เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 267

หลี่ซื่อได้ยินแล้วก็ดีใจแทนโจวชูจิ่นเป็นอย่างยิ่ง “…เป่าติ้งอยู่ไม่ไกลจากจิงเฉิง ถึงตอนนั้นเจ้าคงได้กลับมาเยี่ยมบ้านเดิมบ่อยๆ แล้ว”

โจวเสาจิ่นไม่ได้กล่าวอะไร รอจนกระทั่งตอนที่เดินไปห้องทางการ[1]เป็นเพื่อนโจวชูจิ่นถึงได้กระซิบถามพี่สาวว่า “เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรที่ตระกูลเลี่ยวหรือเจ้าคะ นี่ช่างไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยคุยกับพวกเราเอาไว้ก่อนหน้านี้เลยสักนิด”

นอกจากนี้ก็ไม่เหมือนกับชาติก่อนด้วยเช่นกัน

ชาติก่อนหลังจากที่พี่เขยล้มเหลวจากการสอบในครั้งนี้ ฟางซื่อก็มีเรื่องกับคนของตระกูลเลี่ยวครั้งหนึ่ง ถึงกับต้องขออาศัยกำลังของตระกูลเฉิงถึงทำให้เลี่ยวเส้าถังได้ไปศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาหลวงและพาโจวชูจิ่นตามไปอยู่ที่จิงเฉิงด้วย เลี่ยวเส้าถังและโจวชูจิ่นอาศัยอยู่ในบ้านของตระกูลเลี่ยวที่จิงเฉิงโดยตลอด กระทั่งโจวเสาจิ่นย้อนเวลากลับมา พวกเขาก็ไม่ได้ไปอยู่ที่อื่น

ผู้หนึ่งเป็นมารดาเลี้ยง ผู้หนึ่งเป็นป้าสะใภ้ จะเทียบกับน้องสาวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่เด็กได้อย่างไร นอกจากนี้น้องสาวผู้นี้ก็มิใช่คนที่รับผิดชอบภาระอะไรไม่ได้อย่างเมื่อก่อนแล้ว อยู่ต่อหน้ามารดาเลี้ยงกับป้าสะใภ้โจวชูจิ่นแจ้งแต่เรื่องน่ายินดีไม่แจ้งเรื่องที่น่าเป็นกังวล แต่อยู่ต่อหน้าน้องสาวของตัวเองนางไม่จำเป็นต้องปิดบังเอาไว้

“พ่อสามีลอบเอาเงินจากคลังกองกลางออกไปทำการค้ากับผู้อื่น แต่ใครจะรู้ว่าคนผู้นั้นกลับหอบเงินหนีไป ตระกูลเลี่ยวไม่กล้าเปิดเผยออกไป ได้แต่ตามหาคนอย่างเงียบๆ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย” หัวคิ้วของโจวชูจิ่นขมวดมุ่นเป็นปมน้อยๆ ใช้สบู่ถั่วขัดมือไปด้วย กดเสียงลงต่ำกล่าวเสียงเบาไปด้วยว่า “หากมิใช่เพราะมีงานแต่งงานของข้ากับพี่เขยของเจ้าในครั้งนี้ เกรงว่าตระกูลเลี่ยวหลายบ้านคงมีปากเสียงกันอย่างเปิดเผยไปนานแล้ว แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ จะเร็วจะช้าเรื่องนี้ก็ต้องระเบิดออกมาสักวันหนึ่งอยู่ดี ความหมายของแม่สามีข้าก็คือ ต่อให้สามีของข้าจะไม่มีหวังแล้ว แต่ก็ไม่อาจลากข้ากับพี่เขยของเจ้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ให้พวกข้าไปอยู่ที่จิงเฉิงเสียแต่เนิ่นๆ ต่อไปเรื่องของตระกูลเลี่ยวที่เจิ้นเจียงก็ให้ทำเสมือนว่าไม่รู้เรื่องไปเสีย”

ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ นี่นับเป็นครั้งแรกที่โจวเสาจิ่นได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้

ถึงว่าชาติก่อนตระกูลเลี่ยวไม่พึงพอใจในตัวพี่เขยมาโดยตลอด ทุกครั้งที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็จะเอะอะขึ้นมาว่าต้องการเปลี่ยนตัวทายาทผู้สืบสกุล

“แล้วพวกท่านจะไปอยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะ” นางรีบกล่าว “เกรงว่าพี่เขยอาจจะต้องสอบอีกครั้งหนึ่ง แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายจะทำอย่างไร”

ชาติก่อน บ้านของตระกูลเลี่ยวที่จิงเฉิงล้วนต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากพี่เขยและพี่สาวทั้งสิ้น สถานะทางการเงินของพวกเขาจึงไม่ค่อยดีนัก พี่สาวถึงกับเคยขายเครื่องประดับมาก่อน

โจวชูจิ่นได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยน กล่าวขึ้นว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าการสอบครั้งนี้พี่เขยเจ้าจะสอบไม่ผ่าน”

โจวเสาจิ่นอยากจะปิดปากของตัวเองให้แน่นยิ่งนัก

คุ้นชินกับการที่ไม่ว่าอยากพูดอะไรก็พูดได้กับท่านน้าฉือไปแล้ว พอมาอยู่ต่อหน้าคนที่ทำให้นางรู้สึกเชื่อใจและพึ่งพาได้เหมือนกันอย่างพี่สาว เวลาพูดจานางจึงลืมระวังตัวอย่างที่ทำเป็นประจำไปเสีย

โชคดีที่ช่วงนี้นางได้พบพานกับเรื่องราวมามากมายหลายเรื่อง ความสามารถจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปบ้างแล้ว

“ตระกูลเลี่ยวเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ พี่เขยจะมีแก่ใจอ่านตำราอย่างสงบได้อย่างไร” โจวเสาจิ่นกล่าว “ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าในเมื่อท่านพี่กับพี่เขยต้องไปอยู่จิงเฉิง เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็น่าจะต้องคำนวณเผื่อเอาไว้ให้มาก”

โจวชูจิ่นโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง แต่หลังจากนั้นหัวคิ้วก็ขมวดเป็นปมขึ้นมาอีกครั้ง

สภาพจิตใจของสามีเป็นอย่างไรนางรู้ดี

นางเองก็กังวลใจเหมือนกับโจวเสาจิ่น และรู้สึกว่าการสอบขุนนางในครั้งนี้ของสามีไม่ค่อยราบรื่นแปดถึงเก้าในสิบส่วน

“พวกข้าตั้งใจไว้ว่าจะพักอยู่ในบ้านที่แม่สามีมอบให้พวกข้าหลังนั้น” โจวชูจิ่นกล่าว “เช่นนี้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็น่าจะน้อยลงบ้างเล็กน้อย”

โจวเสาจิ่นพยักหน้า ยังอยากจะเสนอความคิดเห็นให้พี่สาวอีกสักสองสามข้อ ทว่ามีบ่าวสูงวัยอยู่ด้านหน้ากล่าวกับพวกนางยิ้มๆ ว่า “ต้ากูไหน่ไน[2] คุณหนูรอง งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้วเจ้าค่ะ”

สองพี่น้องจำต้องจบบทสนทนาลง

หลังจากกราบไหว้บรรพชนของตระกูลโจวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกนางไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากวนที่ซอยจิ่วหรู

เมื่อตระกูลเฉิงจวนหลัก จวนรอง จวนสาม และจวนห้าทราบเรื่อง ไม่เพียงส่งของขวัญมาให้ ยังพากันมาเชิญเลี่ยวเส้าถังไปกินข้าวตามๆ กันด้วยคนแล้วคนเล่า

นี่เป็นการให้หน้าแก่เลี่ยวเส้าถัง แล้วก็เป็นการให้หน้าแก่จวนสี่และตระกูลโจวด้วย เลี่ยวเส้าถังย่อมไม่อาจปฏิเสธได้

ถัดจากนั้นอีกหลายวันโจวชูจิ่นและเลี่ยวเส้าถังต่างเข้าๆ ออกๆ หลายจวนที่ซอยจิ่วหรู แม้แต่โจวเสาจิ่นและหลี่ซื่อก็ได้ตามเข้าไปที่ซอยจิ่วหรูด้วยหลายครั้ง

แต่โจวเสาจิ่นล้วนไม่ได้เจอเฉิงฉือ

งานเลี้ยงของจวนหลัก เป็นฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่ออกหน้ามาต้อนรับ

ท่านน้าฉือไปทำอะไรอีกแล้วนะ

ไม่รู้ว่านางจะหยิบเอาเรื่องนี้มาพูด ให้เฉิงฉือรับปากนางอีกหนึ่งเรื่องได้หรือไม่

เช่นนี้ยามมีเรื่องอะไรนางก็จะได้ดึงเอาธงคำว่า ‘คำสัญญา’ นี้ออกมาโบกได้

โจวเสาจิ่นครุ่นคิดอยู่ในใจ

โดยไม่ได้ไปคิดอย่างถี่ถ้วนว่าเหตุใดตนถึงได้คาดหวังให้เฉิงฉือให้คำสัญญากับตัวเองอีกหนึ่งครั้งไปทำไม

รู้แต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ โจวชูจิ่นและเลี่ยวเส้าถังจึงไม่อาจกลับเจิ้นเจียงตามกำหนดได้

โจวชูจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่เป็นไร! ตระกูลเลี่ยวปรารถนาให้พวกข้ากับตระกูลเฉิงใกล้ชิดกันให้มากยิ่งขึ้น”

โจวเสาจิ่นเห็นท่าทางราวกับได้รับเกียรติของบรรดาสาวใช้ บ่าวสตรีแต่งงานแล้ว บ่าวสูงวัย และพวกพ่อบ้านของตระกูลเลี่ยวที่ตามมารับใช้เหล่านั้นแล้ว ก็รู้ว่าไม่ผิดไปจากสิ่งที่พี่สาวกล่าวเลย จึงวางใจลงมาได้

กระทั่งพบปะกับญาติมิตรฝั่งตระกูลเฉิงเรียบร้อยแล้ว โจวชูจิ่นและเลี่ยวเส้าถังก็จัดเก็บหีบสัมภาระ เตรียมตัวกลับเจิ้นเจียง

นับตั้งแต่ย้อนเวลากลับมา นี่เป็นครั้งแรกที่โจวเสาจิ่นได้พบกับเลี่ยวเส้าถังผู้เป็นพี่เขย

รูปร่างผอมสูง ดวงหน้าฉลาดเฉลียว มารยาทเรียบร้อย ท่าทางจริงจังและสงบเสงี่ยม เปรียบเทียบกับเลี่ยวเส้าถังในความทรงจำแล้ว ดูอ่อยวัยกว่า และสุขุมน้อยกว่า

โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่

เลี่ยวเส้าถังไม่รู้ว่าน้องสาวภรรยาหัวเราะอะไร ดวงหน้ามีความขัดเขินสายหนึ่งวาบผ่าน คุยกับโจวเสาจิ่นไปเพียงไม่กี่ประโยคก็เดินจากไปอย่างอึดอัด

โจวชูจิ่นหยิกแก้มของโจวเสาจิ่น กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าหัวเราะอะไร”

“ไม่ได้หัวเราะอะไรเจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นหลบมือของพี่สาว กล่าวขึ้นว่า “ข้าได้เจอพี่เขย ก็เลยรู้สึกดีใจเจ้าค่ะ!”

โจวชูจิ่นหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ กล่าวเสียงเบาว่า “เขา…เขาดีกับข้ามากจริงๆ”

ตอนที่ 267 เกิดเรื่อง 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน