เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 269

ต้มจืดเต้าหูรวมมิตร หมูสับก้อนต้มซีอิ๊ว หน่อไม้ตุ๋น กุ้งผัดใบชาหลงจิ่ง ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน และต้มจืดลูกชิ้นปลา…กับข้าวเต็มโต๊ะ โดยมากล้วนเป็นอาหารรสจืด และก็เป็นอาหารที่โจวเสาจิ่นชอบกินด้วย โดยเฉพาะหมูสับก้อนต้มซีอิ๊วจานนั้น แต่ละลูกขนาดใหญ่เท่าจอกชาเล็ก ซึ่งเป็นแบบที่นางมักจะบอกให้ห้องครัวเล็กของเรือนหว่านเซียงทำให้นาง

นี่ตั้งใจทำให้นางเป็นพิเศษอย่างนั้นหรือ

“ฮูหยินผู้เฒ่า…” โจวเสาจิ่นถือตะเกียบไว้ ไม่รู้จะกล่าวอะไรดี

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวส่งสัญญาณให้เจินจูที่ดูแลเติมกับข้าวอยู่ข้างๆ คีบหมูสับก้อนต้มซีอิ๊วลูกหนึ่งวางในชามของโจวเสาจิ่น กล่าวยิ้มๆ ว่า “ต่อไปเจ้ายังต้องอยู่ที่เรือนหานปี้ซานไปอีกหลายปี ชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร เจ้าต้องเอ่ยปากบอกข้าถึงจะถูก หาไม่แล้วคนที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนก็จะเป็นตัวเจ้าเอง เข้าใจหรือไม่”

โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกๆ

ฮูหยินผู้เฒ่าจึงยิ้มพลางชี้ไปที่ชามของนาง กล่าวเสียงนุ่มว่า “รีบกินเถิด! ข้ายังให้ในครัวทำขนมวุ้นใสให้ด้วย หลังจากวันนี้ไป เจ้าอยากกินอะไรก็เขียนรายการอาหารส่งไปที่ห้องครัวได้เลย ประเดี๋ยวข้าจะไปดูที่เรือนฝูชุ่ยพร้อมเจ้าด้วย! ไม่รู้ว่าพวกนางเก็บกวาดเป็นอย่างไรบ้าง”

“ห้องหับเก็บกวาดได้สะอาดยิ่งนักเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “พวกชุนหว่านนำข้าวของออกมาจัดวางเสร็จตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะได้ไปเดินย่อยเป็นเพื่อนท่านพอดีด้วยเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ

นางเลี้ยงหลานสาวมากับมือถึงสามคน เฉิงเจิงระมัดระวัง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่เคยให้นางต้องเป็นห่วง เฉิงเซียวเก็บอารมณ์เก่ง มีอะไรก็มักจะเก็บเอาไว้ในใจ ส่วนเฉิงเซิงมีชีวิตชีวา แต่ก็มีชีวิตชีวามากเกินไป บางครั้งเสียงดังจนนางปวดหัวไปหมด โจวเสาจิ่นกลับอยู่ตรงกลางระหว่างพวกนางสามคน กำลังพอดี

ไม่อ้าปากพูดเวลากิน เวลานอนก็เข้านอนตามเวลา

หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว โจวเสาจิ่นประคองฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปที่เรือนฝูชุ่ย

เครื่องเรือนลงน้ำมันเงาสีดำ ฉากกั้นแขวนผ้าม่านทำจากผ้าไหมหังโจวสีเขียวเข้ม แจกันกระเบื้องสีขาวนวล จอกชาเคลือบหลากสี หน้าโต๊ะหนังสือตัวใหญ่ข้างหน้าต่างยังวางแจกันปากแคบหรู่เหยาปักดอกอวี้หลานเอาไว้ด้วย

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวประหลาดใจเล็กน้อย

แจกันสีขาวนวลและจอกชาเคลือบหลากสีพวกนั้นเพิ่งจะเป็นที่นิยมในสองปีมานี้เอง คนรุ่นเก่าไม่ชอบที่พวกมันไม่มีรายละเอียด เรียบง่ายเกินไปหรือไม่ก็ตามสมัยนิยมเกินไป แต่คนรุ่นหลังกลับชอบที่พวกมันดูสดใสมีชีวิตชีวา

ถึงแม้นางจะสั่งให้สื่อมามารับรองโจวเสาจิ่นให้ดี ทว่าก็ไม่ได้บอกว่าต้องรับรองอย่างไร ตามสายตาของสื่อมามาแล้ว เป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่าน่าจะไปเปิดคลังเก็บของแล้วหยิบเอาเครื่องกระเบื้องเคลือบหลากสี และกระถางเผิงจิ่งหยกที่ค่อนข้างมีค่าออกมารับรองแขกมากกว่า

ของตกแต่งที่ดูสุขุมทว่าไม่ขาดความสดใสเช่นนี้ไม่มีทางเป็นการออกแบบของสื่อมามาไปได้

แต่อยู่ต่อหน้าโจวเสาจิ่นเช่นนี้นางไม่อาจถามอะไรมากได้

หลังจากนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของเรือนฝูชุ่ยได้ครู่หนึ่งแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ลุกขึ้นขอตัว

โจวเสาจิ่นไปส่งฮูหยินผู้เฒ่ากัวจนถึงหน้าประตูถึงได้หมุนตัวกลับ

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเงียบมาตลอดทางจนกลับมาถึงเรือนหลัก

สื่อมามาที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นว่าเมื่อครู่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยังดีๆ อยู่ แต่พอไปดูที่พักของโจวเสาจิ่นแล้วอารมณ์ก็ดูหดหู่ลงเล็กน้อย นางอดไม่สบายใจไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเจินจูประคองฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั่งลงบนตั่งหลัวฮั่นเรียบร้อยแล้ว นางจึงรีบรับเอาน้ำชาที่สาวใช้เด็กยกเข้ามา แล้วยกไปให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วยตัวเอง

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจิบชาไปคำหนึ่ง สั่งให้เจินจูและคนอื่นๆ ออกไป ถามนางว่า “ที่พักของคุณหนูรองนั้น เจ้าเป็นคนจัดเตรียมด้วยตัวเองหรือ”

ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้นี่เอง

สื่อมามารู้สึกโล่งไปเปลาะหนึ่ง

เริ่มแรกนางเองก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ฉินจื่อผิงบอกว่า นี่เป็นความคิดของนายท่านสี่ นางก็เลยปล่อยให้พวกเขาไปจัดการตามที่ต้องการ

“มิใช่เจ้าค่ะ” สื่อมามากล่าวยิ้มๆ “เป็นความคิดของพ่อบ้านฉินคนข้างกายของนายท่านสี่เจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวขมวดคิ้วมุ่น ให้สื่อมามาออกไป นั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังเงียบๆ ครู่หนึ่ง ถึงได้เรียกเจินจูเข้ามาปรนนิบัตินางพักผ่อน

โจวเสาจิ่นกลับนอนกลิ้งอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข

เตียงหลังนี้นางก็ชอบมากเช่นกัน

เป็นเตียงเคลือบเงาขนาดเล็ก หัวเตียงมีลิ้นชักเล็กๆ จำนวนมาก ทำให้วางของได้มากมาย

ยังมีแผ่นรองเตียงนุ่น ปูทับเอาไว้หลายชั้น เมื่อเอนตัวนอนลงไปแล้วนุ่มยิ่งนัก ราวกับนอนอยู่บนปุยเมฆ ไม่เหมือนเตียงที่เรือนหว่านเซียง ค่อนข้างแข็ง ถึงแม้จะบอกว่านอนแล้วดีต่อสุขภาพ แต่นางชื่นชอบเตียงนุ่มๆ มากกว่า ชาติก่อนหลังจากที่นางย้ายไปอยู่บ้านสวนที่ต้าซิ่งแล้วก็ให้คนยัดนุ่นทำแผ่นรองเตียงสี่ชั้น แล้วปูทั้งหมดลงบนตั่งนอน

ชุนหว่านเห็นแล้วก็ปิดปากหัวเราะไม่หยุด พลางกล่าว “คุณหนูรอง ดอกไม้ที่ท่านทิ้งไว้ที่เรือนหว่านเซียงนั้นต้องการให้ย้ายมาที่นี่หรือไม่เจ้าคะ”

โจวเสาจิ่นรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยขึ้นมา

เดิมทีนางคิดเอาไว้ว่า ดอกไม้เป็นอะไรที่เปราะบาง หลังจากพี่สาวแต่งงานแล้วหากนางได้อยู่ที่เรือนเจียซู่ต่อ ก็ยังไม่ต้องไปเคลื่อนย้ายดอกไม้เหล่านั้น แต่ถ้าได้ตามหลี่ซื่อกลับไปที่เป่าติ้ง นางย้ายพวกมันออกจากซอยจิ่วหรูก็นับว่าเป็นเรื่องที่สมควร

แต่ตอนนี้ นางเข้ามาอยู่ที่เรือนหานปี้ซาน ของบางอย่างยังอยู่ที่เรือนหว่านเซียง เมื่อครู่ท่านยายยังบอกให้นางกลับไปพักที่เรือนหว่านเซียงบ้างอยู่เลย หากยังไม่ทันไรนางก็ไปย้ายของออกจากเรือนหว่านเซียงแล้ว…ย่อมทำให้คนรู้สึกว่าไม่แยแสผู้อื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ คงจะย้ายดอกไม้พวกนั้นกลับไปที่ถนนผิงเฉียวตั้งแต่แรกไปแล้ว

มาพูดเรื่องนี้เอาตอนนี้ก็สายไปแล้ว

“คงได้แต่ต้องหาโอกาสค่อยๆ ไปเคลื่อนย้ายออกมาทีละนิดในวันข้างหน้าแล้ว” โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างไม่มีทางเลือก

ชุนหว่านรับคำยิ้มๆ พลางช่วยโจวเสาจิ่นถอดปิ่นปักผม

โจวเสาจิ่นนอนหลับสนิทตลอดคืนโดยไม่ฝันอะไรเลยจนถึงเช้า

มีความเคลื่อนไหวมาจากทางด้านของฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว

นางจึงรีบลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้า

ชุนหว่านกล่าวยิ้มๆ ว่า “คุณหนูใจเย็นๆ เจ้าค่ะ! ตอนที่ท่านยังไม่ตื่นแม่นางเจินจูได้รับคำสั่งจากฮูหยินผู้เฒ่ามาบอกว่าให้ท่านไม่ต้องไปคารวะยามเช้าก็ได้ ทุกเช้ายามซื่อเจิ้ง[1]ไปสวดพระธรรมเป็นเพื่อนนางที่ห้องพระสองม้วนก็พอเจ้าค่ะ”

“จะให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!” โจวเสาจิ่นยังคงเร่งให้ชุนหว่านรีบช่วยนางล้างหน้าและแต่งตัว

ชุนหว่านกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าเองก็ถามแม่นางปี้อวี้กับแม่นางเจินจูแล้ว บอกว่าเมื่อก่อนตอนที่คุณหนูเซิงอยู่ก็เป็นเช่นนี้ ยังบอกอีกว่า หลายปีมานี้บางครั้งฮูหยินผู้เฒ่าตื่นเช้ามาก็มักจะเอนกายนอนครุ่นคิดอะไรอยู่บนเตียงไปกว่าครึ่งค่อนวัน คาดว่านางเองก็ไม่อยากให้มีใครไปรบกวนเช่นกัน ข้าว่าคุณหนูรองเองก็ควรจะทำตามที่ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการโดยไปสวดพระธรรมเป็นเพื่อนนางที่ห้องพระวันละสองม้วนก็พอเจ้าค่ะ”

เพิ่งจะมาถึง ก็ไม่รู้ว่าคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นจริงหรือเท็จ แต่ในเมื่อปี้อวี้และเจินจูต่างพูดเช่นนี้ นางก็ทำตามอย่างเชื่อฟังก็แล้วกัน

โจวเสาจิ่นจึงผ่อนคลายลงมา

ชุนหว่านหยิบรายการอาหารสีแดงสดเหลือบทองมาให้นาง “คุณหนูรอง ท่านดูสิเจ้าคะ! นี่เป็นรายการอาหารที่ในครัวส่งมาให้ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ บอกว่านี่เป็นรายการอาหารที่จัดเตรียมกันตามปกติ พวกเราอยากกินอะไรก็ให้ทำเครื่องหมายลงบนรายการอาหารนี้ก็ได้แล้ว แต่ถ้ามีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษแล้วไม่มีอยู่ในรายการอาหารใบนี้ ก็ให้ท่านส่งคนไปบอกที่ห้องครัว พวกเขาจะเปลี่ยนรายการอาหารมาให้เจ้าค่ะ”

ตอนที่ 269 ย้ายบ้าน 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน