยพูดจาล้อเล่นเช่นนี้มาก่อน ตอนแรกฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็หัวเราะเสียงสดใสขึ้นมา
โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม
เห็นทีว่าการพูดล้อเล่น ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากถึงเพียงนั้น!
เนื่องจากมีฮูหยินซ่งอยู่ด้วย เฉิงฉือจึงรับมื้อเย็นอยู่ในห้องพักโดยสารของตนตามลำพัง
ตกกลางคืน พอคิดว่าพรุ่งนี้จะได้พบพี่สาว ท่านยายและคนอื่นๆ แล้ว โจวเสาจิ่นก็รู้สึกตื่นเต้น ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ เอ่ยถามชุนหว่านที่อยู่เวรไม่หยุดว่า “ของขวัญที่ข้าซื้อมาแยกออกมาหมดแล้วหรือยัง ขาดของผู้ใดไปหรือไม่ คงไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วกระมัง”
ชุนหว่านได้แต่ตอบนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ของทั้งหมดล้วนแยกเอาไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ทั้งยังใช้กระดาษแปะด้านนอกกล่องเอาไว้แผ่นหนึ่งด้วย ไม่ผิดพลาดแน่นอนเจ้าค่ะ รายชื่อทั้งหมดก็ล้วนคัดตามใบรายชื่อที่ท่านเขียนให้ข้าก่อนหน้านี้อย่างละเอียด ไม่น่าจะมีสิ่งใดผิดพลาดเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นพยักหน้า จวบจวนฟ้าใกล้สว่างถึงผล็อยหลับไป
วันรุ่งขึ้นนางจึงตื่นสาย


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน