เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 25

ตอนที่ 25 นกส่งสาร
ระหว่างทางไปเรือนหานปี้ซานนั้น มีร่มเงาของต้นไม้ เสียงนกร้องและกลิ่นมวลพฤกษาดอกไม้หอม โจวเสาจิ่นเดินไปด้วยก็ชมวิวไปด้วย รู้สึกสบายใจยิ่ง ชี้ไปที่ยอดของพุ่มต้นไม้ที่บดบังดวงอาทิตย์เอาไว้กล่าวกับซือเซียงว่า “ถึงแม้จะถึงกลางฤดูร้อน แต่หากมีพุ่มเขียวๆ เหล่านี้อยู่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าอากาศจะร้อนเลย”

ซือเซียงยิ้มตาหยีพลางพยักหน้า

อย่างรวดเร็ว ทั้งสองก็มาถึงเรือนหานปี้ซาน

คนที่ออกมาต้อนรับพวกนางคือปี้อวี้ นางกล่าวทักทายโจวเสาจิ่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางเดินนำทางนางไปยังเรือนหลัก พลางชี้แจงเสียงเบาไปด้วยว่า “นายท่านผู้เฒ่ารองที่เมืองหลวงใช้ให้คนมาคารวะฮูหยินผู้เฒ่า ยังเชิญคุณหนูให้รอสักครู่เจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นนึกแล้วนึกอีกถึงจำได้ว่านายท่านผู้เฒ่ารองท่านนี้คือใคร

เขาคือน้องชายแท้ๆ ของนายท่านผู้เฒ่าใหญ่เฉิงซวินจวนหลัก น้องสามีของฮูหยินผู้เฒ่ากัว นามว่าเฉิงเส้า เขากับนายท่านใหญ่เฉิงจิงจวนหลักสอบเป็นจิ้นซื่อพร้อมกันในรัชศกหย่งชางปีที่สิบสองเจี่ยซวี แต่ว่าในปีนั้นเฉิงจิงสอบผ่านจิ้นซื่อขั้นสองเป็นลำดับที่สิบหก ส่วนเฉิงเส้าสอบผ่านจิ้นซื่อขั้นหนึ่งเป็นลำดับที่สอง เรื่องดังกล่าวเป็นที่พูดถึงอย่างมากในเมืองจินหลิงในเวลานั้น แม้กระทั่งทุกวันนี้ ยามกล่าวถึงตระกูลเฉิง คนในเมืองจินหลิงก็ยังยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึงครั้งหนึ่ง จากนั้นเฉิงจิงสอบได้เป็นซู่จี๋ซื่อ ส่วนเฉิงเส้ารั้งอยู่ที่สำนักฮั่นหลินทำหน้าที่เป็นเปียนซิว ต่อมาเฉิงซวินเสียชีวิตไปจากความเจ็บป่วย เฉิงจิงที่เพิ่งจะเข้าทำงานเป็นพลเรือนฝ่ายซ้ายในกรมโยธาธิการได้ไม่นานต้องกลับไปร่วมพิธีไว้ทุกข์ที่บ้านเกิด ส่วนเฉิงเส้าที่รั้งอยู่ที่สำนักฮั่นหลินนั้นได้เลื่อนจากตำแหน่งเปียนซิวเป็นซื่อตู๋เสวียซื่อแห่งสำนักฮั่นหลิน และต่อมาเป็นเส่าชิงแห่งจานซื่อฝู่

ในความเข้าใจของทุกคนนั้น เฉิงเส้าเป็นผู้ที่น่าจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ เมื่อถึงเวลาคัดเลือกตัวแทนผู้นำของจวนหลัก เฉิงเส้าราวกับคุณชายเจียงผู้ที่สูญเสียความสามารถของตนและไม่ประสบความสำเร็จใดๆ อีกเลย กลับเป็นเฉิงจิงที่หลังจากเสร็จสิ้นการไว้ทุกข์แล้ว ได้ดำรงตำแหน่งเป็นจู่ป๋อแห่งศาลต้าหลี่เป็นลำดับแรก จากนั้นเพียงแค่ครึ่งปี ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเฉิงแห่งศาลต้าหลี่ และอีกหนึ่งปีก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเส่าเหลียวแห่งศาลต้าหลี่ในที่สุด…กระทั่งต่อมาได้รับแต่งตั้งเข้าสู่ราชสำนัก หน้าที่การงานในราชสำนักราบรื่นยิ่ง ไม่มีสะดุด ส่วนเฉิงเส้าที่ย้ายไปอยู่ที่จิงเฉิงนานแล้วนั้น ก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากความสนใจของผู้คนในซอยจิ่วหรูแห่งเมืองจินหลิง น้อยคนนักที่จะกล่าวถึงเขาอีก

ชาติก่อน เจียงซื่อยังเคยตั้งข้อสังเกตอย่างประสงค์ร้ายว่าครอบครัวของเฉิงเส้านั้นถูกฮูหยินผู้เฒ่ากัวขับไล่ออกไป

โจวเสาจิ่นอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้

ไม่รู้ว่าที่เฉิงเส้าส่งคนมาในครั้งนี้เพียงเพื่อแวะมาทักทายฮูหยินผู้เฒ่ากัวตามมารยาทหรือมีเรื่องอะไรต้องมาหาฮูหยินผู้เฒ่ากัวกันแน่

จากคำของเจียงซื่อแล้ว จวนหลักนั้นไม่ได้แยกครอบครัวออกจากัน จึงยังต้องส่งรายได้ครึ่งหนึ่งไปให้เฉิงเส้าที่อยู่ที่จิงเฉิงทุกปี แต่ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบกิจการของจวนหลักคือนายท่านสี่เฉิงฉือ ซึ่งเขาก็เป็นบุตรชายของฮูหยินผู้เฒ่ากัว จวนหลักตั้งใจสร้างความลำบากให้เฉิงเส้า นอกจากส่งคนมา ‘เจรจา’ กับฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว เฉิงเส้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ

โจวเสาจิ่นที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องโถงนั้นเงี่ยหูฟังเสียงที่ห้องเยี่ยนซีไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

ที่นั่นกลับเงียบเชียบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักอย่าง

โจวเสาจิ่นลอบรู้สึกเสียดาย

เฝ่ยชุ่ยเลิกผ้าม่านออกมา ในมือยังถือกาน้ำทองแดงเอาไว้หนึ่งใบ

เห็นโจวเสาจิ่นนั่งอยู่ในห้องโถง นางผงะไปเล็กน้อย แล้วยิ้มพลางชี้ไปที่ห้องเยี่ยนซี หันไปพยักหน้าให้โจวเสาจิ่นโดยไม่เอ่ยเสียงออกมา

โจวเสาจิ่นเองก็ยิ้มพลางพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยเสียงใด ทันใดนั้นหูผึ่งขึ้นมา

มีเสียงแผ่วๆ ลอยออกมาจากห้องเยี่ยนซี “…ขอบคุณซู [1] รอง! รบกวนอู๋เซียนเซิงขอบคุณซูรองแทนข้าด้วย”

เป็นเสียงของฮูหยินผู้เฒ่ากัว

ที่แท้คนที่มาคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นผู้ชายหรอกหรือ!

เรื่องภายนอกไม่ใช่ว่าควรจะไปหานายท่านสี่หรอกหรือ

โจวเสาจิ่นใจเต้นตึกๆ รู้สึกราวกับว่าตนเองได้ยินเรื่องที่ไม่สมควรได้ยินเข้า

รอจนกระทั่งตอนที่เฝ่ยชุ่ยถือกาน้ำทองแดงเข้าไปในห้องเยี่ยนซีอีกครั้งหนึ่งแล้ว นางลุกขึ้นมาแล้วเดินไปทางห้องเยี่ยนซีอีกหลายก้าวอย่างอดไม่ได้

มีเสียงแผ่วเบาของผู้ชายดังขึ้น “…นายท่านผู้เฒ่ารองได้กล่าวเอาไว้ เรื่องนี้รบกวนฮูหยินผู้เฒ่าช่วยเกลี้ยกล่อมนายท่านใหญ่สักหน่อยขอรับ”

โจวเสาจิ่นไม่ฟังต่อไปอีก รีบกลับมานั่งที่อย่างเรียบร้อย

เฝ่ยชุ่ยไม่ออกมาอีกเลย

โจวเสาจิ่นรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยอยู่ภายในใจ

ไม่นาน เฝ่ยชุ่ยเลิกผ้าม่านขึ้นออกมาส่งอู๋เซียนเซิงท่านนั้น

โจวเสาจิ่นมองอย่างรวดเร็วครั้งหนึ่ง

อู๋เซียนเซิงท่านนั้นมีรูปร่างเล็ก สวมชุดจื๋อตัวสีน้ำเงินไพลินลายอู่ฝูเผิ่งโซ่วสีม่วงตัวหนึ่ง อายุประมาณห้าสิบกว่าปี ไว้เคราแพะ ใบหน้ากลับอ่อนโยนและสงบนิ่ง ไม่เหมือนกับเป็นพ่อบ้านส่งสารให้ผู้อื่น แต่กลับเหมือนเป็นที่ปรึกษาของตระกูลใหญ่สักตระกูล ทำให้นางนึกถึงอาจารย์ทั้งหลายที่อยู่ข้างกายของพี่เขยขึ้นมา

หรือว่าเขาจะเป็นผู้ช่วยของนายท่านผู้เฒ่ารองเฉิงเส้า?

ในใจของโจวเสาจิ่นเต้นระทึก รีบก้มหน้าลงด้วยรู้สึกละอาย ทำตัวราวกับเป็นรูปปั้นที่เผลอไปเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า

อู๋เซียนเซิงรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

นางรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง

เฝ่ยชุ่ยกลับมาและเข้าไปในห้องเยี่ยนซี เพียงไม่นานก็เดินออกมา ยิ้มพลางกล่าวกับนางว่า “คุณหนูรอง ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญท่านเข้าไปเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นกล่าวขอบคุณเสียงเบา แล้วตามนางเข้าไปในห้องเยี่ยนซี

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั่งอยู่บนตั่งตัวเตี้ย กำลังหมุนลูกประคำในมือด้วยอาการสงบนิ่ง มองไม่ออกว่ากำลังรู้สึกเศร้าหรือยินดี ถ้วยน้ำชาหลายใบบนโต๊ะล้วนถูกจัดเก็บเรียบร้อยจนสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนกับว่าเพิ่งจะมีแขกเข้ามา

นางขยับขึ้นด้านหน้าไปทำความเคารพ

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มพลางกล่าว “ข้าจะไม่พูดอะไรให้มากความอีก นับจากวันนี้ไปเจ้าก็เข้ามาที่นี่ทุกบ่ายก็แล้วกัน มีเรื่องอะไรก็ให้บอกเฝ่ยชุ่ย หากว่านางทำให้ไม่ได้ เจ้าก็มาหาข้าได้เลย”

“เจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นลุกขึ้นมา ตอบอย่างว่าง่ายและเคารพนบนอบ

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้า สีหน้าสงบขึ้นเล็กน้อย

เจินจูเข้ามารายงานว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินกล่าวว่ามีเรื่องจะแจ้งท่านเจ้าค่ะ”

ถึงแม้หยวนซื่อจะเป็นภรรยาของขุนนางยศผิ่นขั้นสามเจิ้ง แต่ผู้คนในวงสังคมต่างคุ้นเคยกับการยกย่องผู้อื่น ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นภรรยาของขุนนางยศอะไรก็ล้วนแล้วแต่เรียกผู้นั้นว่า ‘ฮูหยิน’ อย่างให้เกียรติในยามพบหน้ากัน

ตอนที่ 25 นกส่งสาร 1

ตอนที่ 25 นกส่งสาร 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน